ตอนที่ 1 แม่ครัวคนใหม่

2254 Words
จางผิง หมอสาววัย 20 ปี พกสมุนไพรไว้ในถุงผ้า เที่ยวออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านตามหมู่บ้านที่ตนเดินทางผ่าน ซึ่งหมู่บ้านหานโจวก็เช่นกัน จางผิงเข้าไปรักษาอาการปวดหลังของท่านป้าท่านหนึ่ง นางมีอาการเคล็ดขัดยอก เมื่อมีอาการดีขึ้น ก็รีบขอบคุณยกใหญ่ “ขอบคุณท่านหมอมาก ป้ามีอาการดีขึ้น หายปวดหลังแล้ว” “มันเป็นหน้าที่หมออยู่แล้ว ท่านป้า” จางผิงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “แต่เอ่อ ป้า ป้าไม่มีอัฐเลย ทำอย่างไรดี ป้าไม่มีอะไรตอบแทนท่านหมอเลย” ป้าพยายามคลำหาทรัพย์สินมีค่า “ไม่เป็นไรท่านป้า อะนี่ ถุงอัฐ ข้าให้ก็แล้วกัน” ด้วยความสงสาร นอกจากไม่รับอัฐแล้ว ยังออกอัฐช่วยชาวบ้านอีก “ขอบคุณท่านหมอ ท่านช่างมีน้ำใจยิ่งนัก” “ข้าขอตัวก่อนนะท่านป้า” จางผิงรู้สึกสบายใจ เมื่อได้ใช้วิชาความรู้รักษาชาวบ้านผู้ยากไร้ ******************************************** จางผิงเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านต่อ สักพักนางก็ชนเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง “ขอโทษขอรับ แม่นาง” เด็กเป็นฝ่ายล้มและรีบลุกขึ้นยืน “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าเจ้าหนู” จางผิงห่วงอาการ “ไม่ขอรับ ข้าต้องไปแล้ว” “เดี๋ยวสิ” หมอสาวมองเห็นเด็กวิ่งไปแต่ไกล ในใจคิดว่า “จะรีบไปไหนนะ” จ๊อกๆ จ๊อกๆ หมอสาวจับท้องตัวเองและพึมพำว่า “หิวแล้ว ไปหาอะไรทานดีกว่า” หลักการเลือกร้านของท่านหมอก็คือ ให้เข้าไปในร้านที่มีคนเยอะ เพราะนั่นหมายความว่าร้านนี้ต้องอร่อย เสี่ยวเอ้อ ออกมาต้อนรับอย่างดี “เชิญแม่นาง ยังเหลือโต๊ะว่างอีกโต๊ะนึง” ท่านหมอจึงเดินฝ่าฝูงชนที่นั่งเกือบเต็มทุกโต๊ะเข้าไปด้านในสุด ด้วยความสงสัยเลยว่า “ที่นี่ อาหารอร่อยมากเลยสินะ เห็นคนเยอะเชียว” “ใช่แล้วล่ะแม่นาง แม่ครัวที่นี่เป็นมือหนึ่งด้านการทำอาหารเลยนะ” เสี่ยวเอ้ออวด “เกินไปแล้ว อู่ฉี อย่าไปหลอกลวงแม่นางเช่นนั้นสิ” เนื่องจากแม่ครัวทำอาหารจานสุดท้ายเสร็จแล้ว เลยมาช่วยลูกน้องยกอาหาร “ท่านคือ” หมอจางผิงสงสัย “ข้าคือ หลินช่าย เป็นเจ้าของร้านและเป็นแม่ครัวของที่นี่ แต่ที่เห็นคนเยอะเช่นนี้ เพราะวันนี้กำลังมีชุมนุมชาวยุทธ์เท่านั้นเอง” “อ้อ อย่างนี้นี่เอง ส่วนข้าชื่อจางผิง เป็นหมอพเนจร” จางผิงแนะนำบ้าง “แม่นางต้องการทานอะไรล่ะ” หลินช่ายถาม “อะไรก็ได้สักสองสามอย่าง เอาอย่างง่ายๆ ก็พอ” จางผิงนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี หลินช่ายพยักหน้ารับคำ แล้วเดินเข้าไปในครัว ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวเอ้อก็ยก เป็ดตุ๋นเกาลัด ข้าวขาว ผัดโป๊ยเซียน ขาหมูตุ๋นยาจีน “เอ่อ นี่คือง่ายๆ งั้นหรอ” หมอจางอึ้งกับรายการอาหาร “เชิญแม่นางทานเถอะขอรับ อร่อยอย่าบอกใครเชียว” เสี่ยวเอ้ออวด หมอสาวจึงลองชิมในคราแรก เมื่อพบว่ารสชาติอร่อยมาก เลยทานจนหมดอย่างไม่เชื่อตนเอง นางมีความสุขกับการทานอาหาร แต่เวลาจ่ายค่าอาหารนี่สิ กลับทำให้นางทุกข์ใจยิ่งนัก “อะไรนะแม่นาง ท่านกะจะมาหลอกทานอาหารแล้วไม่จ่ายอัฐงั้นหรือ” เสี่ยวเอ้อโมโห “เปล่านะ คือว่า ข้า เอ่อ ข้าโดนล้วงถุงอัฐไปต่างหาก อ้อใช่ ต้องเป็นเด็กหนุ่มคนที่วิ่งเข้ามาชนข้าแน่ๆ” จางผิงนึกออก “ข้าจะจับท่านส่งทางการ” เสี่ยวเอ้อไม่ยอมรับฟัง “ข้าพูดความจริง ข้าไม่ได้มีเจตนาทานแล้วไม่จ่ายจริงๆ นะ” จางผิงพยายามขัดขืนการจับกุมของลูกน้องหลินช่าย “เกิดอะไรขึ้นน่ะ อู่ฉี” หลินช่ายออกมาดูความวุ่นวาย “แม่นางท่านนี้ หน้าตาก็งดงาม ดูมีสง่าราศี ไม่น่ากินแล้วไม่จ่ายเลย” อู่ฉีรายงาน “เหตุใดจึงทำเช่นนั้นล่ะแม่นาง ของซื้อของขายทั้งนั้นนะ” หลินช่ายมองไปทางต้นเหตุ “ข้าโดนขโมยถุงอัฐจริงๆ นะ งั้นเอาอย่างนี้มั้ยล่ะ ขอให้ข้าจ่ายด้วยสมุนไพรเหล่านี้” หมอจางผิงยกถุงผ้าให้ดู “ข้าไม่ใช่หมอ แล้วข้าจะเอาสมุนไพรของท่านไปทำอะไร” หลินช่ายส่ายหน้าไม่รับ “งั้นข้ารักษาอาการป่วยให้เป็นการชดใช้ก็ได้” หมอจางผิงเสนอ “พูดแล้วจะหาว่าคุย อาหารที่ข้าทำ ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้ลูกน้องข้าทุกคนไม่มีใครป่วยเลย แม้กระทั่งบรรดาญาติของพวกเขา” หลินช่ายพูดอวด “งั้น งั้น ข้าควรจะทำอย่างไรดี” หมอจางผิงนึกไม่ออก “โดนจับเข้าคุกไงแม่นาง” อู่ฉีกล่าว “ข้าจะต้องพเนจรไปรักษาผู้คน ข้าไม่อยากติดคุก” หมอจางผิงพยายามอ้อนวอน “งั้นเอาอย่างนี้ ท่านทำงานชดใช้ไปก่อนก็แล้วกัน” หลินช่ายใจอ่อน “ขอบคุณแม่นาง” หมอจางผิงยอมรับข้อเสนอ กลายเป็นว่าหมอพเนจรได้ทำงานคอยยกอาหารให้กับร้านของหลินช่ายจนกระทั่งนางหมดหนี้ ในช่วงที่หลินช่ายและหมอจางผิงทำงานด้วยกันนั้น หลินช่ายได้ขอให้หมอสาวช่วยแนะนำสูตรสมุนไพรเพื่อนำมาผสมกับอาหาร ทำให้อาหารของหลินช่ายนั้น นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้อีกด้วย สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ หมอจางผิงนึกสนุกกับการช่วยหลินช่ายทำอาหาร ทำให้ตั้งแต่นั้นมา นางขออยู่ร้านนี้ด้วยอีกคน ซึ่งหลินช่ายเองก็รู้สึกดีใจที่มีผู้ช่วยอย่างหมอหญิง สองสาวไปจ่ายตลาดด้วยกันทุกวัน รวมถึงวันนี้ด้วย “หมอดูแม่นๆ จ้า หมอดูแม่นๆ มาตรวจดูชะตา เพื่อใช้เป็นพิมพ์เขียว แผนที่ชีวิตกันเถอะ” หมอดูชายวัยกลางคนตะโกนเชิญชวน “หลินช่าย! พวกเราไปตรวจชะตาด้วยกันมั้ย” จางผิงนึกสนุก “แต่พวกเรายังต้องซื้อวัตถุดิบอีกเยอะเลยนะ” หลินช่ายกลัวเสียเวลา “น่า นานๆ จะเจอหมอดูสักที” จางผิงคะยั้นคะยอ “ก็ได้” หลินช่ายใจอ่อน หมอดูผายมือให้แม่นางทั้งสองนั่งที่เก้าอี้ไม้คนละตัว “เชิญแม่นางทั้งสอง” “ท่านดูอย่างไรล่ะ ลายมือ หรือทายอักษร” จางผิงถาม “ข้าตรวจชะตาจากวันเดือนปีเกิดน่ะ งั้นแม่นางทั้งสองเชิญเขียนวันเดือนปีเกิดในกระดาษนี่ได้เลย” หมอดูยื่นกระดาษและพู่กันให้ ทั้งสองใช้พู่กันจุ่มหมึกแล้วเขียนพร้อมกัน จากนั้นก็ยื่นให้กับท่านหมอ หมอดูรับมาดูและทักว่า “อ้าว แม่นางทั้งสองเกิดวันเดือนปี และเวลาตกฟากเดียวกันงั้นหรือ” “เป็นความจริงหรือท่านหมอ” สองสาวพูดพร้อมกัน สองสาวมองหน้ากันเพราะเพิ่งจะรู้ “โห ไม่น่าเชื่อ วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากช่างตรงกันอย่างน่าอัศจรรย์ และรู้มั้ยว่า แม่นางทั้งสองจะได้เป็นถึงพระชายาเชียวนะ” หมอดูทำนาย “เป็นไปไม่ได้หรอกท่านหมอ พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น” หลินช่ายส่ายหน้าไม่เชื่อ “นั่นสิ ยังไงพวกเราก็คงไม่มีโอกาสได้เข้าเมืองหลวงหรอก” จางผิงเห็นด้วยกับหลินช่าย “มันก็ไม่แน่หรอกแม่นาง คอยดูต่อไปเถิด” หมอดูพูดอย่างมั่นใจ “หากเป็นความจริง พวกเราจะเป็นพระชายาทั้งสองคนได้อย่างไร” หลินช่ายสงสัย “ก็เป็นไปได้นะ พวกท่านอาจเป็นที่ถูกใจของเชื้อพระวงศ์คนเดียวกัน หรือไม่ก็เป็นคนชนชั้นสูงคนละคนก็ได้ สองสาวจ่ายอัฐ พร้อมกับส่ายหน้ากับคำทำนายที่เหลือเชื่อ เลยเดินจากไปทันที และพอดีว่าร้านขายผักอยู่ใกล้ๆ กับร้านหมอดู ทั้งสองเลยจ่ายตลาดอยู่แถวนั้น พร้อมกับได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า “วันเดือนปีนี้ ไม่น่าเชื่อ ท่านจะได้เป็นถึงพระชายาเชียวนะ” จางผิงและหลินช่ายมองหน้ากัน พร้อมกับแอบหัวเราะ “ข้าเกือบเชื่อคำทำนายอยู่แล้วเชียว ที่แท้หมอดูนั่นก็เป็นนักต้มตุ๋น เที่ยวไปทำนายผู้หญิงทุกคนว่าเป็นพระชายา” จางผิงกล่าว “นั่นสิ โชคดีที่พวกเรายังไม่ไปไหน เลยแอบได้ยินหมอดูทำนายให้หญิงสาวคนอื่น” หลินช่ายกล่าว “พวกเรากลับกันเถอะ ซื้อของครบแล้ว” จางผิงตรวจนับวัตถุดิบ เมื่อครบก็ชวนเพื่อนกลับ ******************************************** สองสาวกลับถึงร้านอาหาร ก็พบกับเสียงแตกตื่นของลูกน้อง “แย่แล้ว แย่แล้ว พี่หลินช่าย” อู่ฉีวิ่งออกมาจากร้านอย่างกระหืดกระหอบ “มีอะไร ค่อยๆ พูดสิ อู่ฉี” หลินช่ายรีบถาม “ทางบ้านท่านส่งข่าวมาบอกว่า พ่อของท่านให้ท่านกลับบ้านด่วน” อู่ฉีรายงาน “ท่านพ่อข้าเป็นอะไรงั้นหรอ หรือว่าท่านป่วย” หลินช่ายแสดงสีหน้ากังวล “ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน ชายคนนั้นบอกเพียงเท่านี้ก็จากไปทันที” อู่ฉียังไม่ทันได้ถาม ชายแปลกหน้าคนนั้นก็เดินออกจากร้านไป “ข้าคงต้องรีบกลับเป่ยฮั่นแล้ว” หลินช่ายเป็นห่วงพ่อ “เจ้าไปเถิด ข้าพอรู้สูตรอาหารมาบ้างแล้ว ข้าสามารถช่วยอู่ฉีได้” จางผิงจับมือเพื่อนให้กำลังใจ “ฝากด้วยนะ จางผิง” หลินช่ายนึกซึ้งใจ “อื้อ หากเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยก็ส่งข่าวมาบอกนะ” จางผิงกล่าว “ขอบคุณเจ้ามาก แล้วข้าจะรีบกลับมา” หลินช่ายพูดจบก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องของตัวเอง หลินช่ายรีบเก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางไปเป่ยฮั่น นางต้องเตรียมใจที่จะต้องไปพบกับครอบครัวใหม่ของพ่อ ตอนนี้พ่อของนางใช้ชีวิตอยู่กับแม่เลี้ยงและน้องสาว หลินช่ายรู้เพียงข่าวคราว แต่ไม่เคยไปเยี่ยมพวกท่านเลย ถึงกระนั้นนางก็ฝากลุงป้าน้าอาส่งอัฐและข้าวของไปถึงพ่อไม่เคยขาด หลินช่ายกลัวมาก กลัวว่าแม่เลี้ยงและน้องสาวจะไม่ชอบตน แต่ก็ต้องทำใจเพื่อเผชิญหน้า ระยะเวลากว่าจะไปถึงก็ต้องใช้เวลาถึงสามวัน เมื่อแม่ครัวสาวเดินทางไปถึงหน้าประตูใหญ่ของครอบครัวพ่อ และกำลังจะเคาะประตูเรียก สักพักประตูก็เปิดออกเอง จนหลินช่ายตกใจ “ลูกแม่ กลับมาแล้วหรอลูก” แม่เลี้ยงวิ่งเข้าไปสวมกอดลูกเลี้ยงอย่างดีใจ “ท่านคือ” หลินช่ายสงสัย “ฮูหยินคนใหม่ของพ่อเจ้าไง เป็นไงบ้างเหนื่อยมั้ย ดูสิต้องลำบากเจ้าเดินทางมาไกล รีบเข้าบ้านกันก่อนเถอะ” แม่เลี้ยงประคองหลินช่ายเข้าไปในบ้าน หลินช่ายเดินเข้าบ้านอย่างงงๆ พร้อมกับเกาหัว นางไม่คิดมาก่อนว่าแม่เลี้ยงจะดีต่อนางมากขนาดนี้ นางคาดการณ์ว่าที่ประตูบ้านเปิดมาพอดีนั้น ก็เนื่องจากแม่เลี้ยงรอคอยหลินช่ายและคอยแง้มดูอยู่ตลอด หลินช่ายหายใจลึกๆ วันนี้เป็นวันดีที่นางจะได้พบพ่อ แต่ทว่าพอเข้าไปในห้องโถงก็พบว่าพ่อนั่งคุกเข่าต่อหน้าชายฉกรรจ์ทั้งห้าคน พวกเขาเหล่านั้นมีหนวดเครารกรุงรัง สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ และพกดาบติดตัวทุกคน ท่าทางของพวกเขาเหมือนโจรมากกว่าที่จะเป็นชาวบ้านธรรมดา แม่ครัวสาวตกใจรีบวิ่งเข้าไปประคองพ่อให้ลุกขึ้น “ท่านพ่อมันเกิดอะไรขึ้น แล้วพวกเขาเป็นใคร หรือว่าจะมาปล้น” “อย่าตัดสินแต่เพียงภายนอกสิแม่นาง พวกเราแค่เพียงจะมาทวงหนี้เท่านั้น” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล่าว “พูดจากันดีๆ ก็ได้นี่ แล้วพ่อข้าติดหนี้เท่าไหร่ ข้าชดใช้ให้เอง” หลินช่ายรีบถาม “ข้าไม่ต้องการอัฐ แต่ต้องการแต่งงานกับบุตรสาวของเขา” ชายฉกรรจ์อีกคนกล่าว ซึ่งชายคนนี้น่าจะเป็นผู้นำกลุ่ม แม่เลี้ยงก็คุกเข่า และว่า “ลูกสาวข้าไม่สบาย เจ็บออดๆ แอดๆ อีกอย่างนางยังเด็กนัก ปล่อยลูกข้าไปเถิด” “แต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิจริงมั้ย นี่ไงล่ะ หนังสือสัญญานี่พ่อเจ้าก็ประทับตราประจำตระกูลแล้ว” ชายฉกรรจ์คนที่สามก็แสดงให้ทุกคนดู “หลินช่าย เจ้าต้องช่วยน้องนะ” แม่เลี้ยงจับมือหลินช่ายเพื่อขอความช่วยเหลือ “ข้างั้นหรอ ให้ช่วยยังไงล่ะท่านแม่” หลินช่ายงง “แต่งงาน แทนน้องนะลูก” ท่านพ่อกล่าว “อะไรนะเจ้าคะท่านพ่อ แต่งงานงั้นหรอ” หลินช่ายตกใจ “เห็นแก่พ่อเจ้าเถิดนะ หลินช่าย” แม่เลี้ยงขอร้อง “แต่พวกเขาต้องการตัวน้องสาวข้าไม่ใช่หรือ” หลินช่ายสงสัย “ข้ายังไงก็ได้ ขอแค่ข้าไม่ขาดทุนก็พอ” ชายฉกรรจ์ที่เป็นผู้นำกล่าว “ถือว่าช่วยพ่อเถิดนะ หลินช่าย” พ่อขอร้องบ้าง “ก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” หลินช่ายใจอ่อน ทั้งพ่อและแม่เลี้ยงเข้าไปสวมกอดบุตรสาวคนโตด้วยความดีใจ ในใจของหลินช่ายคิดว่า “หมอดูคนนั้นคงจะต้มตุ๋นจริงๆ นั่นแหละ นอกจากจะไม่ได้เป็นพระชายาแล้ว ยังจะได้มาเป็นภรรยาของจอมโจรหน้าโหดเสียอีก”  “ข้าให้เวลาเตรียมตัวเป็นเวลา 3 วันก็แล้วกัน” “ไป พวกเรากลับกันเถอะ” ชายฉกรรจ์ทั้งห้าเดินออกจากบ้านทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD