บทที่ 1
สิบปีก่อน
ยังคงเป็นวันที่ฝนโปรยปรายจนเกิดละอองฝอย หลังจากตกหนักมาตลอดหลายวัน สาวน้อยรูปร่างไม่สูงแต่ไม่เตี้ยดูเค้าลางว่าอีกไม่กี่ปีคงอวบอิ่มเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ผิวไม่ขาวจัดแต่ก็ไม่คล้ำ หากแต่ใบหน้าคมอย่างคนใต้ปากกว้างอวบอิ่ม
ร่างของสาวที่กำลังใกล้บานนสะพรั่งวิ่งผ่านราวสะพานไม้เล็กแค่เพียงคนเดินผ่านวางเรี่ยบนน้ำดูแล้วน่าหวาดเสียว แต่ร่างเล็กกลับไม่ใส่ใจ เธอมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการไปให้ถึงตัวชายหนุ่มที่กำลังสาวเชือกหอยตะโกรมขึ้นมาจากน้ำ
“พี่แทน”
เสียงหวานอย่างเด็กสาวตะโกนสุดเสียง ดวงตาคมรีขนตาดกหนาส่งประกายวาววับจนเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนแพกระชังตาพร่า
จากนั้นจึงหยุดร่างในชุดนักเรียนมัธยมปลายเมื่อใกล้ถึงตัวชายหนุ่มแล้วปีนขึ้นไปบนแพไม้ไผ่ที่สานเป็นตารางสำหรับพอยืนได้นั่งยองลงด้านข้าง
“บัวเรียกก็ไม่ขานรับ”
เสียงใสกระเง้ากระงอดอย่างเด็กสาวดังขึ้น จนเด็กหนุ่มหัวเราะ มือยังสาวหอยขึ้นจากน้ำเพื่อตรวจดูว่าโตเต็มที่หรือยัง
เขาเอี้ยวหน้ามองเด็กสาวที่เป็นเพื่อนเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ บัว หรือ บุษยา เศวตร ลูกสาวของนายหัวบัญชร เศวตร เจ้าของฟาร์มหอยนางรมชื่อดังของเมืองสุราษฎร์ สวนยางอีกนับไม่ถ้วนที่ปล่อยให้เช่า
ตั้งแต่เขาเกิดมา เขาก็อยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้ ในสวนนี้ ไม่เคยได้ก้าวเท้าออกไปนอกจากไปเรียนหนังสือ นั้นเพราะแม่ของเขาเป็นลูกจ้างของบ้านเศวตรมานานจากรุ่นตายาย
“จะตอบทำไม บัวส่งเสียงมาแต่ไกลแบบนั้น ขนาดปลาในน้ำคงได้ยินกันหมด ขืนพี่ตอบไป บัวคงตะโกนขึ้นอีก”
สาวร่างเล็กยิ้มเขินที่ พี่แทน หรือ พสุธา ทองคำ พูดขึ้น เธอเอี้ยวหน้าจ้องเขาตอบด้วยรอยยิ้มพิสุทธิ์ เด็กหนุ่มลูกจ้างที่บ้าน เด็กหนุ่มลูกครึ่งผิวคล้ำ ผมหยักศก นัยน์ตาสีฟ้า นั่นเป็นเพราะชาติกำเนิดของเขา
เธอก้มดูหอยในมือของชายหนุ่มร่างสูงชะลูดกล้ามเนื้อยังไม่หนั่นแน่นมากนัก เขาคุกเข่าหนึ่งข้างกับพื้นไม้แล้วจึงค่อยหย่อนราวเชือกที่มีหอยจำนวนหนึ่งเกาะอยู่ลงไปในน้ำดั่งเดิม
“หิวหรือยัง ได้แวะไปที่ห้องครัวมาหรือเปล่า”
บุษยาเงยหน้าขึ้นตอบเสียงแจ่มใส
“ยังเลยค่ะ บัวรอกินพร้อมพี่แทน”
“รอพี่ทำไมกัน อีกตั้งนานกว่าจะเลิกงาน”
พสุธายืดกายลุกขึ้นเพียงเพื่อออยากให้สาวน้อยลูกนายหัวบัญชรลุกขึ้นตาม ตั้งแต่เด็กจนโตความรู้สึกที่เติบโตขขึ้นตามวัยได้เปลี่ยนไป เขาเคยเฝ้ามองเด็กหญิงอ่อนกว่าเขาห้าปี ตามติดตัวเขาไม่ว่าเขาจะเข้าสวนยาง หรือลงเล่นน้ำทะเลบ้างบางครั้ง
แต่เมื่อบุษยาเริ่มโตเป็นสาว โดยเฉพาะปีนี้ที่ร่างกายของเขามีความรู้สึกพลุ่งพล่านแปลก ๆ ยามมองเธอ ผมสั้นเลยติ่งหูไปเล็กน้อยแต่หนาเป็นเงางาม และคาดว่าไม่นานคงยาวสยายถึงกลางหลัง
“บัวอยากรอพี่แทน ไปกันเถอะค่ะ อีกแค่สิบนาทีเอง พ่อคงไม่ว่าถ้าพี่จะเลิกงานก่อน อันที่จริงพ่อไม่เคยเห็นต่างหากว่าใครเป็นยังไงบ้าง”
บุษยาคว้าข้อมือของพี่แทนเดินนำไปยังราวสะพานไม้ก่อนปล่อยมือออกแล้วเดินนำ คนร่างเล็กกว่ารู้ว่าพี่แทนเดินตามมาแต่โดยดี ไม่ว่าเธอจะหน้าบึ้ง จะกระเง้ากระงอด หรือบ่นออดแอดขนาดไหน
เด็กหนุ่มไม่เคยว่าหรือบ่นแม้แต่น้อย ร่างเล็กรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้เขา ถ้าเธอตกลงไปในน้ำ เธอมั่นใจว่าคนร่างโตด้านหลังจะไม่ปล่อยให้เธอจม เขาจะกระโดดลงน้ำตามเธอไป แม้ว่าตัวเขาอาจจมลงไปด้วยก็ตาม
“บัวค่อย ๆ เดิน”
หน้าหวานคมเอี้ยวหน้ากลับไปมองเด็กหนุ่มที่ก้าวเท้าลงจากสะพาน ส่วนร่างบอบบางของเธอนั้นวิ่งไปบนพื้นดินนำหน้าไปยังห้องครัวหลักของบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกเลยฟาร์มแห่งนี้ค่อนข้างห่างพอสมควร
ฝนโปรยปรายในคราแรกหยุดตกแล้ว พื้นดินเฉอะแฉะนองด้วยหลุมบ่อน้ำฝน บุษยาวิ่งอย่างระมัดระวังแต่ยังทำรองเท้าถุงเท้าเลอะโคลน
“เร็ว ๆ พี่แทน บัวหิวแล้ว”
บุษยาตะโกนเร่งขึ้นน้ำเสียงเริงร่า วิ่งตรงไปทางห้องครัวด้านหลัง มองคนรับใช้ในบ้านกำลังปรุงอาหารค่ำสำหรับเหล่าคุณผู้หญิงของบ้าน
“ป้าพิศ มีอะไรทานบ้างคะ”
หน้าเล็กชะโงกเข้าไปในครัวก่อนเดินเข้าไปเต็มตัว
“หยุดเลยนะ คุณบัว ดูสิพื้นครัวเลอะหมดแล้ว!”
“แม่ ผมพยายามห้ามแล้ว”
เสียงเด็กหนุ่มเหนื่อยหอบอยู่ด้านหลัง แล้วดึงข้อมือเล็กให้นั่งลงตรงแคร่ไม้ด้านหน้าประตูทางเข้า ร่างสูงชะลูดนั่งยองลงค่อยถอดรองเท้าออกให้อย่างไม่รังเกียจ
“ผมของพี่แทนยาวแล้ว”
บุษยาใช้มือชอนเข้าไปในผมสีดำดกหนาสังเกตเห็นร่างของเด็กหนุ่มชะงักไปก่อนถอดรองเท้าพร้อมถุงเท้าให้เธอต่อ
“เดี๋ยวพี่ไปตัด เสร็จแล้วเข้าไปเถอะ”
บุษยาลุกขึ้นเดินเข้าครัวไปยังโต๊ะกลาง ป้าพรพิศแม่ของพสุธากำลังวางอาหารลงสองสามอย่าง
“คุณบัวทานได้เลยค่ะ ป้าแบ่งให้คุณ ๆ ข้างบนไว้แล้ว”
“มาสิพี่แทน”
ร่างสูงผอมเกร็งอย่างวัยรุ่นเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างออกก่อนตักข้าวให้คนร่างเล็กพอเหมาะอย่างรู้ใจ เขาตักไข่เจียวใบเหลียงวางลงบนจานของบุษยา
“วันนี้บุหลันได้ออกไปรับรางวัลที่หน้าเสาธง”
จู่ ๆ บุษยาก็พูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ปากยังเต็มไปด้วยข้าวไข่เจียว เธอเหลือบตามองพสุธา ต้องการให้เขาถามต่อ จนเขาต้องแสร้งถามเพื่อเอาใจสาวน้อย
“ได้รางวัลอะไร”
“ก็เขียนตัวหนังสือสวย”
เธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น จึงยกมือตีแขนสีคล้ำที่โผล่ออกมาจากเสื้อยืดแขนสั้นสีดำตัวเก่า พลันคิดว่าครั้งหน้าถ้าเธอเข้าเมืองจะซื้อเสื้อตัวใหม่กลับมาฝากเขา
“บัวก็หัดสิ พี่จะช่วย”
เธอตักข้าวเข้าปากยิ้มในหน้าพยักหน้ารับ แม้ว่าพสุธาเรียนจบแค่มัธยมศึกษาปีที่หก ในยามเป็นนักเรียนเขากลับเป็นนักเรียนดีเด่นและลายมือสวยมาก
บุษยาเหลือบตามองป้าพรพิศแม่ของพี่แทน ซึ่งยังวุ่นวายเรื่องอาหารเย็นของคุณนายทั้งสองคือแม่ของเธอ ปทุมวดี เศวตร ภรรยาอันดับหนึ่งของพ่อ และ แขไข อภิรัตน ภรรยาน้อยที่พ่อรับมาอยู่ด้วยที่บ้านนานมาแล้ว มีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคนคือบุหลัน น้องสาวคนที่เธอเพิ่งพูดถึง
“งั้นเย็นนี้บัวไปบ้านพี่แทนนะ”
“อืม”
พสุธารับปากอย่างไม่คิดอะไรเพราะทั้งเขาและเธอมักไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำตั้งแต่เด็กจนคนในบ้านคุ้นชินกันหมด มือสีเข้มรวบช้อนอย่างมีมารยาทผิดไปจากคนงานหนุ่มคนอื่นในสวนแล้วลุกขึ้นเอาจานไปล้างจึงหันมาดูว่าบุษยาทานเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง
เด็กสาวยังนั่งละเลียดเล็มทีละนิดเหมือนเคยจนเขาส่ายหน้ามองมารดาที่ยิ้มในหน้าเช่นกัน แม้ว่าบุษยาเป็นคนกระตือรือร้นและทำอะไรฉับไว แต่พอเรื่องทานข้าวเป็นต้องกินทีละน้อย ยิ่งเป็นอาหารเคี้ยวยากจะเพิ่มเวลาเป็นสองเท่า
เขายืนรอข้างอ่างล้างจานอย่างอดทน เธอเป็นดั่งแสงสว่างที่สุดรองจากแม่ของเขาที่ทำให้เขาอดทนเติบโตขึ้นมาได้ภายในบ้านหลังนี้
เขาต้องการไปทำงานที่อื่นเพื่อหาเงินกลับมารับเธอไปอยู่ด้วย แต่นั่นมันคือความฝัน ในความเป็นจริงเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มลูกกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร
แม่พรพิศในวัยสาวสวยจัด หนีออกจากบ้านทิ้งตากับยายไว้ที่บ้านหลังนี้ แต่เพียงไม่นานก็กลับมาแล้วเริ่มมีอาการแพ้ท้อง ไม่มีใครรู้ว่าพรพิศไปท้องกับใครเพราะเธอไม่ปริปากพูด แม้กระทั่งลูกชายของตัวเองเธอก็ไม่เล่าให้ฟัง
พสุธาโตขึ้นมาพร้อมกับความแปลกประหลาด ชาวต่างชาติลูกครึ่งผิวสีทิ้งร่องรอยความน่าอับอายของแม่ไว้บนร่างเขา สูงกว่าใครในหมู่บ้านราวเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผิวคล้ำดำดั่งลูกครึ่ง ดวงตาสีฟ้าจัดดั่งน้ำทะเล
“อิ่มแล้ว”
เขามองจานที่บุษยายื่นมาตรงหน้า เธอยังทานข้าวไม่หมดจานเช่นเคย แต่พสุธาไม่คะยั้นคะยอให้ทานอีก ช่วงหัวค่ำเขาค่อยเอาขนมหวานมาล่อเธออาจยอมกินบ้าง
นัยน์ตาสีฟ้าเพ่งมองรูปร่างไม่ผอมมากนักแต่ไม่ใกล้กับคนสุขภาพดี แต่ทรวงอกและสะโพกกับผายออกเต็มที่ตามฮอร์โมนวัยรุ่น
“ขึ้นไปอาบน้ำเถอะแล้วพักผ่อน ค่ำ ๆ ค่อยไปที่บ้าน”
“ค่ะพี่แทน”
พรพิศลอบสังเกตสองหนุ่มสาว คนหนึ่งลูกชายของเธอ อีกคนคือคุณหนูของบ้าน เธอมองเห็นสายสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก แต่เธอรู้ว่าเรื่องของสองหนุ่มสาวคู่นี้เป็นไปไม่ได้
“แทน อย่าทำอะไรคุณบัวนะลูก”
แผ่นหลังเหยียดตึงด้วยความตกใจหันกลับมามองหน้าแม่ ผละออกจากอ่างล้างจานเดินไปยังกองผักที่แม่ของเขากำลังปอกอยู่
“ผมเข้าใจดีครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”