ตอนที่ 5 ปล่อยมือ

1335 Words
เสียงโทรศัพท์มือถือของดารัญดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าใส่ตู้กับสิริญา เธอชะงักทันทีที่เห็นชื่อบนหน้าจอ คุณแม่ ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเธอแต่เป็นมารดาของธาวินทร์ ผู้หญิงคนเดียวที่เคยกอดเธอแน่นในวันแต่งงาน และมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนอยู่เสมอ ดารัญลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสาย เสียงแม่สามีฟังดูสั่นไหวอย่างชัดเจน “ดารัญลูก… แม่เพิ่งเห็นข่าว…” เสียงนั้นแฝงความตกใจและสับสน ดารัญกลืนน้ำลาย ก่อนเอ่ยอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ค่ะ ลูกพีชกลับมาแล้วค่ะ แม่คงรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าคุณวินเลือกจะยุติทุกอย่างกับหนูแล้ว” อีกฟากของสายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะมีเสียงถอนหายใจยาว “แม่ขอโทษลูก แม่ไม่รู้ว่าเขาจะใจร้ายกับหนูขนาดนี้ แม่ไม่รู้เลยว่าลูกต้องอดทนแค่ไหนตลอดสามปีที่ผ่านมา” ดารัญยิ้มบางๆ แม้รอยยิ้มนั้นจะเต็มไปด้วยรอยร้าว แต่มันก็แฝงความสงบ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูรู้มาตลอดว่าวันนี้ต้องมาถึง หนูแค่หวังลึกๆ ว่า บางทีความดีหรือความพยายามจะเปลี่ยนใจเขาได้” เธอหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ขึ้น “แต่หนูเข้าใจแล้วค่ะ ว่ารักมันไม่ใช่เรื่องของความพยายามเพียงฝ่ายเดียว” ปลายสายยังเงียบดารัญจึงยิ้มอีกครั้ง พลางกล่าวเบาๆ “ขอบคุณนะคะที่แม่เคยเมตตาและเอ็นดูหนู หนูไม่อยากให้การจากลาครั้งนี้ทิ้งความขุ่นเคืองอะไรไว้เลย ขอบคุณทุกอย่างจริงๆ ค่ะ” “ดูแลตัวเองนะลูก” เสียงนั้นสั่นเครือจนแทบฟังไม่ชัด ก่อนที่สายจะถูกตัดไป เธอวางโทรศัพท์ลงเบาๆ แล้วหลับตา น้ำตาหยดสุดท้ายร่วงลงจากขอบตา แต่เธอไม่ได้ปาดมันทันที เธอปล่อยมันไหล เหมือนปล่อยเศษซากสุดท้ายของหัวใจ สิริญาเดินเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง กิ่งแก้วกับชรัญรัตน์ที่เหลือในห้องต่างก็เดินเข้ามาล้อมไว้แล้วช่วยกันพูดปลอบใจเธอ “ถึงเวลาแล้วรัญ แกต้องรักตัวเองเหมือนที่เคยรักเขา” “แกอยากมีรักเดียวใช่ไหม ก็เริ่มจากการรักตัวเองให้สุดก่อนเลย” “อย่าเสียใจเลยนะเว้ย แกยังมีพวกฉันอยู่” ดารัญยิ้มออกมาในที่สุด “เขามีรักแรก… ส่วนฉันก็มีรักแรกของฉันเหมือนกัน และคนแรกที่ฉันควรรักที่สุดในชีวิตก็คือตัวเองนี่แหละ” และในวินาทีนั้น หญิงสาวผู้เคยยอมทุกอย่างเพื่อความรัก ก็เริ่มต้นเรียนรู้ที่จะยอมรับการรักตัวเองอย่างสง่างาม แม้เธอยังไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเจอใคร แต่สิ่งที่แน่นอนคือ จากนี้ไป เธอจะไม่ขอไล่ตามหัวใจใครอีกแล้ว ************************ กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนภาพหญิงสาวผู้เคยอ่อนหวานในเดรสลูกไม้สีครีมและไว้ผมยาวดัดเป็นลอนอย่างอ่อนหวาน ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวในเสื้อยืดแขนสั้นเรียบง่ายกับกางเกงยีนเอวสูง ผมสีน้ำตาลเข้มที่เพิ่งย้อมใหม่เรียงเส้นตรงเรียบ สะท้อนประกายอ่อนของแสงแดดยามบ่าย ไม่ต้องความพยายามจะเป็นคนในฝันของใครมีเพียงแค่ดารัญในแบบที่เธออยากเป็น เธอหันซ้ายหันขวา มองดูตนเองในมุมที่เธอไม่เคยได้เห็นตลอดสามปีที่ผ่านมา ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างบางเบา ขณะที่สายตานั้นกลับแน่วแน่และนิ่งสงบ “แบบนี้แหละ ตัวฉันจริงๆ” เธอเคยไว้ผมยาวดัดลอนเป็นคลื่นอ่อน เพราะเขาชอบผู้หญิงแบบนั้น เธอเคยแต่งตัวเรียบร้อย อ่อนหวาน เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะภรรยาของนักธุรกิจดัง เธอเคยทำทุกอย่างเพียงเพื่อจะได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของเขาสักเสี้ยวหนึ่ง แต่สุดท้ายเธอตระหนักว่า ไม่มีใครควรต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ใครมารัก เธอสไลด์ผมให้บางลง ยืดตรงแบบที่ชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สีผมน้ำตาลเข้มไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็นสีที่เธอมองแล้วรู้สึกว่า นี่แหละตัวเธอ เสื้อผ้าที่สวมอยู่ไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่สบายพอให้เธอหายใจได้เต็มปอด ดารัญเดินออกจากร้านทำผมพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ แดดยามเย็นส่องกระทบใบหน้าเธอที่ไร้เมคอัพ แต่กลับดูสง่างามอย่างแปลกประหลาด หญิงสาวผู้เคยพยายามยืนข้างใครสักคน วันนี้เลือกจะยืนให้มั่นในจุดของตัวเอง และมันรู้สึกเบาสบายอย่างไม่น่าเชื่อ เธอใช้ลุคใหม่ที่ดูทะมัดทะแมงและมั่นใจนี้ไปสมัครงานในวันต่อมา ดารัญใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงสุภาพและเรียบง่ายเดินเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลเอกชนขนาดกลาง พร้อมแฟ้มสะสมผลงานในมือ แม้ไม่มีประสบการณ์โรงเรียน แต่เธอเคยสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้เด็กหลายคน และมีใบประกาศการอบรมการสอนเด็กเล็กจากหลักสูตรออนไลน์ หัวหน้าฝ่ายบุคคลเปิดแฟ้มดูเอกสารเงียบๆ อีกฝ่ายเป็นหญิงวัยกลางคน สวมแว่นตาและมีสีหน้าท่าทางสุภาพ “เราดูจากโปรไฟล์คุณแล้ว คุณดูตั้งใจจริงนะคะแต่ทางโรงเรียนมีนโยบายรับครูที่มีประสบการณ์สอนในระบบ หรือมีวุฒิด้านการศึกษาค่ะ” ดารัญยิ้มบางๆ กลบความผิดหวังในใจ “ฉันเข้าใจค่ะ” เธอลุกขึ้น ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ก่อนเดินจากมาอย่างเงียบๆ เสียงรองเท้ากระทบพื้นสะท้อนในทางเดินโล่งๆ หัวใจเธอก็ว่างเปล่าไม่ต่างกัน หญิงสาวถอนหายใจ เพราะนี่คือโลกแห่งความจริงที่ต้องเรียนรู้ “ไม่เป็นไรดารัญ เธอแค่เริ่มต้นใหม่ ถ้าโรงเรียนนี้ไม่เปิดประตูให้ เธอก็จะเคาะประตูอื่นต่อไป” ดารัญเดินออกมาจากห้องธุรการของโรงเรียนอย่างช้าๆ หัวใจที่เพิ่งถูกปฏิเสธยังรู้สึกหนักอึ้ง แม้จะเตรียมใจก่อนมาแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำว่าไม่รับก็ยังอดรู้สึกว่างเปล่าไม่ได้ ท่ามกลางทางเดินโล่งในโรงเรียน เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กๆ วิ่งเข้ามา “แม่คะ” เสียงแหลมเล็กดังขึ้น ก่อนที่ร่างเล็กของเด็กหญิงคนหนึ่งจะโถมเข้ากอดเธอเต็มแรง ดารัญเบิกตากว้าง รีบประคองร่างเล็กนั้นไว้ไม่ให้ล้ม “เอ๊ะ...หนู...หนูเข้าใจผิดแล้วจ้ะ น้าไม่ใช่แม่ของหนูนะคะ” “ฮึก...แม่ไม่มาหาหนูเลย...เพื่อนๆ มีแม่กันหมด หนูไม่มีใครเลย...ฮือ…” เด็กหญิงเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตรื้นน้ำตา หัวใจของดารัญบีบรัดในทันที เด็กหญิงตัวเล็กกอดเธอแน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะหายไป ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา เสียงฝีเท้าของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นตามมาอย่างเร่งรีบ “ขอโทษครับ เห็นลูกผมหรือเปล่า…คุณครูบอกว่าเธอวิ่งออกมาอยู่ทางนี้” เขาหยุดชะงักเมื่อเห็นดารัญที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาดูตกใจเล็กน้อยที่ลูกสาวกำลังร้องไห้และเกาะเธอไม่ปล่อย “ขอโทษจริงๆ นะครับ เอวามาหาพ่อมา” เขาขอโทษเธอแล้วอ้าแขนออกรอรับลูกสาว “ไม่ไป เอวาจะอยู่กับแม่” “เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ ภรรยาผมเสียตั้งแต่คลอดลูก ยัยหนูเลยไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักคำว่า ‘แม่’ จริงๆ วันนี้เป็นวันแม่ โรงเรียนจัดกิจกรรมให้แม่มาร่วมกิจกรรมกับลูกๆ …” เขาพูดไม่จบเสียงก็เงียบไป เหมือนกำลังกลืนก้อนสะอื้นบางอย่างลงไป ดารัญมองดูเด็กหญิงที่ยังสะอึกสะอื้นเงียบๆ ใจเธออ่อนยวบลง “งั้นวันนี้น้าจะเป็นแม่ให้หนูหนึ่งวันดีไหมคะ” เด็กหญิงชะงักน้ำตา มองหน้าเธอด้วยดวงตาที่เปื้อนน้ำตาและความหวัง จากนั้นก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา แล้วพยักหน้าหงึกๆ ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD