อาวุธที่คมที่สุด

3440 Words
ซ่า.... ท่ามกลางสายฝนเบาบางยามค่ำคืนของถนนในยามการพนันที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลกอย่าง 'มาเก๊า' ก็ยังคงมีผู้คนพลุกพล่านเยอะเป็นปกติ หากมองไปรอบด้าน ทุกตึกที่มองผ่านจะเปิดเป็นบ่อนการพนันไม่ก็กาสิโนให้ได้เลือกเข้าไปเล่นสักครั้งในชีวิต รถ 'Benz G Wagon' สีดำคันสวยจอดสนิทหน้ากาสิโนขนาดใหญ่ที่มีผู้คนเข้าเยี่ยมชมไม่น้อย บรรยากาศโดยรอบครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติที่แต่งตัวหรูหราด้วยสูทและชุดเดรสหลากสี ชายหนุ่มหน้าคมในชุดสูทสีเทาเรียบหรูเดินลงมาจากรถพร้อมบอดี้การ์ดรอบตัวอีกนับสิบชีวิตที่เดินลงมาจากรถที่ตามกันมาขนานทั้งสองข้างทาง "oh! Welcome, Mr. V." (ยินดีต้อนรับครับคุณวี) ชายวัยกลางคนผมสีทองตาสีครามในชุดสูททักซิโด้สีดำเข้ามาต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม เขาทำงานที่กาสิโนแห่งนี้มานานตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งจนปัจจุบันก็ได้เป็นผู้ดูแลของที่แห่งนี้ที่มีความสูงกว่าร้อยชั้นเข้าไปแล้ว ''ไม่ได้เจอกันนานเลย เชิญทางนี้ครับคุณวี" 'เจคอบ' ผายมือเชิญนายใหญ่ของกาสิโนเข้าไปเดินสำรวจข้างใน ถ้าจำไม่ผิดนายใหญ่จะมาตรวจกาสิโนทุกๆ สามเดือนเพื่อมาดูความเรียบร้อย และแวะทักทายแขกวีไอพีบนชั้น 99 ของกาสิโนเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจไปด้วยทุกครั้ง "ธุรกิจเป็นยังไงบ้าง?" พิภพถามขึ้นพร้อมเดินไปตามมือที่เชื้อเชิญเข้าไปข้างใน ภายในชั้นหนึ่งของตัวกาสิโนตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามจัดเป็นชั้นที่กว้างขวางและมีเครื่องเล่นการพนันที่หลักหลาย ผู้คนมากมายกระจายไปตามโต๊ะการพนันแต่ละเกมที่แบ่งโซนไว้อย่างดี มีหลักหลายรูปแบบการพนัน ทั้งไพ่ ลูกเต๋า สล็อต บิงโก อีกมากมายให้เลือกเล่น ในชั้นอื่นในตึกก็เปิดเป็นทั้งโรงแรม ห้องอาหาร แหล่งชอปปิ้ง ภายในตัวให้ลูกค้าได้เข้าพักหลังเสร็จจากเล่นเกมการพนัน ถึงว่าได้ทำธุรกิจที่หลักหลายไปในตัว "มันดีกว่าที่เราคาดกันไว้ เกินเป้าหมายของเราไปมาก ตอนนี้เราเป็นอันดับหนึ่งในย่านนี้แล้วครับ" เจคอบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างประจบ " ก็ดีแล้ว"พิภพเอ่ยตอบเสียงเรียบอย่าไม่ใส่ใจก่อนจะก้าวนำอีกฝ่ายเดินไปตามทาง เจคอปเองเมื่อเห็นแบบนั้นจึงเดินกึ่งวิ่งตามอีกฝ่ายไป "คุณนนท์ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ เขามักจะมากับคุณเสมอแท้ๆ" "มันไม่ว่าง" พิภพตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง เจคอปรับรู้ถึงสถานการณ์และภาวะอารมณ์ของนายใหญ่ในตอนนี้ จึงพยักหน้ารับรู้ แต่การที่นายของเขาเข้ากาสิโนในวันนี้โดยข้างกายไม่มีทั้งมือขวาและมือซ้ายข้างกายเหมือนทุกครั้งแม้แต่คนเดียว ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากในสายตาของเขาอยู่ดี "ควรระวังตัวในช่วงนี้นะครับ ศัตรูชอบเข้ามาก่อกวนบ่อย" " ฉันรู้น่ะ"พิภพรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จะพูดยุกหยิกใกล้หูของเขา "พวกแขก VIP กำลังรอพบท่าน เราไปทักทายพวกเขาสักหน่อยเถอะครับ"เมื่อพวกเขาเดินกันมาถึงหน้าประตูทางเข้า พิภพจึงหยุดฝีเท้าลงมองไปอย่างอีกฝ่าย "อืม...พาฉันเข้าไปสิ" พรืบ!!! แสงไฟทั่วกาสิโนดับลงพร้อมเสียงของปืนบนชั้น 99 ผู้คนภายในเริ่มกรีดร้องวิ่งหาทางออกกันให้วุ่น เสียงเออะเวยวายดังสนั้นลั่นทั้งอาคาร ชั้นบนของแขกระดับวีไอพีเริ่มตื่นตระหนก เมื่อมีแต่บุคคลระดับมีหน้ามีตาในสังคมที่กำลังเจราธุระกิน พูดคุยราวกับงานเลี้ยงสันสรร การเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขาแน่นอน " What happened!"(เกิดอะไรขึ้น!) "Mr. v What is this about?" (คุณวีนี่มันเรื่องอะไรกัน?) ผู้คนทั้งห้องโถหันมากดดันเขา ทุกคนดูลนลานและหวั่นเกรงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน พิภพทำเพียงกล่าวคำขอโทษพวกเขาเล็กน้อย ก่อนหันไปสั่งการลูกน้องบางส่วนลงไปจัดการเหตุการณ์ชั้นล่างไม่ให้วุ่นวายจนเกินไป "I will have my underlings take you out safely."(ผมจะให้ลูกน้องพาพวกคุณออกไปอย่างปลอดภัย) พิภพพูดเคลียร์กับแขกทั้งหลายในงานที่ตอนนี้มีเหล่าบรรดาชายชุดดำขนานข้างพาออกไปทางประตูบานหนึ่งที่ถ้าไม่สังเกตดีๆจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่ามีประตูนี้อยู่อีกบานในห้องโถงานเลี้ยงนี้ "นายครับ....เราออกไปทางประตูฉุกเฉินกันก่อนเถอะครับ"เสียงของโนอาห์ บอดี้การ์ดหน้าใหม่ที่มือขวาของเขากาลังตีมาให้ เรียกให้หลบหนีออกไปจากสถานที่นี่ ซึ่งเป็นบ่อนพนันของเขาเอง พิภพมองมันด้วยสายคมกริบ พวกเด็กใหม่ก็แบบนี้ไม่ค่อยจะรู้อะไรสักเท่าไร "ให้คนของเราพาแขกออกไปให้หมดก่อน" "แต่นาย..." "มึงกับไอ้โนค่อยอยู่กับกูที่นี่ก็พอ" โนอาห์รับคำสั่ง ก่อนจะให้คนพาเหล่าแขกวีไอพีลงไปอย่างประตูฉุกเฉินหลังกาสิโน ทำให้ในห้องชุดชั้นบนเหลือเพียงสามชีวิตที่รั้นอยู่ต่อ เมื่อลับสายตาจากกลุ่มคนที่จากไป โนอาห์ได้หันกลับมาหานายของตนเพื่อดูท่าทีต่อ "ให้ผมเรียกคนมาเพิ่มมั้ยครับนาย..." "ไม่ต้อง....นี้ถิ่นกู คนของกูกระจายอยู่ทุกที่ใครหน้าไหนจะกล้าเข้ามา" พิภพพูดพร้อมยกไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น สายตาจับจ้องออกไปนอกวิวของตัวเมืองที่ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟนีออนไปทั้งเมือง ในขนาดที่ตึกที่เขาอยู่นั้นกลับมืดมิดไร้แสงสี Rrrr "(นายครับ...)" "เมฆ ไฟบ่อนกูที่มาเก๊าดับทั้งตึก มึงจัดการยังไง" ตึกกว่าร้อยชั้นดับขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ การที่มันโทรมาหาเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเรื่องระบบไฟฟ้าต่างๆ หรือข้อมูลเอกสารสำคัญทางคอมพิวเตอร์มันเป็นหัวหน้าค่อยควบคุมดูแลทั้งหมด "(ทราบครับนาย...ตอนนี้ผมเปิดใช้ระบบไฟฟ้าสำรองให้แล้ว มีเฉพาะลิฟต์กับไฟตามทางเดินที่ยังใช้การได้ในตอนนี้ อีกสักพักไฟหลักจะมา ผมตามเรื่องให้แล้วครับ)" "...สาเหตุละ?" "(จากที่ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบ....ดูเหมือนมีคนเล่นงานหม้อแปลงพลังงานของเรา)" "จัดการให้เรียบร้อย" "(ครับนาย)" สายถูกตัดไปหลังคุยเสร็จ เขาทำเพียงนั่งมองมือถืออยู่อย่างนั้น เหมือนรอคอยให้ใครสักคนโทรมาหาเพื่อถามไถ่ความเป็นไป ว่าการที่ไม่มีมันข้างกายในตอนนี้นั้นมันยากเย็นขนาดไหน แต่รอแล้วรอเหล้าก็ไร้วี่แววว่าจะมีใครโทรมาหา พิภพจึงทำได้เพียงเก็บมือถือในมือกลับไป ก่อนจะหันกลับไปมองลูกน้องข้างกายสองคนที่กระสับปืนเตรียมรับมือสถานการณ์อยู่คุ้มกันข้างเขาคนละฝั่ง ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้าที่หลังหูของหนึ่งในสองที่กำลังรายงานสถานการณ์ผ่านเครื่องสื่อสารข้างหูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "เวหา...." "ค..ครับนาย?"อีกฝ่ายเอ่ยตอบเสียงหลง เมื่ออยู่ๆนายใหญ่ก็เอ่ยเรียกชื่อตนออกมา พร้อมมองสบตาเขาด้วยแววตาสีนิลดุดันอย่างกดข่ม "เอาเครื่องสื่อสารบนหลังหูมึงมาให้กู" "...." "อันนี้เหรอครับนาย?..." "อืม.....นั่นแหละ" พิภพยืนมือไปรับเครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่ใช้ภายในกลุ่มบอดี้การ์ดมาใส่เกี่ยวไว้บนหูข้างซ้ายของตัวเอง "แล้วผมจะใช้อะไรละครับนาย?" เวหาถามขึ้นพร้อมทำหน้าเหวอใส่นายใหญ่ ที่อยู่ๆก็โดนชกเอาอุปกรณ์ติดต่อของตัวเองไป แบบนี้ก็เหมือนเขาถูกลอยแพยังไงอย่างงั้น "รับคำสั่งจากเครื่องไอ้โนไปแล้วกัน"คำตอบของนายใหญ่ ทำเอาทั้งสองสับสนไปชั่วขนาด มองสบตากันด้วยความมึนงง เมื่อไม่เข้าใจว่านายจะเอาเครื่องที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันภายในกลุ่มของพวกเขาไปทำอะไร "กูจะออกไปข้างนอก..." นายใหญ่เดินนำทั้งคู่ลงมาอย่างชั้นล่าง โดยทั้งคู่ไม่ทันแม้แต่จะห้ามปราม ได้เพียงเดินตามนายของตนลงลิฟต์มาด้วยท่าทีระแวดระวังแล้วค่อยระแวงสอดส่องจากทั่วทิศทาง ปืนในมือของทั้งคู่ถูกกระสับไว้แน่น ชั้นล่างที่เคยครึกครื้น กลับสลายเหลือเพียงความเงียบงัก เมื่อผู้คนพากันวิ่งหนีออกไปหลังจากไฟทั้งตึกดับลง มีเพียงเหรียญพนันตามโต๊ะต่างๆที่บ่งบอกถึงการเคยมีอยู่ของคนเหล่านั้นเท่านั้น ช่างเป็นบรรยายกาศที่ต่างจากขามาลิบลับ "นายครับ ผมว่าเราไม่ควรลงมาข้างล่างนี้ มันมืดมากจนผมกลัวว่าจะมีพวกรอดักทำร้ายเรา" โนอาห์พูดขึ้นเมื่อตนกำลังเดินประกบนายไว้คนละข้างกับเวหา พร้อมมองสอดส่องเฝ้าระวังไปทั่วบริเวณ "หึ....ถ้ากูกลัวคงไม่ลงมา" พิภพแสยะยิ้มที่มุมปาก การมาลอบทำร้ายเขาในที่ของเขา เท่ากับฆ่าตัวตายทางอ้อมนั่นแหละ พวกเขาออกมาหน้ากาสิโนได้โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้คนเดินสวนกันไปมาหน้ากาสิโน เหมือนไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในแม้แต่น้อย เขาเลี่ยงออกมาจากผู้คนที่เบียดแน่นบนถนนหลบเข้าซอยหลังกาสิโนเพื่อเรียกรถมารับกลับได้สะดวกขึ้น ถึงจะน่าหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องมาวิ่งวุ่นพากันกลับหลังมาคาสิโนของตัวเอง พื้นที่ในการปกครองของเขานั้นโดนรุกรานได้ง่ายถึงขนาดนี้เชียว เขาคงต้องวางกำลังคนให้เยอะขึ้นและเฝ้าระวังมากกว่าเดิม คงจะปล่อยละเลยมากเกินไปสินะ "พวกก่อกวน....เห็นบ่อนกูยอดดีกว่าหน่อยเลยมาเล่นงานแบบหมาลอบกัด จะเป็นพวกไหนได้ที่เล่นวิธีหมาขี้แพ้แบบนี้ ถ้าไม่ใช่ไอ้พวกแก๊ง 'เจได' " 'เจได' แก๊งมาเฟียญี่ปุ่นที่เข้ามาปกครองในเขตการพนันทิศใต้ของ มาเก๊า ถึงว่าตนเป็นแก๊งเก่าแก่ปกครองอาณาเขตมานานเลยทำตัวกร่านไปทั่ว ก็แค่มาเฟียเฒ่าที่ไม่ยอมปล่อยวาง ถึงขนาดส่งคนมาข้ามเขตเล่นงานกันขนาดนี้ สัญญาสันติภาพคงเป็นได้แค่กระดาษไร้ค่าแผ่นหนึ่งแล้วหรือเปล่า!?! ซ่าๆ.. "(จากศูนย์บัญชาการใหญ่....ขอทราบสถานการณ์ทางนายใหญ่)" "(ต่อสายไปหาหัวหน้าหน่วย...)" "(....โนสถานการณ์เป็นไงบ้าง นายกูยังปลอดภัยดีใช่มั้ย)" เสียงนุ่มทุ้มอันคุ้นเคยดังออกมาจากเครื่องสนทนาข้างหู ก่อนฝีเท้าจะหยุดชะงักไป มือของเขายกขึ้นจับหูข้างซ้ายของตัวเองแผ่วเบา "..เออ" "กูปลอดภัยดี..." โนอาห์หันไปมองหน้านายของตัวเองแบบอ้ำอึ้ง เมื่อบทสนทนาของเขาถูกแทรกแซงแบบไม่ทันตั้งตัว จากที่กำลังจะตอบกลับหัวหน้าของตน มีอันต้องเงียบปากลงกะทันหัน ไม่กล้าส่งเสียงรบกวนใดๆออกไป "(...นาย?)" "อืม....กูเอง" "ตอนนี้มึงอยู่ไหน...." "(ทำภารกิจให้นายอยู่ครับ...)" "กูถามว่าอยู่ไหน...." "(นายครับ....)" "หืม?....อะไร" "(เอียงหัวออกมาทางขวาหน่อย)" "ห๊ะ...." "เหี้ย! นายระวัง" ปัง!! กระสุนจากคนร้ายที่ยิงออกมายังไม่ทันได้เล็งเป้าดีๆ ทำให้ทิศทางกระสุนยิงไม่แม้แต่จะเฉียดเขา แต่คนร้ายกลับโดนกระสุนปริศนาไร้เสียงจากที่ไกลๆ ยิงเข้ากลางหัวเต็มๆ ก่อนจะล้มตายลงไปในเสี้ยววิ โนอาห์กับเวหาทำได้เพียงถือปืนพกในมือค้างกลางอากาศด้วยใบหน้าซีดเผือด เขามองภาพนั้นพร้อมส่ายหัวช้าๆ เมื่อความรู้สึกเหมือนกระสุนวิ่งเฉียดใบหน้าเมื่อครู่ยังคงชัดเจน "กูรู้สึกเหมือนกระสุนมึงจะใกล้หัวกูขึ้นทุกวัน" "(......)" "มึงตามกูมามาเก๊าหรอ? ไหนว่างานยุ่ง" "(นายไม่ควรออกมารอข้างนอกกันแบบนี้ ควรรออยู่ในนั้นก่อนสักพักก็ยังดีนะครับ มันอัตราย)" "เปลี่ยนเรื่องเก่งนะมึง ถามอย่างตอบอย่าง"พิภพส่ายหัวอย่างจำยอม เขาควรชินได้แล้วกับนิสัยนี้ของมันสินะ "วันนี้กูอยากเที่ยวรอบเมือง ไปกับกูมั้ย?"พิภพเอ่ยชวนอีกฝ่าย หวังว่ามันจะตอบรับกลับมาบ้าง "(วันนี้คงไม่ได้ครับนาย พวกมันอาจกำลังรอโอกาสดักยิงนายอีกก็ได้ ไว้รอบหน้าผมจะไปดูแลความปลอดภัยให้)" "...ถ้ากูจะไปพรุ่งนี้" "(กำหนดการพรุ่งนี้มีนัดกับ มิสเตอร์จอร์ นายหน้าค้าอาวุธรายใหญ่ของเราที่โรงแรม P.Y ครับนาย)" "อืม...." ดักแม่งทุกทางจริงๆ... "(พรุ่งนี้ผมจะตามนายไปพบมิสเตอร์จอร์ด้วย)" "ก็ยังดีที่มึงยังจำตำแหน่งตัวเองได้อยู่" พิภพถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เหนื่อยใจไม่น้อยในการพยายามหาทางเจอมันได้ในแต่ละครั้ง ถ้าไม่ติดว่างานที่มันทำเป็นงานที่เขาสั่งไว้นะ เขาก็คงคิดว่ามันหลบหน้ากันไปนานแล้ว งานบางอย่างไม่ได้สั่ง ก็ทำเองโดยไม่บอกไม่กล่าว แถมบางครั้งไอ้พวกน้องเวรก็เรียกใช้งานคนของเขาแบบไม่เกรงใจกันเลย พิภพหันมามองลูกน้องข้างกายทั้งสองที่ยังคงอ้ำอึ้งกับสถานการณ์เมื่อครู่อยู่ ในมือถือปืนพกค้างไว้กลางอากาศอยู่แบบนั้น พวกนี้ก็อีก มันส่งคนมาฝึกงานชัดๆ ไม่ได้เอามาช่วยไรเขาหรอก ก่อนพิภพจะส่ายหัวให้อย่างหงุดหงิดในใจ เหอะ! ดีจริงๆ @มาเก๊า เขตเหนือ คฤหัสถ์หลังใหญ่นอกตัวเมืองที่ซื้อไว้ได้ไม่กี่ปีน้อยครั้งที่จะกลับมาอาศัยพักพิง ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย โดยในห้องนอนของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังเปลือยท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยบนเรือนร่างกับต้องสะดุดตาเข้ากับรอยสักขนาดใหญ่ โดยเป็นลวดลายของปีกนกสีเงินที่กินพื้นที่ตั้งแต่หัวไหล่ถึงกลางหลังข้างขวา เขากำลังหยิบเอาเสื้อเชิดตัวในขึ้นมาสวมใส่อย่างช้าๆ ''นายครับ...ถึงเวลาที่เราต้องไปพบมิสเตอร์จอร์แล้วนะครับ" "...." "เออ...นายครับ" "หัวหน้าพวกมึงไปไหน" "....'' ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องไปพักใหญ่ ไม่มีใครตอบคำถามนั้นได้ เมื่อนายของตนที่กำลังยืนแต่งตัวด้วยชุดสูทสีเข้มร้องถามขึ้นหลังกวาดสายตามองพวกเขาทีละคนด้วยสายตาเรียบเย็น "ไหนมันบอกจะไปงานกับกูวันนี้ แล้วทำไมเป็นพวกมึงสองคนได้" "เออ...." ทั้งสองอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ได้เพียงมองสบตากันอย่างลนลาน ไม่กล้าหันมองสบตานายของตนในตอนนี้เลย มันทั้งกดดันและไม่พอใจเหมือนกดข่มความโกรธของตนเองไว้ ถึงการแสดงออกจะนิ่งสงบ แต่แรงกดดันที่ส่งออกมานั้นไม่ใช่แบบนั้นเลย "ถ้าวันนี้มันไม่มา ก็ไม่ต้องไปคุยงานกันแล้ว Cancel งานนี้ไปเลย กูไม่มีอารมณ์ไป" การที่ตกลงกันไว้แล้วไม่ทำตามนั้น ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้มันทำเขาไม่พอใจมากเป็นพิเศษก็แค่นั้น แต่จะด้วยเหตุผลอะไรที่มันไม่ยอมมาในวันนี้เขาเองก็ไม่อยากฟังทั้งนั้น พิภพแต่งตัวลวกๆให้เสร็จแล้วพาร่างสูงโปร่งของตัวเองเดินผ่านหน้าลูกน้องทั้งสองไปทางประตูเพื่อที่จะออกไปให้สายตาพ้นจากทั้งคู่ ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิดเหมือนตอกย้ำให้รู้ว่ามันไม่ได้มาในวันนี้ แกรก! แต่ก่อนที่มือของเขาจะถึงลูกบิดของประตูบานใหญ่ ประตูกลับถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงโปร่งที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมานับเดือนๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้ใจกระตุกไปชั่วขนาด นัยน์ตาสีสวยที่วูบไหวสบตากันกับเขา เราทั้งคู่ต่างตกใจที่เจออีกฝ่ายในระยะประชิดอย่างไม่ทันตั้งตัว "แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอครับ..." น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ได้ยินผ่านเครื่องมือสื่อสารมาตลอดหลายเดือนเงยหน้าสำรวจมองเขาไปทั่ว ก่อนดวงตาสีครามมรกตคู่นั้นจะหยุดสายตามองข้อมือของเขาที่ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาหวังจะสัมผัสลงบนใบหน้านั้น ว่าที่เห็นนี้ไม่ใช่เพียงภาพลวงตา.... แต่ก่อนที่มือของเขาจะได้สัมผัสอย่างที่หวัง อานนท์กลับหยุดมันไว้ด้วยมือของมัน โดยการจับลงบนมือของเขาที่ยืนขึ้นมาระดับใบหน้าของมันอย่างแผ่วเบาแล้วทำการพับแขนเสื้อติดกระดุมที่ไม่ได้ติดไว้ของเขาให้ ผิวสัมผัสอันร้อนแผ่วจากมือของมันส่งผ่านมาทางมือของเขา "อีกข้างครับนาย..." พิภพยืนมือให้แต่โดยดี ไม่มีการขัดขืนแม้แต่น้อย เรียกว่าสั่งอะไรมาก็ทำหมด ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านั้นว่ายังเคืองมันอยู่เลย แต่แค่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายความรู้สึกเหล่านั้นก็สลายหายไปไหนก็ไม่อาจรู้ได้ "นายควรแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกไปพบ มิสเตอร์จอร์นะครับ ถือเป็นการให้เกียรติคู่ค้าของเรา" มันพูดหลังติดกระดุมแขนเสื้อเม็ดสุดท้ายของเขาเสร็จแล้วปล่อยมือของลงช้าๆ "แล้วมึง...จะไปในสภาพนี้?" เขามองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มันใส่ มันมองตามสายตาของเขาก่อนจะยิ้มบางๆออกมาเล็กน้อย "ผมว่าจะมายืมชุดสูทนายสักตัว....ผมไม่ได้เอามาด้วย เพราะผมไม่คิดว่าจะได้ไปคุยงานกับนายวันนี้" เขาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินนำมันเข้ามาให้ห้องเดินผ่านไอ้สองหน่อที่ยังคงก้มหน้าก้มตายืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ไม่รู้จะอยู่ทำซากอะไร "พวกมึงสองคนออกไปได้แล้ว..." "ครับนาย/ครับนาย" ทั้งคู่โค้งรับคำสั่งแล้วเดินผ่านพวกเขาออกไปอย่างเร่งรีบเหมือนรอเวลานี้มานาน อานนท์มองตามพวกมันที่มีท่าทีรีบร้อนด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะหันหน้ามองมาทางเขาอย่างจับผิด "นายไปดุอะไรพวกมันหรือเปล่า? ทำไมเด็กผมหน้าซีดเป็นไก่ต้มแบบนั้นละ" "หึ...เด็กมึง?" "วันนี้พวกมันก็จะไปกับเราด้วยนะครับ ยังไงผมก็ส่งมาคุ้มกันนาย" "เออ...กูรู้แล้ว"พิภพพูดพร้อมหยิบเสื้อสูทในตู้ออกมาตัวหนึ่งมันเป็นสีน้ำตาลครีมอ่อนๆผูกกับเนกไทสีแดงเลือดหมูเนื้อผ้านิ่มมือกำลังดี พร้อมกับหยิบเอาเสื้อกั๊กในสูทสีเดียวกันออกมายื่นให้มัน ตอนนี้มันมีท่าทางมึน ๆ อยู่ไม่น้อย ดูท่าก่อนหน้านั้นจะไม่ได้นอนมาหลายวัน "นาย....มันดูจะแต่งมากไปไหมครับ ของนายแค่สูทสีเทา เนกไทก็ไม่ใส่ เสื้อกั๊กตัวในสูทยังไม่เห็นจะมี แล้วที่ให้มานี้คืออะไรครับ?" "ข้างนอกมันหนาว" พิภพให้เหตุผลมันเพียงแค่นั้น ริมฝีปากเรียวบางนั้นก็เงียบลง ทำเพียงมองสบตาเขาเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับเบาๆ "ครับ.." ถึงแม้ตัวมันจะตอบรับแต่ที่หยิบขึ้นมาใส่จริงๆ มีเพียงแค่สูทและเสื้อกั๊กตัวในสูทเท่านั้น ทิ้งเนกไทสีแดงไว้ในมือเขาให้ดูเป็นต่างหน้า ส่วนเจ้าตัวเขาก็เข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำได้สักพักก็ออกมา "ไปกันเถอะครับนาย เราสายแล้ว..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD