ฉันเองยังอึ้งแบบไปต่อไม่ถูก ทั้งๆ ที่ผ่านมาตัวเองพยายามทำตัววอแวเขาตลอด อยากให้คนอื่นสงสัยและเข้าใจว่าเป็นเพื่อนคนพิเศษของเขา มาเจอเขาพูดเองแบบนี้มันไปไม่เป็นจริงๆ
“ไหนมึงบอกมาตลอดว่าไม่สนิทกับเขาไงวะ” ยูโรโวย และมันทำให้ฉันหันไปมองโซ่ เผลอมองแบบงอนๆ ที่รู้ว่าเขาบอกกับคนอื่นแบบนั้น แบบที่ฉันคิดจริงๆ ว่าเขาไม่อยากจะสนิท...แค่เพื่อนเขาก็คงไม่อยากเป็น
“ก็ไม่ได้สนิท...เท่าไหร่” พอเขาเอ่ยต่อหน้าจริงๆ ก็ยิ่งเจ็บ มองเขาด้วยความเจ็บและแค้นเคือง แต่เขาดันหลบตาเสียงั้น
“แล้วมึงไปนอนบ้านเขาได้ยังไง”
“กูไม่สบาย แม่เขาเลยให้นอนที่บ้าน”
“ไม่สบายทำไมไม่กลับบ้านตัวเอง ไปบ้านเขาทำไม” ยูโรยังจี้ไม่หยุด ซึ่งโซ่ก็คุยกับเพื่อนแบบก้มหน้ามองโต๊ะ เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“ก็กูไม่อยากกลับบ้านตัวเอง กูเลยไปนอนบ้านน้ำริน แปลกตรงไหน”
“ไอ้นี่ ไม่สนิทแต่ไปนอนบ้านเขาเฉย มึงหวงไม่อยากให้กูจีบน้ำรินก็พูดตรงๆ”
“มึงเลอะเทอะ” ไม่ค่อยเห็นโซ่เถียงใครไปมาแบบนี้เลยแฮะ แต่ประโยคนั้นของยูโรก็ทำให้ฉันแอบคิดว่ามันจะมีโอกาสเป็นแบบนั้นสักกี่เปอร์เซ็นต์
“แล้วมึงจะมาแสดงตัวทำไมว่าไปนอนบ้านน้ำริน ให้กูเข้าใจว่ามึงกลับไปนอนบ้านตัวเองก็ได้ไหม”
“กูก็แค่ไม่ชอบอะไรที่ไม่ถูกต้อง”
“กูไม่เชื่อมึงหรอก ไอ้หมาหวงก้าง”
คราวนี้โซ่ทำเป็นถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เหมือนกับว่าข้อกล่าวหาของยูโรนั้นไร้สาระเหลือเกิน แต่มันก็เข้าเค้าอยู่หรือเปล่านะ
“กูบอกว่านอนบ้านเขา ไม่ได้นอนห้องเขาเสียหน่อย มึงจะมาโวยวายอะไรใหญ่โต”
“เออ ให้มันจริง ไม่สนิทก็อย่ามาหวงทีหลังแล้วกัน”
“ตกลงว่ามึงจะจีบน้ำรินจริงๆ ใช่ไหมยูโร” คราวนี้เพื่อนผู้หญิงคนเดิมถามขึ้น ยูโรหันมามองฉัน เปลี่ยนความขุ่นเคืองจากการโต้เถียงกับโซ่มายิ้มแหยๆ ให้
“เอ่อ น้ำรินจะให้จีบไหมล่ะ” ซึ่งฉันก็แค่ยิ้มตอบ
“ยูโร น้ำรินดูกลัวมึงนะ” พอเพื่อนอีกคนแซวเขาแบบนั้นบรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้น อาจารย์ก็เข้ามาพอดีก็เลยหยุดการซักไซ้กันเพียงเท่านั้น พอๆ กับอุ๊บอิ๊บที่เข้ามาในห้องพร้อมอาจารย์อย่างรู้เวลา ฉันโบกมือให้เพื่อนมานั่งด้วยกัน
วันนี้เรามีเรียนวิชาแรกชั่วโมงครึ่ง แล้วก็พักครึ่งชั่วโมงถึงเรียนวิชาที่สองอีกชั่วโมง ถึงวิชาที่สองนี้จะไม่ได้เรียนเซคชันเดียวกับโซ่ แต่ก็ยังอยู่ตึกเดียวกัน ฉันกับอุ๊บอิ๊บและเพื่อนๆ ของโซ่ก็เลยนั่งรอเรียนวิชาต่อไปที่ลานม้าหินอ่อน ที่จะมีร้านค้าขายของกินเล่นอยู่เกือบๆ สิบร้าน
“น้ำริน กินอะไรไหม” ยูโรถามฉัน เพื่อนๆ ก็เลยรีบแซว
“ไอ้นี่ พอบอกว่าจะจีบเขาก็เอาใหญ่เลยนะ”
“อ้าว กูก็ต้องแสดงความชัดเจน จริงไหม”
“เราไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลย” ซึ่งพอฉันตอบแบบนั้นเพื่อนๆ เขาก็ขำยูโรอีก เจ้าตัวทำหน้าเซ็งๆ
“แบบนี้เขาเรียกว่าปฏิเสธใช่ไหมน้ำริน”
ฉันยิ้มให้การเล่นมุกของเพื่อนๆ
“แต่ถ้านายจะลุกแล้วฝากซื้อน้ำเปล่าด้วยแล้วกัน” พอฉันขอให้ช่วยไปแบบนั้นคนที่ทำเป็นคอตกก็รีบยิ้มเหมือนสั่งได้
“โอเค แล้วอุ๊บอิ๊บเอาอะไรไหม” หันมาถามเพื่อนฉันด้วย อืม จริงๆ ยูโรก็นิสัยดีเหมือนกันนะ
“น้ำเปล่าขวดนึง ขอบใจนะ”
ฉันหยิบแบงก์ร้อยให้โซ่ จ่ายเผื่ออุ๊บอิ๊บด้วย แต่อีกฝ่ายไม่รับ รีบลุกออกจากโต๊ะไปยังร้านค้าต่างๆ ฉันก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะไปซื้ออะไรนานแค่ไหน นั่งเล่นมือถือเพลินๆ ยูโรก็กลับมาพร้อมน้ำเปล่าของฉันกับอุ๊บอิ๊บ แล้วก็ขนมปัง
“ขนมปังร้านนี้นุ่มมากนะ ลองชิมดู” เขาไม่ได้เผื่อแค่ฉันหรอก เผื่ออุ๊บอิ๊บด้วย
“ขอบใจนะ” อุ๊บอิ๊บบอกขอบคุณแล้วหยิบขนมมากิน ส่วนฉันยังชั่งใจอยู่
“เออ น้ำริน อร่อยจริงด้วย นุ่มมาก หอมด้วย”
“งั้นเหรอ” กำลังคิดจะหยิบมาชิมแต่จู่ๆ มันก็ถูกมือดีหยิบไปต่อหน้าต่อตา ฉัน ยูโร มองไปที่โซ่ที่เอาขนมปังฉันไปกินหน้าตาเฉย
“ไอ้โซ่ กูซื้อมาให้น้ำริน มึงนี่มันหาเรื่องจริงๆ”
“เหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างเดียว มองยูโรและฉันด้วยสายตาเย็นชา...เหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
“เดี๋ยวเราไปซื้อให้ใหม่” ยูโรบ่นอย่างหัวเสีย
“ไม่เป็นไรหรอกยูโร ไว้ค่อยลองชิมวันหลังก็ได้” พอฉันพูดปลอบใจไปแบบนั้นเจ้าตัวก็ยิ้มกว้าง
“งั้นเราซื้อให้กินทุกวันได้ใช่ไหม” แน่นอนฉันรู้ทันว่ามันไม่ได้หมายถึงแค่ซื้อขนม เพื่อนๆ เขาก็รู้ก็เลยเกิดการโห่แซวอีกรอบ ก่อนจะมีบางคนพูดจาขวานผ่าซาก
“ใครจะบ้ากินขนมปังทุกวัน” เพื่อนๆ ส่ายหน้าระอา มียูโรที่ดูหงุดหงิดนิดหน่อย
“เออ กูจะถามมึงแล้วกันว่าน้ำรินชอบกินอะไร จะจดไว้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนเลย”
รู้สึกว่าคนที่ทำเป็นเคี้ยวขนมตุ้ยๆ พูดจากวนเพื่อนแบบหน้าตายจะชะงักไปเล็กน้อย...แค่เล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะกัดขนมปังคำต่อไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร
แต่ฉันคิดว่าเขาหวงก้างแบบที่ยูโรบอกได้ไหม ปกติเขาเมินฉันเก่งออกนี่ มีวันนี้แหละที่ฉันรู้สึกว่าโซ่เห็นฉันอยู่ในสายตาต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขาน่ะ งั้นก็ขอเข้าข้างตัวเองสักนิดหนึ่ง ให้หัวใจมันมีกำลังใจที่จะชอบเขาต่ออีกเล็กน้อย...