ในตอนเย็น ปาลินที่เพิ่งกลับมาจากบริษัทออกแบบบรรจุภัณฑ์เล็ก ๆ ของครอบครัว เธอรู้สึกถึงความอึดอัดของบรรยากาศภายในบ้าน จึงจอดรถไว้ที่ข้างรั้วด้านหน้า แล้วออกไปเดินที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน หวังให้ได้ผ่อนคลายจากเรื่องราววุ่นวาย
หญิงสาวเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหิน มองดอกไม้นานาชนิดที่เบ่งบาน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ผ่อนคลาย เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นด้านหลัง
“ลิน” เสียงเรียกชื่อของเธอทำให้หญิงสาวยิ้มออกมา เธอหันไปก็พบว่าพี่ชายยืนอยู่ตรงนั้น
ดวงตาของปิลันธรเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคนเดียวที่เขารักและถนอมเธอมาตั้งแต่เด็ก
“พี่ลัน” ปาลินพูดเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้า
ปิลันธรมองเธออย่างพิจารณา แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วดึงเธอมาสวมกอดเอาไว้
“พี่ขอโทษ” เสียงเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ถ้าพี่ไม่พายิหวาหนีไป เธอคงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปวดใจ
ปาลินส่ายหน้าช้า ๆ ในอ้อมอกของพี่ชาย ร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ มันเป็นการตัดสินใจของลินเอง” เธอพูดเสียงเบาปนสะอื้น ปิลันธรเม้มริมฝีปากแน่น ดันตัวเธอออกแล้วมองน้องสาวด้วยสายตาเศร้า
“เขารังแกไหม ทำอะไรให้ไม่สบายใจหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เขาไม่ได้รังแกลิน ลินสบายดี” เธอพูดให้พี่ชายสบายใจ ทั้งที่เธอไม่มีความสุขเลยสักนิด
“ออกมาจากบ้านหลังนั้นซะ” ปิลันธรจ้องเธออยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ลันก็รู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง ตอนนี้ธุรกิจของเรายังไม่มั่นคง ลินไม่อยากขัดใจเขา” ปาลินพูดเสียงเบา
“พี่จะหาทางให้ลินหลุดพ้นจากเขา รอพี่นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ลัน พี่ลันก็รู้ว่าลินรู้สึกยังไงกับคุณคณิณ จริง ๆ การได้แต่งงานกับเขา เข้าทางลินชัด ๆ” เธอยิ้มให้พี่ชายทั้งน้ำตา ให้รู้ว่าการแต่งงานนี้เธอยินดีเป็นอย่างมาก
“อย่าทำอะไรให้ตัวเองเจ็บ ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมา บริษัทของเราถ้าไม่ไหวหรือถูกรังแกก็ปล่อยมันไป เราเริ่มสร้างใหม่ได้ พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าเขาจะตามมาเล่นงานเราได้ตลอด” เขาบอกน้องสาวให้ปล่อยวางเรื่องบริษัท
“ลินอยากลองดูสักตั้งค่ะ หากไม่ไหว ลินจะถอยออกมาเอง” เธอพูดเสียงเบา
“ดูแลตัวเองด้วย แล้วพี่จะติดต่อหาเธอเอง” ปิลันธรเอามือวางที่ศีรษะของน้องสาว กอดจะขยับหมวกให้ปีกหมวกปิดบังใบหน้าส่วนดวงตาแล้วเดินจากไปอีกทาง
คณิณจอดรถมองดูภรรยาตัวแทนของเขาอยู่จากไกล ๆ ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปยังสองพี่น้องที่แอบนัดเจอกัน มือของเขากำแน่นด้วยความโมโห
เธอติดต่อปิลันธรได้แต่กลับบอกเขาว่าเธอไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้อย่างไร คำโกหกนี้มีค่าที่ต้องจ่าย
คณิณขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ เขาเดินผ่านสาวใช้แล้วพูดกับเธอโดยไม่มองหน้า
“ถ้าคุณลินกลับมาถึงบอกให้เข้าไปหาฉันที่ห้องทำงาน”
“ค่ะคุณคณิณ” สาวใช้จากประเทศเพื่อนบ้านตอบรับอย่างสุภาพ
พอไปถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงแล้วเอาแต่คิดถึงภาพที่เห็น หลังจากมองปาลินคุยกับปิลันธรอยู่นาน เขาน่าจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้คนที่มันบังอาจพาเจ้าสาวของเขาหนี
“ให้ตายสิ ปาลิน เธอนี่มันจอมหลอกลวงชัด ๆ เรื่องที่เอาแต่ไล่ตามฉันเมื่อก่อนก็คงเป็นการเสแสร้งเพื่อเรียกร้องความสนใจสินะ” เขาเอาหลายเรื่องมารวมกันแล้วอคติกับเธอโดยไร้เหตุผลเพราะความหงุดหงิด ก่อนจะสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้ว พลิกเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะไปมาอย่างหงุดหงิด
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นก็รู้ทันทีว่าคนที่เขากำลังโมโหอยู่ได้มาถึงแล้ว
“เข้ามา”
ปาลินเดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมกับถาดวางน้ำเปล่าในมือ คณิณเงยหน้ามองเธอเพียงแวบเดียวก่อนจะก้มลงไปสนใจเอกสารต่อ
“นั่งลงก่อนสิ” เขากล่าวเรียบ ๆ
หญิงสาวแก้วน้ำลงบนโต๊ะทำงานของเขา จากนั้นก็นั่งลงตามที่เขาบอก
“คุณคณิณเรียกฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามเสียงเบา แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
“พี่ชายเธอติดต่อมาบ้างไหม” เขาถามเสียงเรียบ สายตามองเอกสารไม่ได้สบตาเธอ
“ไม่ค่ะ” เธอโกหกแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ห่วงความปลอดภัยของพี่ชาย เพราะรู้ว่าเขาแค้นมากแค่ไหน
คณิณกระตุกยิ้มที่มุมปาก เธอไม่มีความลังเลที่จะโกหกเขาเลยแม้แต่น้อย คิดว่าผู้หญิงคนนี้โกหกจนอาจจะติดเป็นนิสัย เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมมองเธอด้วยสายตานิ่งสนิท
“เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ” เขาพูดเหมือนรู้อะไรบางอย่างมา ปาลินกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะตอบอย่างอ่อนโยน
“คุณอยากรู้แค่นี้เหรอคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...”
“อย่าบังอาจมาโกหกฉัน!” เขาตวาดแทรกประโยคของเธอ
“ฉันจำเธอได้ เธอเป็นหนึ่งในนักศึกษาบ้าผู้ชายที่เคยไล่ตามตื๊อฉันในตอนนั้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สมเพช
ปาลินกำมือแน่น หัวใจเธอกระตุกเจ็บแปลบ รู้สึกอับอายกับคำกล่าวหานี้
“คุณจะดูถูกฉันยังไงก็ได้นะคะ แต่อย่าดูถูกความรักของฉันในตอนนั้น พวกเราเป็นแฟนคลับของคุณและชื่นชมคุณจากใจจริง” เธอพูดเสียงสั่น และตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกดีให้แก่เขา แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แม่จะรู้ว่าเขาเย็นชาและไม่สนใจผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ
แต่ก็อย่างที่รู้กัน ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่ชอบความท้าทาย ผู้หญิงเองก็ชอบความรักที่ท้าทาย ชอบผู้ชายที่ออกแนวแบด เธอชอบเขาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษนัก เธอผิดมากหรืออย่างไร
“ความรักเหรอ หึ น่าสมเพช!” เขาพูดแล้วยิ้มเยาะที่มุมปาก แววตาที่มองเธอนั้นเต็มไปด้วยแววตาที่เหยียดหยาม+
เธอรู้ว่าเขาไม่ยอมรับเธอ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรง ๆ ขนาดนี้
“อย่าบอกนะว่าตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกกับฉันอยู่ อ้อ ที่ยอมแต่งงานง่าย ๆ ก็คงเพราะเธอได้ผลประโยชน์สินะ การแต่งงานที่ฉันคิดว่าจะทำให้เธอทรมานได้ ที่แท้มันกลับเป็นสวรรค์ของคนโรคจิตแบบเธอ” เขาพูดแล้วหัวเราะเบา ๆ ราวกับขบขันกับความคิดนั้น
ปาลินสูดลมหายใจลึก แม้คำพูดของเขาจะเจ็บปวด แต่เธอก็ยังอดทน แม้จะรู้ว่าตัวเองโง่มากที่ยังทนฟังจนถึงตอนนี้โดยไม่ร้องไห้ออกมา
“มีอะไรอีกไหมคะ ฉันต้องไปช่วยงานในครัว”
“จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” เขาพูดแล้วก็โบกมือไล่เหมือนรำคาญ
“ค่ะ” เธอพูดจบก็หันหลังกลับไป รู้ว่าเขาร้ายกาจและปากร้าย แต่ไม่คิดว่าเขาจะเย็นชาและใจดำได้ขนาดนี้
************************