1.พ่อหนุ่มแบดบอย
“สายมากแล้วค่ะท่านดัชเชส...”
ดัชเชสอย่างนั้นหรือ? ทั้งเมื่อวานแล้ววันนี้ฉันได้ยืนคนเรียกฉันว่าดัชเชสมากมายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
ทั้งๆ ที่ฉันคือเจ้าของร้านคาเฟ่ชื่อดังในเมืองที่ใครๆ ต่างก็จะต้องมาถ่ายรูปเช็คอิน
ทว่าเมื่อวานพอฉันตื่นขึ้นมาเบื้องหน้าก็เป็นห้องนอนสไตล์ยุโรปในยุคเรเนซองค์ ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่านหรือว่าเตียงนอน ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้มันดูหรูหราไปเสียหมด
ฉันพอจะเดาได้คร่าวๆ ว่าตัวเองน่าจะทะลุมิติมาในนิยายสักเรื่องเพียงแต่..มันเรื่องไหนกันวะเนี่ย!!
เท่าที่จำได้ฉันอ่านเป็นร้อยเรื่องเห็นจะได้ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในเรื่องไหนกัน?
เพราะยังรับความจริงไม่ได้เท่าไหร่นัก ฉันก็เลยเลือกที่จะนอนอยู่นิ่งๆ เผื่อว่านี่จะเป็นเพียงแค่ฝันสักตื่น ทว่าเมื่อตื่นขึ้นมาฉันก็ยังคงอยู่บนเตียงเหมือนเดิม
และตอนนี้ท้องก็กำลังสั่งเสียงร้องด้วยความหิวโหย
“ฉันหิวมากเลย..”
จะต้องพูดแทนตัวเลยว่าข้ากับเจ้าอะไรแบบนั้นไหม?
“ทราบแล้วค่ะท่านดัชเชส ข้าจัดเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้แล้ว รีบไปจัดการล้างเนื้อล้างตัวเพื่อลงไปรับมื้อเช้าเถอะค่ะ”
เธอมองหน้าของสาวใช้ที่ส่งยิ้มมาให้ด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ ถอนหายใจ
ร้านที่เธอใช้ทุนทั้งหมดในชีวิตเพื่อสร้างมันมาตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง อีกทั้งการมาอยู่ที่นี่มันหมายความว่าเธอตายแล้วอย่างงั้นเหรอ
ตายเพราะว่าทำงานหนักมากเกินไปสินะ..เพราะว่าเธอจ้างลูกน้องแค่สองคน รวมเธอด้วยมีคนทำงานสามคนทั้งที่ร้านใหญ่มากขนาดนั้น
ก็มันช่วยไม่ได้นี่ เธอใช้เงินไปกับการตกแต่งร้านหมดแล้วจนแทบจะไม่เหลือมาจ้างพนักงาน..
ไหนว่าไม่มีใครทำงานหนักจนตายไงล่ะ แล้วทำไมฉันถึงตายเพราะว่าทำงานหนักได้ล่ะเนี่ย
“วันนี้มีบัตรเชิญส่งมาถึงท่านดัชเชสด้วยนะคะ เป็นเรื่องงานเลี้ยงน้ำชาของจักรพรรดินีที่จัดขึ้นทุกเดือน”
“...ข้ามีเรื่องจะต้องบอก คือข้าไม่รู้ว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นแต่ว่าข้าจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ชื่อของตัวเอง”
เอดิยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ สาวใช้ครุ่นคิดย้อนกลับไปกลับมาหลายตลบ แล้วก็ได้คำตอบ
เพราะว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านดัชเชสมีปากเสียงรุนแรงกับท่านดยุคในระหว่างที่ท่านดยุคกำลังอยู่กับสตรีอื่น
แถมสตรีผู้นั้นคือนักบุญหญิง..หลังจากนั้นเป็นต้นมาท่านดัชเชสก็ล้มป่วยอย่างหนักมาโดยตลอด
สาวใช้ช้อนสายตามองนายหญิงของเธอด้วยแววตาแห่งความเจ็บปวด เธอเอื้อมมือไปจับมือของท่านดัชเชสด้วยความรักที่มี
“ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างคะ ยังปวดหัวหรือว่าไม่สบายอยู่หรือไม่”
ฉันส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เลยค่ะ ไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไรเลย เพียงแต่ฉันจำอะไรไม่ได้”
หลังจากนั้นสาวใช้ที่มีชื่อว่าเอดิก็ยกอาหารมากมายขึ้นมาให้ฉันทานบนเตียง พร้อมกับตามทั้งนักเวทและหมอมาเพื่อตรวจดูอาการของฉัน
“ไม่ผิดแน่ นี่คือพลังเวทของใครสักคนที่พยายามจะเอาชีวิตของริโอนา”
ริโอนางั้นเหรอ..นั่นคือชื่อของเจ้าของร่างนี้เหรอ.. แถมพ่อหนุ่มนักเวทที่กำลังจับมือของฉันอยู่ในตอนนี้ก็หล่อระเบิดไปเลย
ฉันที่มุ่งมั่นมาตลอดว่าจะรวยก่อนแล้วค่อยหาแฟน เพราะแบบนั้นจึงทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะลงหลักปักฐานกับใครสักคน มีลูกสาวตัวน้อยแสนน่ารัก ในวันที่ฉันมีเงินเยอะๆ พอจะเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยของเรา
ทว่ายังไม่ทันจะได้รวยเลยกลับต้องมาตายซะก่อน.. โถ ชีวิตของฉันทำไมมันจะน่าสงสารแบบนั้นกันนะ
“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
ฉันพยักหน้าเบาๆ เมื่อเขาถามออกมา เส้นผมสีเงินที่สะท้อนกับแสงแดดมันเป็นประกายเงาวับจนแสบตา ใบหน้าที่ไม่รู้ว่าจะทำหน้าแบบไหนดีตอนที่พบเจอเขา
ดวงตาสีม่วงอ่อนของเขามันทอประกายอ่อนโยน เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยในยามที่เขามองเธอ ริมฝีปากยามที่เขาขยับพูดหรือว่าในยามที่เขากล่าวถามออกมา
มันหล่อ..มากๆ เลยให้ตายเถอะ! มีคนหน้าตาแบบนี้ในโลกด้วยเรอะ
เขายกมือขึ้นมาแตะเบาๆ บนหน้าผากของเธอ
“ไม่เป็นไรริโอนา ข้าจะคอยช่วยเหลือเจ้าเอง”
อ่า..แค่ได้มองหน้าของท่านก็นับว่ามันคือการเยียวยาหัวใจของข้าแล้ว ช่วยมาให้เห็นหน้าบ่อยๆ ได้ไหมคะ
จะว่าไปแล้ว สาวใช้เรียกเธอว่าดัชเชสนี่ แสดงว่าเธอมีสามีแล้ว..สามีของเธอคือใคร..?
“ผลัวะ!!”
ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง รังสีความอำมหิตนั้นแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง พร้อมกับชายผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา
เขาปัดมือของพ่อนักเวทสุดหล่อให้ออกไปจากใบหน้าของเธอ ก่อนที่เขาจะจับคางของเธอให้เงยขึ้นมามองหน้าเขา
แม่เจ้าโว้ย..ถึงจะไม่รู้ว่านี่คือนิยายเรื่องไหนแต่มันคือนิยายรวมพลคนหล่ออย่างแน่นอน!
ชายเบื้องหน้ามีเส้นผมสีดำสนิท และมีใบหน้าเย็นชาในยามที่เขามองหน้าเธอ แต่ถึงอย่างนั้นยามที่ดวงตาสีแดงของเขามันจับจ้องมาที่เธอ หัวใจของเธอมันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูกเลย
นี่คือหนุ่มแบดบอยที่จริงใจ เธอเผลอสบตาเขาด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนอย่างบอกไม่ถูก
“นี่คือวิธีเรียกร้องความสนใจแบบไหนอีกดัชเชส? อยากได้ความสนใจจากข้าถึงขนาดสร้างเรื่องว่าตัวเองล้มป่วยเลยอย่างงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับท่านดยุค”
“หุบปากไปซะอาร์เดน เจ้าเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาสอดเวลาที่ข้าพูด..”
สายตาสีทับทิมนั่น มองมาที่เธอด้วยความเย็นชาประดุจน้ำแข็ง ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีสีหน้าเฉยเมยไร้ความรู้สึก เขาเบือนหน้าหนีเธออย่างไม่แยแสว่าเธอจะเป็นเช่นไรกับคำกล่าวของเขา..
เมื่อครู่นักเวทเรียกเขาว่าท่านดยุค เช่นนั้นอีตาคนแบดบอยนี่คือสามีของเธอสินะ
ครบสูตรตามนิยายเป๊ะ ทว่าเธอไม่ได้จะมาทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวของใครดีขึ้นหรอกนะ เพราะว่าครั้งที่แล้วเธอทำงานหนักจนตายโดยที่ไม่ทันได้มีความรักด้วยซ้ำ
หากว่านี่คือโอกาสที่พระเจ้ามอบให้ เธอจะไม่สนใจอะไรอีกแล้วเพราะหากว่าเขาไม่รัก แล้วจะไปทนอยู่ทำพระแสงอะไรไม่ทราบ
ต่อให้ไม่รู้เรื่องของครอบครัวตัวเอง แต่เธอมั่นใจว่าหากว่าเธอหย่าจะมีสินทรัพย์เดิมของเจ้าสาวติดตัวไปอย่างแน่นอน
เอาล่ะพ่อหนุ่มแบดบอย ในเมื่อเกลียดขี้หน้ากันขนาดนั้นก็มาหย่ากันเถอะ เพราะว่าฉันจะไปหาผู้ชายคนใหม่ที่หล่อมากๆ แล้วสร้างครอบครัวที่อบอุ่น และมีลูกสาวที่น่ารักสักคนสองคน
ฉันน่ะ จะไม่ทนกับเรื่องที่ทำให้เสียเวลาชีวิตอีกแล้ว..
“เดี๋ยวก่อน..อย่าพึ่งไป”
เธอลุกขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าของเขาอย่างไม่คิดเกรงกลัว
“เราน่ะมาหย่....”
“ท่านแม่คะ...”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เด็กสาวตัวน้อยที่น่ารักราวกับเทพธิดาตัวน้อยก็วิ่งมาหาเธอพร้อมกับโผกอดเธอเอาไว้เต็มแรง
“ข้าได้ยินว่าท่านแม่ไม่สบาย...”
“.....”
นี่เธอมีลูกกับพ่อหนุ่มแบดบอยได้ยังไงวะเนี่ย ดูก็รู้ว่าลูกเขาชัดๆ เพราะดวงตาสีทับทิมที่โดดเด่นมากกว่าอะไรทั้งนั้น..
พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับเธอรึไง?