"อะไรนะ! นี่นาจะแต่งงานกับพี่กายหรอ?"เสียงตกใจของปานแก้วดังออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนสนิทบอก
"ใช่ ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ตอนได้ยินครั้งแรกฉันคิดว่าฉันต้องฝันไปแน่ๆ มันดีใจจนบอกไม่ถูกเลยปาน"สีหน้าดีใจจนแทบปิดไม่มิดของนารีรัตน์ทำเอาคนตรงหน้านิ่งไป ก่อนจะยิ้มให้เพื่อนสาว
"ฉันแอบรักพี่กายมานานในที่สุดสวรรค์ก็เห็นควารักของฉันสักที"
"แล้วทางนั้นเขาตกลงแล้วงั้นเหรอ?"ปานแก้วถามอย่างสงสัยเพราะจากที่ฟังเพื่อนสาวเล่ามันเหมือนการแต่งงานเพื่อธุรกิจจริงๆ
"ไม่รู้สิ แต่ถ้าผู้ใหญ่คุยตกลงกันขนาดนี้ก็คงตกลงแล้วมั้ง อีกอย่างตอนนี้คุณพ่อก็จัดเตรียมทุกอย่างแล้วอีกไม่นานก็จะถึงวันแต่งงานมันเร็วจนฉันเองก็ตั้งตัวแทบไม่ทัน"
"ฉันดีใจด้วยนะนา ที่ในที่สุดวันที่เธอใฝ่ฝันก็มาถึงสักที"นารีรัตน์ยิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกอดปานแก้วแน่น
"วันนั้นเธอต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันนะ เพราะชีวิตฉันรักเธอมากที่สุดเลย"
"จ้า เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากจริงๆ ที่ได้คนอย่างพี่กายเป็นสามี"
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ครอบครัวทั้งสองมาพร้อมหน้าพร้อมตาใครบ้างที่จะไม่รู้จักตระกูลวัฒนไพกุลกับตระกูลโชคทวีทรัพย์ยิ่งมีข่าวการแต่งงานของสองครอบครัวนี้ที่กำลังจะดองกันยิ่งทำให้ชื่อเสียงครอบครัวทั้งสองโด่งดังมากขึ้น
"ผมดีใจนะครับที่เราสองครอบครัวมีวันนี้"ท่านนิรุตติ์บอกชายตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เฉกเช่นเดียวกันกับท่านอภิสิทธิ์ที่ทำหน้าพอใจไม่น้อย
"เช่นกันครับต่อไปนี้หนูนาก็เป็นคนในครอบครัวผม ผมจะดูแลลูกสะใภ้คนนี้ให้ดีที่สุด"ผู้ใหญ่ต่างพูดคุยกันไปมา มีเพียงนารีรัตน์ที่เอาแต่แอบมองใบหน้าของบุรุษเพศตรงหน้าอย่างเขินอาย ยิ่งคิดว่าจะต้องเป็นภรรยาของชายหนุ่มใบหน้านวลก็เห่อแดงขึ้นมา แต่ทว่าผิดกับชายหนุ่มใบหน้าคมสันที่ไม่พูดไม่จาอะไรออกมาสักคำผิดจากเมื่อก่อนที่เวลาเห็นเธอก็ต้องทักทายคุยเล่นบ้างแต่วันนี้มีเพียงความเงียบสนิทเท่านั้น
"กายพาน้องไปเดินเล่นสักหน่อยสิ พ่อมีธุระจะคุยกับคุณนิรุตติ์สักหน่อย"
"ครับ"เขารับคำสั้นๆ ก่อนจะลุกพรวดขึ้นสายตามองผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะเดินออกไปนอกร้านอาหาร