bc

เจ้าชายรัตติกาล

book_age18+
11
FOLLOW
1K
READ
HE
sweet
mystery
vampire
like
intro-logo
Blurb

เขาลึกลับ ซับซ้อน และร่อนแรง!!!

chap-preview
Free preview
ชีวิตแพทย์จบใหม่ในล็อกเกอร์ nc นิดๆ
สภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าทุกปี ในรัฐเล็กๆทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ที่เดินทางมางานรับปริญญาของบัณฑิตแพทย์ปีนี้บางตาลงไปมาก ‘ถ้าไม่ติดว่าเป็นตัวแทนบัณฑิตกล่าวคำปฏิญาณละก็ ฉันจะไม่แงะร่างตัวเองออกจากเตียงเด็ดขาด’ เกลในชุดครุยสุภาพถอนใจท่ามกลางหมู่มวลมหาชนที่กำลังนั่งรออยู่ในหอประชุมของมหาวิทยาลัย ผิวขาวกระจ่างใสของเกลทำให้เธอเป็นที่สังเกตได้ง่ายแม้จะอยู่ท่ามกลางมวลมหาชน ไม่นับรวมใบหน้าที่คมสวยดุจเทพีอโฟรไดท์ ที่ใครเห็นเป็นต้องเผลอมองอย่างลืมตัว “ปีนี้ใครมากล่าวสุนทรพจน์นะ” เสียงเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังกำลังกระซิบกระซาบอย่างออกรส “มิสพาติน เจ้าของโรงพยาบาลไนท์ที่ได้รับรางวัลโนเบลเมื่อปีที่แล้วไง” เสียงกระซิบตอบกลับ “โรงพยาบาลไนท์เหรอ ถ้าฉันได้มีโอกาสทำงานที่นั้นก็คงดี ได้ข่าวว่าค่าตอบแทนสูงริ้ว” การเดินทางมาถึงของอธิการบดีร่างท่วมทำให้เสียงซุบซิบซาลงไป ทั่วทั้งห้องเงียบสงัด ก่อนที่สุภาพสตรีสูงวัยท่านหนึ่งจะเดินขึ้นไปกลางเวที ทันทีที่เธอเข้าประจำที่ยังโพเดี่ยม ทั่วทั้งหอประชุมก็อื้ออึงไปด้วยเสียงปรบมือ “ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตทุกคน...” ไม่ต้องบรรยายก็คงพอจะดาออกนะว่า เธอครองไมค์นานขนาดไหน แต่เอาเถอะเรื่องราวชีวิตของเธอก็น่าสนใจเสียจนเพื่อนคนที่ยืนข้างๆเกลหาววอดไปสามสี่หน เกลเฝ้ามองใจจดใจจอ ไม่ใช่ว่าสนใจเรื่องราวชีวิตอันยาวเหยียดของมิสมาติน แต่เกลมีคิวต้องเข้าไปประจำที่โพเดี่ยมต่อจากเธอ หากเธอหลับอาจพลาดช่วงเวลาของตนไป “คนที่ใส่แว่นตาอยู่ข้างเวทีนั่นใคร หล่อดีนะแต่ทำตัวแปลกๆ” เสียงกระซิบจากข้างหลังเริ่มดังขึ้นเพื่อฆ่าเวลา เกลที่ไม่ได้แอบฟังแต่บังเอิญได้ยินก็หันไปมองข้างเวทีอย่างที่พรายกระซิบเขาคุยกัน ชายร่างสูงในชุดสูทสุภาพ สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเฝ้าวิหารไม่ไหวติงไปไหน เธอมองคนคนนั้นอยู่นานจนชั่วอึดใจหนึ่งเธอก็คิดว่าเขากำลังมองเธอผ่านแว่นตากันแดดสีดำสนิทนั้น แต่แล้วแขนของใครคนหนึ่งก็สะกิดให้เธอได้สติ มองไปยังโพเดี่ยมที่บัดนี้ไม่มีมิสมาตินแล้ว ขายาวเท่าไหร่เกลก้าวไม่ยั้ง จนมาถึงโพเดี่ยมที่ออกจะเตี้ยเกินไปสำหรับผู้หญิงร่างสูงสมส่วนอย่างเธอ เกลหันไปสบตบกับเพื่อนบัณฑิตที่ยื่นอยู่ตรงหน้า และเริ่มกล่าว ‘คำปฏิญาณอันเป็นจริยธรรมของแพทย์’ ที่ทุกคนต่างเฝ้าซ้อมกันมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ “ข้าขอสาบานต่ออะพอลโล เทพแห่งแพทย์ ‘เอสคิวเลเพียส, ไฮจีเอีย, แพนาซีอา และทวยเทพทั้งมวล ได้โปรดเป็นพยานว่าข้าจะปฏิบัติงานด้วยพลังความสามารถและดุลพินิจทั้งมวลที่มีให้สมดั่งสัตย์สาบานและสัญญาต่อทวยเทพ เทิดทูนบูชาผู้สอนสั่งข้าเทียบบิดรมารดา ชีวิตนี้พลีเป็นหุ้นส่วนกับท่านนั้น หากท่านขาดแคลนเงินทอง ข้าพร้อมจะแบ่งปันส่วนที่มี และถือว่าทายาทของท่านดุจพี่น้องร่วมสายธารโลหิตฝ่ายบุรุษ พร้อมจะสอนสั่งสรรพความรู้หากเขาประสงค์จะได้รับ โดยไม่คิดค่าจ้าง ขอให้สัตย์ต่อทวยเทพ ข้าจะแบ่งปันความรอบรู้ พร่ำสอนสั่งชี้แนะวิถีปฏิบัติและความรู้อื่นที่ข้ามีด้วยวาจา เฉพาะต่อบุตรของข้าและบุตรของผู้สอนสั่งและทุกผู้ทุกคนผู้ที่ให้สัตย์สาบานนี้และให้สัญญาต่อทวยเทพ มิใช่ผู้อื่นนอกจากนี้ ข้าจะให้การดูแลเชิงโภชนาการต่อผู้ป่วยด้วยพลังความสามารถและดุลพินิจทั้งมวลที่มี ข้าจะดูแลผู้ป่วยให้รอดพ้นภยันอันตรายและความอยุติธรรม ข้าจะไม่ให้ยาคร่าชีวิตผู้ใด แม้เขาจะร้องขอ และจะไม่ให้คำแนะนำในทำนองนั้น ในทำนองเดียวกัน ข้าจะไม่ให้ยาขับครรภ์ต่อสตรี ข้าจักครองชีวิตและศิลปวิทยาในทำนองบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ ข้าจักไม่ใช้มีด แม้ต่อผู้เจ็บปวดทรมานจากก้อนหิน แต่จะใช้มีดเพื่อดึงหินจากผู้เจ็บปวดนั้น บ้านหลังใดที่ข้าไปเยี่ยมเยียน จะทำเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยไข้โดยไม่มีเจตนาจงใจใรความอยุติธรรม ไร้ความประสงค์ร้ายโดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ทางเพศ ต่อบุรุษหรือสตรี ไม่ว่าผู้ป่วยนั้นจะเป็นเสรีชนหรือทาส สิ่งใดที่ข้าได้พบเห็นเรื่องราวใดที่ข้าได้ยินในระหว่างการบำบัดรักษาหรือไม่เกี่ยวเนื่องกับการรักษา เรื่องราวของชีวิตมนุษย์ที่ไม่สมควรจะแพร่กระจาย ข้าจะเก็บไว้ในใจตน เก็บซ่อนไว้ประหนึ่งเรื่องน่าอายที่ไม่บังควรกล่าวออกมา หากข้าปฏิบัติตามสัตย์สาบาน มิได้ละเมิดฝ่าฝืน ขอให้ประสบแต่ชีวิตและศิลปะดีงาม ได้รับเกียรติการยกย่องในหมู่เพื่อนมนุษย์ตราบสิ้นอายุขัย แต่ถ้าข้าตระบัดสัตย์ หรือให้คำสาบานเป็นเท็จ ผลในทางตรงกันข้ามจักเกิดต่อชีวิตข้า”* เสียงกล่าวคำปฏิญาณดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกึกก้องไปทั่วบริเวณ ต่อจากนี้ไปพวกเขาจะไม่ใช่แค่นักศึกษาแพทย์ แต่พวกเขาคือแพทย์ที่กอบกำความเป็นความตายของเพื่อนมนุษย์เอาไว้ในกำมือของตนเอง เกลตั้งปฏิญาณกับตัวเองในใจว่า ‘จะพยายามเป็นหมอที่ดี เพราะคำปฏิญาณไม่นานก็คงจะลืมเพราะมันยาวจำยาก แต่หากเป็นความตั้งใจว่าจะพยายามทำอะไรสักอย่าง เราจะไม่มีวันลืม เพราะมันคือเป้าหมายในชีวิตเรา’ ******************************************************************* และแล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับคนเรา เกลกลายเป็นคนเดียวที่ทางโรงพยาบาลไนท์ติดต่อมา จากบรรดาบัณฑิตทั้งหมดในวันนั้น เธอคือคนที่ได้รับเลือกและถูกเรียกตัวให้ไปรายงานตัวต่อมิสพาตินทันทีที่ได้รับจดหมาย โรงพยาบาลไนท์อยู่ห่างจากบ้านเกลหลายไมล์ ใช้เวลาเดินทางถึง4ชั่วโมง กว่าร่างสูงสมส่วนจะนำพาตัวเองมานั่งในห้องทำงานของมิสพาติน เจ้าหล่อนอยู่ในชุดสูทที่เขียวมรกต ใบหนาหย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา เกลเดาว่าเธอน่าจะอายุราวๆ 60กว่าๆเห็นจะได้ “ทุกคนล้วนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดคุณเกล และคุณ...คือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ฉันเลือก” มิสพาตินพูดเปรยถึงความพิเศษในการถูกเลือกครั้งนี้ ทั้งๆที่เกลออกจะไม่ชอบเสียด้วยซ้ำ ที่ต้องเดินทางมาทำงานไกลบ้านขนาดนี้ แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มรับคำชมนั้นอย่างว่าง่าย “ฉันส่งชื่อคุณไปที่แผนกศัลยกรรมแล้ว คุณช่วยงานในห้องผ่าตัดได้ใช่ไหม” การแจกแจงงานของมิสพาตินทำเอาคนฟังแปลกใจ มันต้องมีอะไรผิดพลาด หมอจบใหม่แบบเธอควรไปเริ่มจากแผนกฉุกเฉินหรือไม่ก็แผนกผู้ป่วยนอก แผนกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แผนกศัลยกรรมมันยังไกลไปสำหรับความสามารถอย่างเธอ แม้จะเคยช่วยงานอาจารย์มาบ้างในบางเคส แต่เธอคิดว่าอาจารย์แพทย์คงจะไม่ได้ระบุมาในปริญญาหรอกมั้ง ว่าเธอทำอะไรได้บ้าง “เดี้ยวค่ะคุณพาติน ฉันคิดว่าต้องมีบางอย่างผิดพลาด ชื่อฉันควรจะอยู่ที่แผนกฉุกเฉิน” “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นละคุณเกล” ดวงตาอ่อนล้าของคนสูงวัยมองมายังเธอหมายจะเอาคำตอบ “ที่อื่น...” เกลพยายามจะพูดอธิบายถึงการเริ่มทำงานที่หมอรุ่นพี่เล่าให้ฟังแต่เสียงแหบของมิสพาตินก็แทรกขึ้นมาทันที “ที่นี่ ไม่ใช่ที่อื่น ฉันรับคุณมาทำงานในห้องผ่าตัด คุณก็แค่ไปทำงานที่นั้น จากที่อาจารย์ของคุณบรรยายสรรพคุณโดยย่อให้ฟังในวันรับปริญญา ฉันว่าช่วยงานในห้องผ้าตัดไม่เหลือบ่าฝ่าแรงเกรียตินิยมอันดับหนึ่งอย่างคุณหรอก เอาละไปที่แผนกได้แล้ว” มิสพาตินหันหลังให้เธอทันทีที่ออกปากไล่หมอใหม่ให้ไปยังแผนกที่เปรียบเหมือนเพชรยอดมงกุฎของโรงพยาบาล มันไม่ได้เหลือบ่าฝ่าแรง แต่มันเร็วไปที่จะไปแผนกนั้นในวันแรกที่เข้าทำงานทั้งๆที่เธอเป็นแค่แพทย์ทั่วไป ถ้าไม่ติดว่าเป็นหนี้เพราะกู้เงินมาเรียน เธอจะกลับบ้านทันที ไม่ทงไม่ทำมันแล้ว ผ่าตัดเนี่ย!!! ​แล้วเกลก็นำพาร่างของตนเองมาหยุดอยู่หน้าตึกศัลยกรรม ตึกสูงของแผนกศัลยกรรมแยกตัวแบ่งขอบเขตชัดเจนจากส่วนอื่นๆของโรงพยาบาล ถูกออกแบบให้มีรูปแบบทันสมัยและน่าอภิรมย์กว่าตึกศัลย์ของโรงพยาบาลอื่นๆที่เธอเคยเห็นมา ชีวิตการทำงานวันแรกก็ไม่มีอะไรมาก เธอมีแพทย์รุ่นพ่อคอยนำทางอธิบายงานต่างๆที่ต้องทำ และงานที่เธอได้รับหมอบหมายคืออำนวยความสะดวกให้กับแพทย์รุ่นพี่ในแผนก แน่ละ อย่างเธอจะไปเทียบชั้นอะไรกับแพทย์เฉพาะทางพวกนั้นได้ ก็คงได้แต่ก้มหน้ารับกรรมวิ่งซื้อข้างซื้อน้ำ ร่างบางนั่งฟุบตัวลงกับโต๊ะทำงานในห้องพักแพทย์หลังจากใช้เวลาทั้งวันไปกับการวิ่งซื้อของและช่วยทำงานเล็กน้อยไม่เป็นชิ้นเป็นอัน งานใหญ่ของวันนี้คงไม่พ้นการถูกเรียกตัวเข้าไปช่วยงานในห้องผ่าตัดช่วงบ่าย แพทย์สาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะความตื่นเต้นในการทำหน้าที่แพทย์ครั้งแรกอย่างเต็มตัว สวมชุดสีเขียวของห้องผ่าตัดเดินผ่านประตูไปด้วยหัวใจพองโตจนคับอก เมื่อเธอไปถึงเตียงผ่าตัด ศัลยแพทย์ก็เงยหน้าจากลำไส้ใหญ่ขึ้นมาสบตากับเธอ พูดเสียงอู้อี้ผ่านหน้ากากอนามัยมาว่า “ทำที่เหลือได้ใช่ไหม ปิดช่องท้อง” แววตามุ่งมั่นเปรี่ยมไปด้วยพลังของเกลสบตากับหมอเจ้าของเคสแล้วพยักหน้ารับในทันที “ระวังหน่อยละ ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง” คำบอกกึ่งเตือนทำให้แววตามุ่งมั่นเมื่อครู่มองต่ำลงไปยังช่องท้องที่ถูกเปิดอยู่และเต็มไปด้วยเลือดของผู้ป่วย น้ำลายระลอกใหญ่ผ่านลำคอที่แห้งผากลงไปอย่างกล่ำกลืน ‘เคสแรกก็ประเดิมได้อย่างสวยงาม’ เกลนึกบ่นกับตัวเองเบาๆแต่ก็ปฏิบัติงานต่อไม่มีเกี่ยงงอน มองดูภาพของศัลยแพทย์ที่เดินออกจากห้องผ่าตัดไปตาระห้อย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะร้องขอให้เขาอยู่ดูขณะปฏิบัติงานเหมือนอย่างที่อาจารย์แพทย์จะอยู่กับเธอเสมอตอนลงมือทำหัตถการกับผู้ป่วย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่ใช่นักศึกษาแพทย์แต่เป็นแพทย์เต็มตัว จะมางอแงก็ไม่ใช่ที่ คิดได้อย่างนั้นก็ก้มหน้าทำงานของตนต่อไป เกลใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีในการปิดช่องท้อง หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็มุ่งหน้าไปยังห้องพักแพทย์แผนกศัลย์หวังจะไปทำความสะอาดร่างกายที่นั้น แต่ทันทีที่เธอย่างกายเข้าไปใกล้กับห้องนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังครื้นออกมา “หมอเกรนก็ไปแกล้งเด็ก คนมีตั้งมากทำไมไปรับน้องวันแรกหนักขนาดนั้น” เสียงของใครสักคนในห้องดังลอดประตูออกมา เกลหยุดฟังนิ่งเพราะแน่ใจชัดว่า พวกเขา กำลังพูดถึงเธอ “น้อยไปละสิค่ะ ใช้เต้าไต่ขึ้นมาอย่างนั้น มีอย่างที่ไหนถูกเรียกตัวมาโดยไม่ต้องยื่นใบสมัคร แถมยังได้เข้ามาอยู่แผนกศัลย์ทันที เหอะ ทีตอนฉันนะต้องสอบนู้นนี่วุ่นวายไปหมด” เสียงของผู้หญิงที่พูดดังลอดประตูมา แม้จะไม่เห็นหน้าแต่ฟังจากน้ำเสียงยังรู้เลยว่า สะใจแค่ไหนที่ได้กลั่นแกล้งเธอ เกลถอนหายใจยาวก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกมาจากหน้าประตูห้องพักแพทย์นั้น และนำร่างมายังห้องพักแพทย์อีกห้องที่เล็กกว่า ซึ่งอยู่อีกชั้นหนึ่งของตึก ในห้องโล่งไม่มีใครอยู่ เธอตรงเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำทันที สายน้ำที่ไหลชโลมตัวทำให้ความเหนื่อยในวันนี้หมดสิ้นไป แต่ความน้อยใจและรู้สึกถึงการถูกบีบคั่นหัวใจ ทำให้สาวน้อยที่ยังอ่อนต่อโลกหลั่งน้ำตาออกมาพร้อมๆกับสายน้ำ นี่สินะที่เขาเรียก ความเป็นผู้ใหญ่ เธอจะต้องไม่อ่อนไหวกับโลกที่โหดร้ายเพราะยังมีคนอีกมากที่รอการรักษาจากเธออยู่ หญิงสาวทิ้งความคับอกคับใจไว้เบื้องหลัง มือควานหาผ้าเช็ดตัวแต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเธอมาตัวเปล่า!!! ‘สติสตังไปไหนหมดเกล’ เธอนึกบ่นความสะเพร่าของตนเองในใจ ก่อนจะเดินตัวเปลือยเปล่าออกจากห้องน้ำเพื่อไปหาเสื้อผ้าที่อาจจะมีใครทิ้งเอาไว้ มายืมใส่ก่อน เสื้อผ้าของเธอก็อยู่อีกห้องหนึ่งซะด้วย คงไม่มีทางเลือกไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้วละ ร่างแบบบางเดินตรงไปยังล็อกเกอร์ ภาวนาให้มีสักตู้ที่มีเสื้อผ้าหนาๆสักชุดให้เธอได้สวมใส่กันความหนาวเย็นนี้ แต่แล้วระหว่างที่เธอกำลังค้นหาเสื้อผ้าอยู่นั้นก็มีเสียง กุกกัก ดังมาทางประตู ประสาทสั่งการของเธอชี้ชัดให้หันไปทางต้นเสียงแต่ระหว่างที่กำลังกวาดตาไปทางประตูเธอก็พบกับ ใครบางคน!!! ร่างผอมสูงในชุดกาวด์ยาวสีขาวสะอาดตากำลังยืนอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของห้อง เธอแทบจะสิ้นสติเสียตรงนั้นเมื่อตระหนักได้ว่า ร่างของเธอกำลังเปลือยเปล่า ‘ไม่นะ พระเจ้าช่วยลูกด้วย’ เกลได้แต่ภาวนาให้สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่เป็นความจริง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่เดินทางมาหลายไมล์เพื่อนำตัวเองมาสู่ความขายหน้า ที่คงจะจดจำติดตัวไปจนกว่าสตินึกรู้ยังทำงานได้ดี ในช่วงเวลากระชั้นชิดนั้นเธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ควรจะยืนรอให้อีกคนที่กำลังเข้ามาได้เห็นเธอเปลือยเปล่าไปพร้อมๆกับใครคนนั้นที่ยืนอยู่หรือไม่ หรือควรกระโดดลงไปทางหน้าต่างให้รู้แล้วรู้รอดไป ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดเข้ามาร่างสูงในชุดกาวด์ก็ก้าวสามขุมเข้ามาหาเธอ ยัดเอาตัวเธอและเขาเข้าไปเบียดกันอยู่ในล็อคเกอร์แคบๆ ‘บ้ากันไปใหญ่แล้ว วันนี้มันเป็นวันอะไรกัน’ เกลที่ถูกเบียดจนหลังชิดกับผนังเย็นๆของล็อกเกอร์นั้นก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือของใครที่กำลังกำรอบแขนของเธอเอาไว้แน่นอยู่นี้ เย็นชืดเสียยิ่งกว่าล็อกเกอร์หลายเท่า กลิ่นกายสะอาดของเขาปะทะกับจมูกของเธอเข้าอย่างจัง ใครสักคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอคงจะต้องเป็นคนที่รักความสะอาดมากแน่ๆ ร่างสูงของเขาทำให้การเขามาอยู่ในล็อกเกอร์กับเธอไม่สบายเลย เขาต้องก้มหน้าลงมาซบอยู่ตรงซอกคอของเธอเพราะไม่อย่างนั้นหัวสูงๆของเขาจะชนเข้ากับล็อกเกอร์อย่างจัง แต่ในความทุลักทุเลที่ทั้งสองยืนกกกอดกันอยู่ในที่คับแคบนั้น เสียงแปลกประหลาดก็ดังมาจากด้านนอก “อ๊ะ ...อ๊า..ไมค์...คุณสุดยอดที่สุด” เสียงอ่อนระทวยของใครบางคนดังอยู่ในห้องนั้น “โอววววเกรน ...คุณฟิตมาก ขอมาเอาบ่อยๆนะ” เสียงดังทุ่มของฝ่ายชายบ่งบอกถึงความเสียวซานเต็มกำลัง ดวงตาที่ปิดสนิทของเกลเบิกโพลงเมื่อได้ยินประโยคสนทนาที่เร้าร้อน หญิงสาวขยับตัวเพราะความตกใจแต่ก็ถูกร่างที่ยืนเบียดอยู่ด้วยกันนั้นรวบเอวตึงเอาไว้แน่น “นิ่งๆ” เสียงนุ่มๆของเขาเบาดุจเสียงกระซิบอยู่ข้างใบหู ใบหน้าเย็นชืดของเขายังคงซบอยู่ที่ซอกคอของเธอนิ่ง “อ๊ะ...ไม่ไหวแล้ว...ซีดดดดดดดด” เสียงของฝ่ายชายดังขึ้นก่อนที่จะมีเสียงการกระทบกันของอวัยวะอย่างแรงดังลอดเข้ามาในล็อกเกอร์ ทำให้คนที่ต้องทนฟังอย่างไม่ตั้งใจขนลุกซูด้วยความรู้สึกที่แสนประหลาด หลังจากจังหวะนั้นเงียบไปไม่นานก็มีเสียงประตูปิดลงเป็นสัญญาณว่าทั้งคู่เสร็จสิ้นภารกิจและพากันออกไปแล้ว ยังเหลือคนที่อยู่ในล็อกเกอร์ที่ยืนฟังมาตั้งแต่เริ่มจน เสร็จ มีหรือจะไม่หวั่นไหวไปกับเสียงนั้น

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ยั่วรัก หม้ายสาวสายแซ่บ

read
10.2K
bc

สายรักสายลับ

read
1K
bc

รักฝังใจ One night stand 18+

read
6.4K
bc

หนูจะร้ายให้พี่รัก

read
2.3K
bc

ผัวเก่า

read
21.2K
bc

มาเฟีย คลั่งรัก (25+)

read
2.7K
bc

ทวงรักร้ายนายมาเฟีย [ซีรี่ส์เซ็ตที่1 เรื่องที่2]

read
2.0K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook