เช้าวันรุ่งขึ้น ปาลินตื่นมาเตรียมอาหารเช้า หวังว่าความดีของเธอจะทำให้ได้รับการต้อนรับในครอบครัวนี้ขึ้นมาบ้าง ใบหน้าของหญิงสาวแม้จะดูเศร้าแต่รอยยิ้มบาง ๆ ของเธอยังคงอยู่
หญิงสาวยกหม้อข้าวต้มไปที่ห้องรับประทานอาหารด้วยตนเอง คณิณมองเธอเงียบ ๆ ขณะที่เธอตักข้าวต้มลงในชามและเลื่อนมาตรงหน้าเขา
“ข้าวต้มทรงเครื่องค่ะ ป้าพิณบอกว่าทุกคนชอบกินเมนูนี้ ฉันเลยให้ป้าพิณสอนสูตรให้” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร
ปาลินแอบถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอกที่เขายอมกินอาหารที่เธอทำ
แต่ก่อนที่บรรยากาศจะดีขึ้นกว่านี้ เสียงของมณีรัตน์ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ปาลิน! ใครให้เธอมาเสนอหน้าในห้องอาหาร”น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ลูกสะใภ้ที่ไร้ตัวตนหันไปมองแม่สามีพร้อมกับยิ้มบาง ๆ พยายามไม่แสดงความอึดอัดให้เห็น
“ฉันแค่เตรียมอาหารให้คุณคณิณค่ะ”
“อย่ามาแสร้งทำเป็นเมียที่ดีหน่อยเลย” มณีรัตน์ปรายตามองอย่างเหยียดหยาม
“ฉันไม่เคยยอมรับเธอ บ้านหลังนี้ไม่มีใครยอมรับเธอ เธอก็ควรจะสำเหนียกตัวเองและสถานะของเธอให้ดี” สิ้นประโยคนั้นหญิงสาวถึงกับตาแดง น้ำตาคลอแต่ก็อดกลั้นพยายามไม่ให้มันไหลออกมา
“แม่ครับ” คณิณวางช้อนลงเสียงดัง
มณีรัตน์หันไปมองลูกชายด้วยสีหน้าประหลาดใจ คณิณไม่เคยขัดหรือโต้เถียงเธอเลยสักครั้ง โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องของผู้หญิงคนนี้
“พอเถอะครับ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่แววตาฉายแววหงุดหงิด ปาลินตกใจที่เขาออกตัวปกป้องเธอ เธอคิดว่าเขาจะนิ่งเฉยเหมือนที่ผ่านมา
“อะไรกัน หรือว่าลูกเริ่มจะเห็นใจเธอแล้ว” มณีรัตน์ถามด้วยความผิดหวัง
“ผมแค่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ ไม่อยากให้แม่เสียอารมณ์กับอะไรที่มันไร้ค่า” เขาพูดแล้วหยิบช้อนขึ้นมากินอาหารตรงหน้าต่อ
มณีรัตน์เผยรอยยิ้มออกมาแล้วไปนั่งยังตำแหน่งของเธอพร้อมกับมองลูกสะใภ้ตาเขียว
“...” ปาลินพูดไม่ออก เหมือนมีก้อนจุกที่คอ
เธอถอยออกไปเงียบ ๆ ขึ้นห้องไปอาบน้ำแล้วร้องไห้ภายใต้สายน้ำนั้น พยายามแล้วที่จะไม่แสดงความอ่อนแอ การแต่งงานโดยไม่มีความรักว่าแย่แล้ว แต่พอมีความเกลียดชังมาร่วมด้วยมันยิ่งแย่กว่า
“ผมแค่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ ไม่อยากให้แม่เสียอารมณ์กับอะไรที่มันไร้ค่า” ประโยคนั้นของเขาพูดเหมือนเธอไม่ใช่คน
นี่สินะสิ่งที่เขาต้องการ ยิ่งเธอเจ็บปวดก็ยิ่งบีบให้พี่ชายเธอเผยตัวออกมา เขาให้เธอมาที่นี่ก็เพราะอยากทรมานเธอ ดังนั้นเธอจะต้องไม่ตกลงไปในหลุมพรางของเขา
************************
ที่บริษัทเล็ก ๆ ของครอบครัวจิตวิวัฒน์ ปาลินนั่งดูงานที่เธอรับออกแบบกล่องบรรจุอาหาร จากนั้นก็วงจุดที่ต้องการแก้ไขส่งให้ทีมงานของเธอแก้งานเพื่อส่งผลงานที่สมบูรณ์ให้แก่ลูกค้า
หลังจากทำงานเสร็จ เธอก็เรียกประชุมกับพนักงาน บริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้มีพนักงานเพียงสิบสองคนเท่านั้น ไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่โตอะไร จะเรียกว่าเป็นแค่สำนักงานเล็ก ๆ ก็คงไม่ผิดนัก
ขณะที่กำลังเตรียมงานประชุม เธอก็ได้รับการรายงานจากพนักงานว่าข้างนอกมีรถที่น่าสงสัยจอดอยู่หลายวันแล้ว หญิงสาวเปิดกล้องวงจรปิดดูก็รู้ว่านั่นคือคนของคณิณ
เขาคงส่งคนมาเฝ้าดูว่าพี่ชายเธอมาหาที่บริษัทหรือไม่ และหากเดาไม่ผิดที่บ้านเธอก็คงมีรถอีกคันจอดซุ่มอยู่เช่นกัน ยิ่งรู้แบบนี้เธอก็ยิ่งกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพี่ชาย
ก่อนหน้านี้ปิลันธรและคณิณก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานแล้ว เพราะเขารู้ดีว่าพี่ชายเธอคือคนรักของคู่หมั้นที่ถูกผู้ใหญ่บังคับให้หมั้นหมายอย่างไม่เต็มใจ และตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ทั้งสองก็เป็นคู่แข่งกันในด้านกิจกรรมและการเรียน
ปิลันธรเป็นเดือนคณะศิลปะฯ สาขาดิจิตอลดีไซน์ที่โดดเด่นเรื่องเสน่ห์และความเป็นกันเอง ในขณะที่คณิณเป็นเดือนคณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศที่โดดเด่นเรื่องหน้าตาและฐานะ
ทั้งสองเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย แต่ปิลันธรคว้าตำแหน่งนี้ไปครอง ส่วนคณิณได้รับฉายาเดือนยิ้มยาก
ทั้งสองเป็นนักกีฬาทีมบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัย เวลาแข่งกีฬาภายในก็เป็นคู่แข่งกัน ผลัดกันแพ้ชนะ แต่พอเป็นกีฬาระดับมหาวิทยาลัยก็เป็นทีมเดียวกัน คณิณชิงตำแหน่งกัปตันทีมมาได้เพราะครอบครัวของเขาให้การสนับสนุน จึงทำให้ถูกมองว่าใช้เงินซื้อตำแหน่งทั้ง ๆ ที่เขาก็มีฝีมืออยู่มาก
แล้วสุดท้ายปิลันธรก็คว้าหัวใจของยิหวาไปครอง โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าถูกผู้ใหญ่หมั้นหมายเอาไว้กับอีกคนแล้ว พอถึงเวลาที่จะต้องแต่งงานตามสัญญาเขาก็พายิหวาหนีไปก่อนงานแต่งงาน
หากเธอเป็นคณิณก็คงแค้นปิลันธรไม่น้อย
“คุณลินคะ แบบที่ให้แก้ค่ะ” ทีมงานวัยยี่สิบสามนำแบบมาให้เธอตรวจสอบ
“ผ่านแล้ว ส่งให้ลูกค้าดูเลย” เธอยิ้มบอก
“แล้วแบบที่ออกแบบให้คุณสโรชาเสร็จหรือยัง”
“ทีมบีกำลังทำค่ะ เห็นว่าทางนั้นเพิ่มตารางโภชนาการมาให้เราใส่ไปในแบบด้วย”
ปาลินพยักหน้ารับทราบ จากนั้นก็ให้ทีมงานของเธอไปทำหน้าที่ต่อ แล้วนั่งคิดว่าหากคณิณจะทำลายบริษัทของเธอจริง พวกพนักงานเหล่านี้จะอยู่อย่างไร
เมื่อหกปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอเป็นนักศึกษาวัยสิบเก้าที่คลั่งไคล้เดือนคณะบริหารเป็นอย่างมาก จนพี่ชายของเธอน้อยใจที่น้องสาวเชียร์เดือนอีกคนมากกว่าตัวเอง
เธอเอาแต่ไล่ตามคณิณอย่างบ้าคลั่งตามประสาแฟนคลับที่หลงใหลเขา พอติดตามหนักเข้า เกาะติดสนามบาสทุกครั้งที่เขาลงแข่ง คณิณก็เริ่มรำคาญแล้วพูดจาไม่ดีกับเหล่าแฟนคลับจนพวกเธอต้องหยุดติดตามเขา
พอนึกถึงตอนนั้นแทนที่พวกเธอและแฟนคลับคนอื่น ๆ จะโกรธ กลับเห็นใจและรู้สึกผิดกับการไล่ตามของพวกตน จึงเปลี่ยนเป็นคอยส่งกำลังใจเงียบ ๆ ให้เขาเสมอมา
“ฉันคงบ้าไปแล้ว” เธอพึมพำกับตัวเอง
ในปัจจุบันเธอได้แต่งงานกับเขา แม้จะเป็นเพียงเจ้าสาวตัวแทน แต่ก็เหมือนว่าฝันของเธอเป็นจริง ทว่าสิ่งที่เธอเจอมันเหมือนกับฝันร้าย
เสียงโทรศัพท์จากปิลันธรทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ในอดีต เธอหันซ้ายหันขวาด้วยความหวาดระแวงทั้ง ๆ อยู่ในห้องทำงานส่วนตัว ก่อนจะกดรับสาย
“คะพี่ลัน”
“ลิน ตอนนี้สถานการณ์เป็นไงบ้าง”
“คุณคณิณส่งคนมาเฝ้าลินที่หน้าบริษัทค่ะ ลินคาดว่าที่บ้านของเราก็คงมี ลินแวะไปกินข้าวกับแม่ตอนเที่ยงก็เห็นรถที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่แถวบ้าน แม่บอกว่ามาจอดตั้งแต่วันที่ลินไปอยู่บ้านคุณคณิณแล้ว” เธอเล่าสถานการณ์ให้พี่ชายฟัง
“พี่คงยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้ อดทนหน่อยนะ”
“พี่ลันไม่ต้องห่วงนะคะ ที่บริษัทเรียบร้อยดี”
“อืม งั้นแค่นี้ก่อนนะ พี่ต้องย้ายที่พักแล้ว” เขาพูดแล้วกดตัดสายไป
ปาลินได้แต่ถอนหายใจ กดลบประวัติโทรเข้าไม่ให้เหลือหลักฐานให้คณิณรู้ว่าพี่ชายเธอติดต่อมา กลัวว่าเขาจะรู้แล้วมาคาดคั้นให้เธอบอกที่อยู่ของพี่ชาย ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าพี่ชายอยู่ที่ไหน
************************