bc

ใต้เงาตะวัน

book_age18+
228
FOLLOW
1K
READ
HE
sweet
office/work place
like
intro-logo
Blurb

เจค็อบ ทอมป์สันนักบาสหนุ่มสุดหล่อ ผู้เก่งกาจในเกมกีฬา

เขาถูกท้าทายจากนักข่าวสาวฝีปากกล้าอย่างริตา ฤทธากุล ให้ตอบคำถามที่เขาไม่อยากตอบ

แต่เพราะคำพูดที่ชวนหัวเสียและใบหน้าที่เพียงแรกเห็นก็สะดุดตา

ทำให้เขาตัดสินใจจะตอบคำถามที่ผู้คนต่างพากันสงสัยกับเธอเพียงคนเดียว

แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องไปสัมภาษณ์เขาที่บ้านเท่านั้น

ริตายอมรับคำท้าเพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้เปิดปากนักบาสซูเปอร์สตาร์เสียที

(หากใครเคยอ่านเรื่องข้ามขอบฟ้า ตัวละครเจค็อบ ถูกนำมาเป็นตัวเอกในเรื่องนี้นะคะ เนื้อหาไม่ได้ต่อกันค่ะ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากข้ามขอบฟ้าหลายปี สามารถอ่านได้โดยไม่ต้องอ่านข้ามขอบฟ้าก่อน หรือใครจะอ่านทั้งสองเรื่องเลยก็ได้นะคะ)

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1...
ณ โรงแรมหรูใจกลางมหานครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานที่ซึ่งถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานประกาศผลรางวัลบาสเก็ตบอลแห่งปี งานที่รวบรวมเหล่านักกีฬามากมาย รวมถึงคนดังจากทุกสาขาอาชีพ ทั้งนักร้อง นักแสดง หรือแม้แต่นักการเมือง ก็ยังตบเท้าเข้าร่วมงานกันมากมาย เพื่อเป็นเกียรติให้กับกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศ และถึงแม้เวลางานจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผู้คนก็ยังคับคั่ง เพราะผู้ที่ได้รับรางวัล กำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวสายกีฬา หรือพิธีกรรายการต่างๆ บ้างก็ยืนแจกลายเซ็นต์และถ่ายรูปกับแฟนๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดี เว้นก็เพียงแค่ “เจค็อบ ทอมป์สัน” นักบาสเก็ตบอลที่ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน เขากำลังเดินแหวกวงล้อมกลุ่มคนจำนวนมากที่พุ่งตรงเข้ามาหา คล้ายว่าเขาคือเหยื่ออันโอชะของผีดิบผู้หิวโหย “ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ” “ขอเวลาสักห้านาทีนะครับเจค็อบ” “วันนี้งดให้สัมภาษณ์นะครับ ขอทางด้วยครับ” บอดี้การ์ดผิวสีเข้ม ที่มีส่วนสูงไร่เรี่ยกับนักบาสเจ้าของชื่อเจค็อบ ที่บรรดาผู้สื่อข่าวกำลังรุมล้อม ชี้แจงให้พวกเขาทราบเป็นครั้งที่สาม และพยายามหาทางออกจากการถูกกักกัน “ถ้าไม่ได้ทำแบบที่เป็นข่าว ก็ไม่เห็นต้องปฏิเสธการให้สัมภาษณ์เลยนี่คะ ก็แค่บอกว่าคุณไม่ได้ทำร้ายคู่กรณีที่ทะเลาะวิวาทกันในผับ แค่นี้ก็จบ นักข่าวอย่างพวกเราจะได้กลับไปทำงานอื่นกันต่อ คุณก็จะได้ไม่ต้องมาทำหน้าเอือมระอาใส่พวกเราแบบนี้  ไม่ใช่ให้เราเสียเวลาตามนักบาสเก็ตบอลซุปเปอร์สตาร์ ที่มีข่าวเสียหายเดือนเว้นเดือน โดยที่ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย คุณคิดว่าคุณเบื่อพวกฉันฝ่ายเดียวเหรอคะ นักข่าวอย่างพวกฉันก็เบื่อคุณเหมือนกัน” นักข่าวสาวคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพเดียวกับเธอ โพร่งถามขึ้นเมื่อเจค็อบกำลังเดินผ่านเธอไป คำพูดที่ดังชัดเจนจนกระแทกเข้าหูของเจค็อบ ทำให้เขาหันไปมองเจ้าของเสียงในทันที เขามองหญิงสาวที่แต่งตัวทะมัดทะแมง ภายใต้หมวกที่ปกปิดใบหน้าสวยและดวงตาที่คมเข้มเพราะถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ ผิวสีแทนและหน้าตาที่มีความเป็นคนเอเชียผสมอยู่นั้น ดึงดูดให้เจค็อบจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เพราะเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้หญิงที่ส่วนผสมจากซีกโลกตะวันออกนั้น ถูกใจเขามากกว่าบรรดาสาวตะวันตก ผมสีบลอนด์เป็นไหนๆ นักข่าวสาวมองเขากลับอย่างไม่ลดละ ก่อนจะยอมพ่ายแพ้ให้กับสายตาที่อ่านไม่ออกของพ่อหนุ่มนักบาส “ตกลงว่าคุณนักบาสชื่อดัง จะให้สัมภาษณ์ไหมคะ” เธอเบือนหน้าหนีเขาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันกลับมาถามอีกครั้ง “ถ้าอยากรู้คำตอบ ก็ตามไปสัมภาษณ์ผมที่บ้านสิ” เจค็อบพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของบรรดานักข่าวที่กำลังอึ้งอยู่ เพราะน้อยครั้งนัก ที่เจค็อบจะยอมให้ใครเข้าไปในบ้านเขาง่ายๆ เนื่องจากเขารักความเป็นส่วนตัว และตั้งแต่เขาโด่งดังในฐานะนักกีฬาบาสเก็ตบอลมืออาชีพ มีเพียงบริษัทรองเท้ากีฬาชื่อดังเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น ที่เขายอมให้เยี่ยมชมบ้าน เนื่องจากเป็นข้อตกลงในสัญญาพรีเซนเตอร์มูลค่าหลายร้อยล้านบาท “ได้ค่ะ วันนี้เลยไหมคะ” เธอทำหน้ามั่นใจเข้าไว้ เพราะหากสำนักข่าวของเธอ ได้ข่าวเขาเป็นที่แรก มันต้องเป็นเรื่องดีมากแน่ๆ “ไปพร้อมผมสิ ผมกำลังจะกลับบ้านพอดี” เขาส่งสายตาท้าทายให้เธอ “ตกลงค่ะ” เจค็อบยิ้มมุมปาก พร้อมกับที่บอดี้การ์ดของเขาเชิญเธอให้เข้ามาอยู่ในการคุ้มกันด้วยอีกคน “แล้วพวกผมล่ะครับ” “ทำไมไม่ให้เราสัมภาษณ์ด้วยคะ” เสียงดังเซ็งแส่จากนักข่าวคนอื่นดังขึ้นมาไม่ขาดสาย แต่เจค็อบก็ไม่สนใจ เขาเดินนำหน้าเธอ ก่อนจะก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันหรูพร้อมกับเธอตามลำพัง “คุณมาจากสำนักข่าวไหน” เขาเอ่ยถามเมื่อรถจอดติดไฟแดง และมีแสงแฟลชสาดส่องมาทางรถของเขาไม่หยุด เขาเอื้อมมือมาเปิดที่บังแดดให้เธอ เพื่อป้องกันแสงแฟลช ที่พุ่งมาจากหน้ารถ เพราะปาปารัซซี่ใช้โอกาสที่คนข้ามถนน มาถ่ายรูปของเขาเพื่อนำไปเผยแผ่ทางอินเตอร์เน็ต “เอเชีย วัน สปอร์ตค่ะ” เธอชูบัตรพนักงานที่ห้อยคอให้เขาดู เจค็อบอ่านมันแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ “ริต้า” เขาอ่านชื่อที่แสดงอยู่บนบัตรพนักงาน “ใช่ค่ะ ถ้าเรียกชื่อเล่น ฉันชื่อริต้า แต่ถ้าเรียกชื่อจริง ฉันชื่อ ริตา” เธอบอกเขาให้เข้าใจใหม่ “แล้วมันต่างกันตรงไหน” เจค็อบละสายตาจากถนนมามองเธออย่างสงสัย “ริต้า ออกเสียงแบบภาษาอังกฤษ เป็นชื่อเล่นของฉัน แต่ ริตา ออกเสียงแบบภาษาไทย เป็นชื่อจริง” “คุณเป็นลูกครึ่งเหรอ” เจค็อบตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะข้อสันนิษฐานของเขาเป็นจริง “ใช่ค่ะ หน้าฉันดูเหมือนฝรั่งมากนักหรือไงคะ” เธอชี้หน้าตัวเองให้เขาดู “ก็ไม่เหมือนหรอก จริงๆ เมื่อกี๊ผมแค่ตกใจเฉยๆ ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไร” เขาหยักไหล่กวนๆ “ทำไมคุณถึงยอมให้ฉันสัมภาษณ์” “ไม่รู้สิ คุณปากดีล่ะมั้ง” เจค็อบบอกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ออกมา เพราะเขาคิดแบบนั้นจริงๆ แต่คนที่ได้ยินพ่นลมหายและกลอกตามองบนเพราะอย่างรำคาญ “ถ้าฉันไม่ปากดี คุณจะยอมให้สัมภาษณ์เหรอ อย่างคุณน่ะ นักข่าวพูดดีด้วยคุณก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ฉันก็ต้องลองหาวิธีใหม่ดูบ้าง” “ทำไมผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย” เจค็อบเปลี่ยนเรื่อง เพราะพยายามนึกหน้าบรรดานักข่าวที่เข้ามาวนเวียนในชีวิตของเขาไม่เว้นแต่ละวัน แต่คนที่สวยสะดุดสายตาเขาอย่างริตา ไม่อยู่ในความทรงจำของเขาเลย “ฉันเพิ่งถูกสั่งให้มาทำงานนี้ แทนนักข่าวที่เพิ่งถูกลดตำแหน่งไปทำหน้าที่อื่น มันเป็นเพราะคุณเลยรู้ไหม เพราะคุณไม่ยอมให้สัมภาษณ์ เค้าก็ไม่มีผลงานไปให้หัวหน้าดู แค่คุณให้สัมภาษณ์อะไรก็ได้ จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณอยากรู้ก็ไม่เห็นเป็นไร นักข่าวคนเก่าก็ไม่ต้องถูกย้ายงาน แล้วฉันก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานนี้แทน” “ถ้าผมตอบคำถามพวกคุณไม่ถูกเรื่อง พวกคุณก็เขียนข่าวด่าผมอีกน่ะสิ จริงๆ แล้วผมจะพูดหรือไม่พูดอะไร นักข่าวอย่างพวกคุณก็เขียนข่าวเรื่องผมได้อยู่ดี เช่น พวกคุณถามผมว่า ผมชอบกินผลไม้อะไร ผมตอบว่า ผมชอบกินสตรอว์เบอร์รี่ พวกคุณก็เหมาว่าผมชอบกินบลูเบอร์รี่ด้วย เพราะมันเป็นผลไม้ตระกูลเดียวกัน” “อะไรของคุณ มีแต่สำนักข่าวแย่ๆ เท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้ เอเชีย วัน สปอร์ต ไม่เคยทำเรื่องอย่างที่คุณว่า เพราะถ้าทำจริง ฉันก็ไม่ต้องมานั่งอยู่บนรถกับคุณตอนนี้หรอก” “ผมกับเอเชีย วัน สปอร์ต เราร่วมงานกันบ่อยนะ เป็นหนึ่งในสำนักข่าวที่ค่อนข้างให้เกียรติผมและนักกีฬาคนอื่นๆ ที่ผมยอมให้คุณสัมภาษณ์ เพราะผมเชื่อว่าพวกคุณจะไม่ทำให้ผมเดือดร้อนและเสียหายไปมากกว่านี้” เจค็อบเลี้ยวรถเข้ามาในบ้านหลังที่ริตารู้สึกคุ้นตา เพราะเคยเห็นในอินเตอร์เน็ต แต่ที่จำได้แม่นที่สุด คงจะเป็นรั้วบ้านของเขา ที่แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาค่ำแล้ว ก็ยังมีบรรดาปาปารัซซี่มาดักรอถ่ายภาพ และเมื่อรถหรูจอดสนิทอยู่ในรั้วบ้าน เธอก็ก้าวลงจากรถและมองไปรอบๆ บ้านอย่างสำรวจ “ชอบก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันสิ” เจค็อบยืนล้วงกระเป๋าเท่ๆ มือก็หมุนพวงกุญแจรถไปด้วย “บ้านฉันก็มี ทำไมฉันต้องมาอยู่กับคุณด้วย ตกลงว่า คุณจะให้สัมภาษณ์ฉันเมื่อไหร่คะ” ริตามองนาฬิกาข้อมือเห็นว่าเป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว “ผมต้องกินข้าวเป็นเวลา อีกครึ่งชั่วโมงผมต้องกินข้าวเย็น หลังจากนั้นคือเวลาพักผ่อนของผม” “โอเคค่ะ ฉันน่าจะได้สัมภาษณ์คุณประมาณสองทุ่ม หรืออย่างมากก็ไม่เกินสองทุ่มครึ่ง” ริตาวางแผนเวลาไว้ในหัว “ก็แล้วแต่คุณจะคิด เข้าบ้านสิ กินข้าวเย็นด้วยกันนะ” เขาผายมือเชิญให้เธอเดินนำ ริตามองเขาอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำเจ้าของบ้านไป เธอนั่งรอที่ห้องรับแขกประมาณสิบนาที เจค็อบที่ขอตัวไปเปลี่ยนชุด ก็กลับออกมาพร้อมฃุดกางเกงวอร์มผ้าสีเทา และเสื้อยืดที่มีสัญลักษณ์ทีมบาสเก็ตบอลของเขา “ปกติคุณแต่งตัวแบบนี้อยู่บ้านเหรอ” ริตาถามอย่างสงสัย เพราะการแต่งตัวของเขานั้น แตกต่างจากที่เธอเคยเห็นจากสื่อต่างๆ “ให้ผมแต่งตัวสบายๆ บ้างเถอะ วันๆ ผมต้องใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งนั้น” “ฉันคิดว่าคุณชอบซะอีก รูปในอินสตาแกรมของคุณก็แท็กร้านแบรนด์เนมบ่อยๆ” “ก็เค้าส่งเสื้อผ้าฟรีมาให้ผม ผมจะใส่ฟรีๆ ก็ยังไงอยู่ มันเหมือนเป็นธรรมเนียมที่ต้องแลกเปลี่ยน ใครเค้าจะส่งเสื้อผ้าราคาแพงๆ มาให้คุณใส่ฟรีๆ ล่ะ กินข้าวเถอะ ผมหิวแล้ว” เขาส่งยิ้มที่แสนจะธรรมชาติให้ริตา เธอแปลกใจเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นว่า ดวงตาของเขานั้นยิ้มด้วย “คุณอยู่บ้านคนเดียวเหรอ” เธอถามขณะนั่งรอเขาที่โต๊ะอาหาร “ปกติไม่ แต่วันนี้ใช่ พ่อแม่ผมไปฮันนีมูนรอบที่สามร้อยที่ฮาวาย” “ไม่เห็นต้องพูดจาให้ยากเลย แค่บอกว่าใช่ ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อยว่าพ่อแม่คุณไปไหน” “อ้าวเหรอ! ผมคิดว่าพวกนักข่าว ชอบรู้เรื่องอะไรที่ไม่ได้ถามซะอีก” เขายื่นจานสเต๊กให้เธอ ก่อนจะถือจานของตัวเองมานั่งตรงข้าม “ฉันขอพูดจริงๆ นะ พอคุณทานข้าวเสร็จ ให้ฉันสัมภาษณ์เลยได้ไหม ฉันต้องกลับไปทำงานต่อ” ริตาบอกอย่างขอร้อง เพราะดูจากท่าทางการกินของเขา ที่ค่อยๆ หั่นชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างละเลียดแล้ว คงไม่ยอมให้เธอสัมภาษณ์ง่ายๆ แน่ “คุณทำงานอะไร” “ฉันต้องกลับไปทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโทต่อ วันมะรืนอาจารย์ฉันนัดตรวจความคืบหน้า” “แปลว่าคุณยังไม่มีอะไรคืบหน้า เลยต้องเร่งทำใช่ไหม” “ถูก ฉันทำงานประจำไปด้วย เรียนไปด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลา จริงๆ มันก็ข้ออ้างน่ะ ช่วงนี้ฉันสมองตื้อ คิดอะไรไม่ค่อยออก” “แล้วคุณเรียนด้านไหนเหรอ” “สื่อสารมวลชน” “แล้วปริญญาตรีคุณจบอะไรมา” “ก็สื่อสารมวลชน นี่คุณ ที่ฉันมาที่นี่เพราะจะสัมภาษณ์คุณนะ ไม่ใช่ให้คุณมาสัมภาษณ์ฉัน เมื่อไหร่คุณจะกินเสร็จ” ริตารวบช้อนและมีดไว้ตรงกลางจาน เพราะเธอทานหมดอย่างรวดเร็ว  “ผมกินเร็วแบบคุณไม่ได้หรอกนะ ร่างกายผมมันต้องทำงานอย่างเป็นระบบ แม้แต่การเคี้ยวและระบบย่อยอาหาร” “งั้นฉันสัมภาษณ์คุณตอนนี้เลยได้ไหม” เธอเห็นท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขาก็อดเหนื่อยใจไม่ได้ “โอ๊ย! ฉันจะบ้าตาย นี่ฉันต้องนั่งรอคุณกินเนื้ออีกครึ่งจาน ทั้งๆ ที่ครึ่งจานแรกของคุณใช้เวลายี่สิบนาทีเนี่ยนะ” “ก็คงงั้น” “งั้นฉันขอไปนั่งทำงานรอที่ห้องรับแขกได้ไหม” “ได้สิ เดี๋ยวผมกินข้าวเสร็จแล้วจะตามไป” เจค็อบนึกถึงกระเป๋าสะพายหลังใบโตที่เธอสะพายติดตัวไว้ ก็รู้ว่าเธอคงมีงานสำคัญที่ต้องทำจริงๆ “รีบตามมานะคะ ฉันอยากได้ข่าวคุณจริงๆ” เธอบอกพร้อมกับยกจานเปล่าขึ้นจากโต๊ะ “เดี๋ยวผมเก็บให้ คุณไปทำงานของคุณเถอะ” “ฉันเกรงใจ เดี๋ยวฉันล้างเองค่ะ” “บ้านผมมีเครื่องล้างจาน วางไว้ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เจค็อบทำเสียงเข้มขึ้น จนริตาค่อยๆ วางจานลง เธอเดินไปล้างมือและกลับไปนั่งรอเขาที่ห้องรับแขก และหยิบเอกสารต่างๆ พร้อมกับเปิดแล็ปท็อปคู่ใจขึ้นมาพิมพ์งาน เธอนั่งรอเขาตั้งแต่หนึ่งทุ่มห้าสิบนาที จนตอนนี้ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้วเขาก็ยังไม่ปรากฏตัว ริตาหยุดทำงานและตัดสินใจเดินหาเขา แม้จะรู้ว่าเสียมารยาท แต่เมื่อเดินผ่านไปยังส่วนต่างๆ ของบ้านก็ไม่เห็นเขาเลย จนเธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องที่เธอคิดว่า น่าจะเป็นห้องนอน และใช้หูแนบประตูฟังข้างในว่าเขาอยู่ในนั้นหรือไม่ “ว๊าย!” ริตาสะดุ้งด้วยความตกใจ และถอยหลังออกจากประตูที่เปิดกว้างอย่างอัตโนมัติ เธอมองไปยังชายหนุ่มเจ้าของห้องที่เผยตัวออกมาโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดปิดท่อนล่างเอาไว้ หยดน้ำที่เกาะตามผิวหนังตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้เธอเผลอมองมันอย่างไม่ได้ตั้งใจ “จะดูข้างล่างด้วยไหม จะถอดให้ดู” เจค็อบยิ้มกรุ้มกริ่มและทำท่าจะปลดผ้าเช็ดตัวออก “อือ...” ริตาจ้องมองไปที่มันตามคำบอกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เจค็อบขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจ แต่เขาก็ปลดผ้าเช็ดตัซึ่งผูกทับกันอยู่ที่เอวให้เป็นอิสระต่อกัน “เฮ้ย! ปิดๆ เปิดทำไม ปิดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ปากบอกให้เขาปิดมัน แต่ตาของเธอก็จ้องมองมันอยู่อย่างนั้น เจค็อบไม่ทำตามคำสั่ง แต่กลับเดินเข้ามาเธอเรื่อยๆ “อยากให้ปิด หรืออยากให้เปิดกันแน่ มองตาไม่กระพริบเลยนะ” เขาปล่อยผ้าเช็ดตัวลงที่พื้นอย่างไม่สนใจใยดี ก่อนจะจับมือของริตามาวางไว้ที่หน้าอกของตัวเอง ความเย็นชื้นจากหยดน้ำและกลิ่นสบู่สะอาดสดชื่นแบบผู้ชาย กระแทกจมูกเธอเข้าอย่างจัง ริตาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันหอมกระปรี้ประเปร่าอย่างบอกไม่ถูก “เอ่อ... แต่งตัวแล้วให้ฉันสัมภาษณ์ดีกว่านะ” เธอก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวให้เขา โดยไม่ลืมที่จะหลับตาเอาไว้ด้วย และเมื่อยืดตัวขึ้นอีกครั้ง เจค็อบก็ใช้มือใหญ่ของเขาจับหน้าของริตา และจู่โจมจูบเธอในทันที “อื้อ!” ริตาพยายามสะบัดหน้าหนี จนปากของเขาประทับไปทั่วทั้งสองแก้มของเธอ “เมื่อกี๊ยังมองเหมือนอยากจะกินผมทั้งตัว ที่ตอนนี้ล่ะทำเป็นดิ้น” เขาหยุดจูบและบอกเธอใกล้ๆ จนริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงแทบจะถูไปกับริมฝีปากบาง “ก็มันน่ามอง ฉันก็มอง แต่ไม่ได้แปลว่าฉันอยากกินคุณสักหน่อย” “ผมน่ากินไม่พอเหรอ” เขาเดินเข้าหาริตา ที่เดินถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ จนเมื่อเธอกำลังจะเดินผ่านห้องนอนของเขา เจค็อบก็ช้อนตัวเธอมาไว้ในอ้อมแขนและอุ้มเธอเข้าไปด้านใน ก่อนจะปล่อยเธอลงบนเตียงนอนของเขาด้วยแรงที่มากพอสมควร “ฉันเจ็บนะ!” ริตาพยายามลุกหนี แต่เจค็อบก็โน้มตัวลงมาคร่อมเธอเอาไว้ “ผมมาเสิร์ฟของดีให้คุณถึงที่เลยนะ คุณยังไม่อยากกินผมอีกเหรอ” “ไม่กิน” “ชิมก็ได้ จะได้รู้ว่าอร่อยหรือเปล่า” “ไม่ชิม ไม่กิน ไม่อะไรทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ให้สัมภาษณ์ฉันก็จะกลับบ้าน” ริตาใช้สองมือดันหน้าอกของเขาไว้ เพราะไม่อยากให้เค้าโน้มตัวลงมาใกล้กว่านี้ ใจของเธอเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เพราะเนื้อที่อกของเขานั้นมันกระชับ ไม่นุ่มนิ่ม สมกับเป็นนักกีฬาที่แข็งแกร่งจริงๆ “จะกลับเลยเหรอ สำนักข่าวคุณคงฝากความหวังไว้กับคุณมากนะ อุตส่าห์เป็นนักข่าวคนเดียวที่ผมยอมให้สัมภาษณ์ แต่กลับไม่ได้อะไรกลับไปซักอย่าง” “มันก็ไม่แปลกนิ เพราะคุณก็ไม่เคยให้ข่าวอะไรที่เป็นประโยชน์อยู่แล้ว นอกจากข่าวปกป้องคนรักเก่าของคุณเมื่อหลายปีก่อน” เจค็อบได้ยินคำพูดแทงใจก็ชะงักเล็กน้อย เพราะเขาไม่อยากคิดถึงความรักที่ไม่สมหวังของเขาที่ผ่านมา เขาเคยถูกปฏิเสธความรักจากหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่ง แม้ว่าตอนนี้เขากับเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เขาก็ลืมความรู้สึกอันแสนเจ็บช้ำที่เคยเกิดขึ้นไม่ได้เลย “ถ้าคุณรักใครจริงๆ คุณจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่คุณรักนั่นแหละริตา” “ค่ะ... แต่ว่าตอนนี้ ปล่อยฉันไปได้หรือยัง ฉันไม่อยากเตะน้องชายของคุณที่มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นะ” เธอหายสายตาของเขาที่อ่อนโยนลง จึงขอร้องเขาดีๆ เพราะเรื่องความรักในอดีต คงกระทบกระเทือนจิตใจเขาไม่น้อย “เชิญ” เจค็อบยกตัวหลบริตา เธอจึงรีบลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว “แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว” เขาดึงแขนของริตาอย่างแรง จนเธอทรงตัวไม่ได้และล้มลงไปนอนราบกับเตียง ร่างสูงโน้มตัวมาคร่อมเธอไว้อีกครั้ง และจู่โจมจูบเธออย่างรุนแรง โดยไม่ยอมให้เธอดิ้นหลุดไปไหนอีก “ปล่อย!” ริตาใช้เวลาที่ปากเป็นอิสระเพียงเสี้ยวนาทีห้ามเขา แต่ลิ้นยาวของเขาก็แทรกเข้ามาได้ทันถ่วงที เจค็อบดันปากของเขาเข้าใกล้ปากของริตาเรื่อยๆ จนลิ้นของเขาเข้าไปได้จนสุด เขาตวัดมันไปมาข้างในโพรงปากอย่างถือวิสาสะ ริตาทุบอกเจค็อบเป็นรอบที่ร้อย จนคนที่โดนทุบรวบมือทั้งสองข้างเอาไว้ด้านบนศีรษะของเจ้าตัว “อะไรที่มันได้มายากๆ นี่ก็ท้าทายดีเหมือนกันนะ” เขากระซิบบอกเธอ ก่อนจะเลื่อนปากลงมาพรมจูบกกหูและซอกคอที่มีกลิ่นน้ำหอมจางๆ ติดอยู่ทั้งสองข้างอย่างค้นหา “ไปรอผมที่ห้องรับแขก อีกสิบห้านาที ผมจะให้คุณสัมภาษณ์” เขาถอยห่างจากเธอเหมือนตัวติดสปริง ริตารีบลุกจากเตียงและเดินถอยหลังออกจากห้อง เพราะกลัวเขาจะกระชากเธอลงไปที่เตียง และเมื่อถึงประตู เธอก็หมุนตัวกลับแล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

กระชากกาวน์

read
4.3K
bc

My Buddy เล่นเพื่อน

read
14.0K
bc

FirstLove น้องพี่ที่รัก

read
5.6K
bc

ซ่านเสน่หา พี่น้องต่างสายเลือด

read
3.5K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
5.3K
bc

ร้อยสวาททาสหัวใจ

read
2.6K
bc

แคดดี้ที่รัก

read
1.2K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook