‘มีลูกกวนตัว มีเมียกวนใจ อยู่เป็นโสดแบบนี้ดีแล้ว’
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของ นายแพทย์วศิน สิริโยธินกุล หรือ หมอวา หลังจากเห็นเพื่อนสนิทคุยโทรศัพท์กับภรรยาและลูกๆ พร้อมกับตอบไปว่า ครับๆ ได้ครับ สมาคมพ่อบ้านไม่ใช่ทางของเขา แน่นอนเพราะเขาจะครองตัวเป็นโสดให้สาวๆ เสียดายเล่น
“เป็นยังไงบ้างครับคุณพ่อลูกดก วันนี้คุณมึงโดนคุณเมียกับลูกๆ สั่งให้ทำอะไรอีก” นายแพทย์คนโสดแต่ไม่สดยกยิ้มมุมปากหลังจากเอ่ยถาม
เพื่อนสนิทของเขาชื่อข้าวฟ่าง แต่งงานกับดาราสาวที่ชื่อคะน้า คะนึงนิจไปเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันพวกเขามีลูกด้วยกันสามคนและแต่ละคนแสบๆ ทั้งนั้นโดยเฉพาะคนเล็ก
“อยากกินเค้กที่ร้านข้างโรงพยาบาล ก่อนกลับฝากให้กูซื้อ”
คุณพ่อตอบกลับด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องยุ่งยากหรือวุ่นวายเลยกับการไปซื้อของกินตามที่เมียกับลูกต้องการ แค่ได้ยินเสียงอ้อนเขาก็พร้อมรับคำสั่ง
“น่าสงสาร พ่อหรือเบ๊ เดี๋ยวเมียบ้าง เดี๋ยวลูกบ้าง กูไม่เอาด้วยหรอกชีวิตแบบมึง” ชายหนุ่มบิดปากใส่เพื่อนพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาเพราะมั่นใจว่าตนเองจะไม่เข้าไปอยู่ในวังวนคนกลัวเมียอย่างแน่นอน คุณหมอวศินจะครองตัวเป็นโสดตลอดไป
“มึงไม่เอาเพราะยังไม่ลอง มีเมียมีลูกมีความสุขจะตาย”
ในฐานะคนมีประสบการณ์มาก่อน บอกได้คำเดียวสุขจนล้น แค่คิดถึงภรรยากับลูกๆ แววตาของเขาก็เปล่งประกายไปด้วยความสุข หากแต่คุณหมอวศินกลับส่ายหน้าเพราะไม่เชื่ออย่างที่คุณหมอข้าวฟ่างคุยโม้โอ้อวด
“ไม่เอาหรอก สมาคมพ่อบ้านจะต้องไม่มีชื่อกูอยู่ในนั้น” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เพื่อนสนิทที่รู้เรื่องแทบทุกอย่างต้องหรี่ตาจับผิด
“เหรอ แต่กูเห็นมึงยังอยู่กับเด็กคนนั้น หลายปีแล้วนี่ ปกติมึงไม่เคยเลี้ยงใครเกินสามเดือน”
คุณหมอข้าวฟ่างหมายถึงผู้หญิงที่เพื่อนเลี้ยงดู ถึงจะไม่ได้เจอกันนานมาก แต่เขาก็พอจะจำหน้าตาของเธอได้ เพราะเธอคือเด็กในบ้านของนายแพทย์วศิน
“หลายปีอะไรล่ะ ก็แค่สองปีเอง กูกำลังจะยกเลิกสัญญา”
หากไม่ยกเลิกเขาอาจจะถลำลึกไปมากกว่านี้ ไม่เอาหรอกเขาไม่อยากเป็นคนที่มีครอบครัวเหมือนเพื่อน แค่คิดก็สยอง อีกอย่างเขาก็อยากลองดู หากแยกทางกับเธอชีวิตจะเป็นอย่างไร
“ทำไมวะ หรือว่าคุณปู่ของมึงจะบังคับให้มึงแต่งงาน”
“เปล่า กูก็แค่อยากใช้ชีวิตอิสระ ถ้าหิวก็แค่ซื้อกินครั้งคราว”
“กลัวหลงรักเธอเหรอ”
“คนอย่างกูไม่หลงรักใครง่ายๆ หรอกโว้ย”
“ถามจริง มึงพร้อมให้น้องมินไปมีผัวใหม่เหรอวะ”
“จริงสิ กูกับมินตราเป็นแค่คู่สัญญา ไม่ได้ผูกพันทางใจ ทำไมจะไม่ได้ ปล่อยเธอไปตอนนี้ดีแล้ว” ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อยหลังจากให้คำตอบ จากนั้นก็คว้าโทรศัพท์ออกมาแล้วกดข้อความส่งไปให้ผู้หญิงบนเตียงที่เขาเลี้ยงดูมาเป็นเวลาสองปี มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องต่างคนต่างไป
มินตรา มีโชค หรือ มิน หญิงสาวที่ไว้ผมยาวไปจนเกือบถึงกลางหลัง รูปร่างไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไปกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานบ้าน หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ก็รีบวางทุกอย่างลงแล้วเปิดข้อความอ่านอย่างรวดเร็ว
เธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อผู้ชายที่หลงรักมาตั้งแต่เด็กส่งข้อความมาบอกว่า เย็นนี้จะมาหาและกินข้าวเย็นด้วย เขามีเรื่องจะคุยกับเธอ ใช่ว่าเขาคนเดียวที่มีเรื่องจะบอก เธอเองก็มีเรื่องอยากบอกเขาเหมือนกัน
Minmin : คุณวาอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ
Dr.Wa : ผมแล้วแต่มิน ไม่ต้องทำเยอะหรอก
Minmin : ได้เลยค่ะ มินจะทำให้สุดฝีมือเลย
Dr.Wa : ผมจะรอชิม แต่มินทำอะไรก็อร่อย
Minmin : งื้อออ ขอบคุณสำหรับคำชมค่า
หลังจากคุยกับเขาผ่านทางแชตเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวเดินยิ้มหน้าบานไปทางห้องน้ำ ก่อนจะมองแท่งตรวจครรภ์ห้าอันที่วางอยู่หน้ากระจก ซึ่งผลที่ออกมาเป็นไปในทางเดียวกันหมด นั่นก็คือเธอกำลังตั้งครรภ์ เธอไม่รู้ว่าคุณหมอวศินจะดีใจไหม หากรู้ว่าตนเองกำลังจะได้เป็นพ่อคน
ทว่าครู่เดียวใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มด้วยความตื้นตันกลับเศร้าขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อคิดถึงความเหมาะสมของเราสองคน
เธอเป็นแค่หลานสาวแม่บ้านจนๆ ส่วนเขาเป็นถึงลูกผู้ดีมีเงินจะยอมแต่งงานหรือรับผิดชอบตนเองเหรอ อีกอย่างเขาไม่ได้รักเธอ
เรื่องอื่นยังไม่สำคัญเท่าเรื่องหัวใจ
คิดถึงตรงนี้น้ำตาก็พลันไหลออกมา
“ไม่เป็นไรนะ ถ้าเขาไม่สนใจเราก็ดูแลลูกเอง”
หญิงสาวยกมือขึ้นมาลูบท้องที่ยังดูไม่ออกว่ามีเจ้าก้อนตัวจิ๋วกำลังอาศัยอยู่ ถึงเธอจะเกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่เชื่อว่าต้องดูแลลูกได้เป็นอย่างดีแน่ ไม่ว่าพ่อของลูกจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม
เวลาผ่านไปจนกระทั่งช่วงเย็นของวันมาถึง หลังจากพระอาทิตย์ลับหายไปจากขอบฟ้าได้ไม่นาน ประตูคอนโดก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของนายแพทย์วศิน
หญิงสาวที่กำลังนั่งรออย่างใจจดใจจ่อจึงรีบเข้าไปสวัสดีแล้วกอดอย่างเต็มรัก ในขณะที่ชายหนุ่มยืนตัวแข็งก่อนจะดึงตัวเธอออกห่างแล้วจ้องเข้าไปในดวงตา
“ไปนั่งเถอะ ผมมีเรื่องจะคุยกับมิน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ห่างเหินจนคนฟังสัมผัสได้
“ทำไมดูเครียดจัง เรื่องสำคัญเหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัย ในใจเกิดรู้สึกหวิวๆ ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเมื่อได้สบตาคมเข้มที่กำลังจ้องมองมา
“ครับ สำคัญมาก” ถ้าไม่สำคัญเขาคงไม่ทำหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้ ชายหนุ่มบอกตัวเองมันถึงเวลาแล้วที่เราสองคนต้องแยกทางกัน ต่างคนต่างไปมีชีวิตของตนเอง มินตราจะได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าเขา ผู้ชายที่ไม่เห็นแก่ตัว
“เรากินข้าวก่อนไหมคะแล้วค่อยคุย มินทำกับข้าวหลายอย่างเลย” เธอผายมือไปทางห้องครัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มทำให้คนที่อยากจะพูดเรื่องสำคัญใจอ่อนยวบ ในเมื่อเธอตั้งใจทำอาหารขนาดนี้เขาก็ควรกินข้าวให้เสร็จก่อน
“ก็ดีเหมือนกัน ทำไมมินดูหน้าซีดๆ ไม่สบายรึเปล่า” เขายกมือขึ้นมาแตะหน้าผากเธอด้วยความห่วงใย
“เปล่าค่ะ คงทำงานบ้านเยอะไปหน่อยก็เลยเหนื่อย”
“วันหลังก็จ้างแม่บ้านมาทำ มินไม่ต้องทำเองหรอก”
“ก็มินอยู่ว่างๆ ขอทำเองดีกว่า”
“เด็กดื้อ มินดื้อเงียบรู้ตัวไหม”
“ดื้อกับคุณวาคนเดียว”
“ไปกินข้าวเถอะ ผมหิวแล้ว”
“เชิญค่ะ รับรองอร่อยเหมือนเดิม”
หญิงสาวยังไม่ได้พูดเรื่องท้องเพราะอยากให้ชายหนุ่มกินข้าวให้อิ่มก่อน อีกอย่างเธออยากฟังเรื่องที่เขาอยากพูดก่อนด้วย รสชาติของอาหารทำให้คุณหมอวศินพึงพอใจไม่น้อย แค่คิดว่าต่อไปจะไม่ได้กินข้าวฝีมือเธอ เขาก็เริ่มรู้สึกเศร้า
“อาหารไม่อร่อยเหรอคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เปล่าครับ อร่อยมาก อร่อยทุกอย่าง”
“ถ้าอร่อยคุณวาก็กินให้เยอะๆ เลยค่ะ”
“มินก็ต้องกินเยอะๆ เหมือนกัน ต่อไป...”
“ต่อไปทำไมคะ วันนี้คุณวาดูแปลกจัง”
“ค่อยคุยดีกว่า ตอนนี้เรากินข้าวเถอะ”
ชายหนุ่มกินข้าวไปครุ่นคิดไป อย่างไรก็ต้องยุติความสัมพันธ์ของตนเองกับเด็กสาวตรงหน้าให้สำเร็จ ถึงแม้จะต้องเห็นน้ำตาของเธอก็ตาม
หลังจากมื้ออาหารที่ดูเหมือนจะมีทั้งความสุขและความกังวลผ่านพ้นไป ชายหนุ่มได้บอกให้หญิงสาวไปรอตรงโซฟา ก่อนจะเดินไปหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็กลับมาหาเธอที่กำลังนั่งมองด้วยความสงสัย
“นี่ครับ” เขายื่นกระดาษในมือให้เธอ
“เอกสารอะไรหรือคะคุณวา”
เธอรับมาพร้อมกับมุ่นคิ้วมองด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตที่ไม่ต่างจากลูกกวางน้อยกวาดสายตาอ่านตัวอักษรในกระดาษอย่างตั้งใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของนายแพทย์หนุ่ม
“มินไม่เข้าใจค่ะ มินขอคำอธิบาย”
น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่น เหมือนจะเห็นเค้าลางบางอย่างในดวงตาของชายหนุ่ม
คุณหมอวศินตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วจึงกุมมือของมินตราขึ้นมา ก่อนจะอ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ผมยกทุกอย่างให้มิน คอนโด รถ แล้วก็เงินหนึ่งก้อน ให้มินเอาไปตั้งตัว” ถึงแม้น้ำเสียงจะดุดันแต่แววตาที่แสดงออกกลับสวนทางกัน เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังอาลัยอาวรณ์ผู้หญิงตรงหน้าขนาดไหน
“มะ...หมายความว่ายังไงคะ” น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาอาบแก้ม เมื่อรู้แล้วว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ยกของทุกอย่างให้เธอ
“ผมต้องการยุติความสัมพันธ์ของเรา”
“ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น หรือคุณวากำลังจะแต่งงาน”
“ครับ คุณปู่อยากให้ผมมีครอบครัว ท่านอยากให้ผมไปดูตัวกับคนรู้จัก” เขาโกหกเพราะต้องการให้เธอตัดใจ ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวของสองหนุ่มสาวเต็มไปด้วยความอึมครึมเหมือนมีเมฆสีดำลอยอยู่เหนือศีรษะ
มินตราเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างคนที่คิดมาดีแล้ว สำหรับเธอความรักไม่ใช่การครอบครอง ในเมื่อผู้ชายที่ตนเองรักกำลังจะมีอนาคตที่ดีเธอก็พร้อมยอมหลีกทาง
“ค่ะ มินเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นมินก็ขอให้คุณวาโชคดี” ว่าที่คุณแม่ยิ้มอย่างขมขื่นไม่แม้แต่จะบอกเรื่องลูกในท้องให้พ่อของลูกได้รับรู้
ในเมื่อเขาจะแต่งงานเธอก็จะไม่ทำให้เขาต้องกังวล หลังจากนี้ต่างคนต่างไป
เธอจะไปอยู่กับลูกแค่สองคน ส่วนเขาก็ไปมีครอบครัวใหม่ ไปแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมกว่าในทุกด้าน เราสองคนจบกันแบบนี้ดีแล้ว
นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ชีวิตของนายแพทย์วศินจะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อมินตราอีก และเขาจะไม่มีวันรู้เรื่องลูกอย่างแน่นอน