-ห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมหรู ในค่ำคืนนั้นตกแต่งด้วยโทนอบอุ่น แสงไฟสีทองนวล
สะท้อนบนผนังไม้ขัดเงา กลิ่นหอมบางเบา
ของดอกลิลลี่ที่จัดเป็นแจกันกลางโต๊ะ
ลอยมาตามอากาศเพิ่มบรรยากาศให้ดูหรูหรา
และอบอุ่นไปพร้อมกัน
.
ธัตทานนท์เดินเคียงวันวาเข้ามาในห้องอาหาร
ฝีเท้าของทั้งคู่เป็นจังหวะเดียวกัน
แต่แฝงความเกร็งเล็กน้อย
วันวาอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีมเรียบหรู
คัตติ้งเฉียบเน้นรูปร่างแต่ไม่โอ่อ่าจนเกินไป
ผมยาวถูกม้วนเกลียวลงมาอย่างประณีต
ปิดบังรอยจูบบนลำคอ ที่ธัตทานนท์ทิ้งร่องรอยไว้
.
เมื่อประตูเปิดออก
คุณหญิงพาวิณี ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
หันมา สีหน้าอ่อนโยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มต้อนรับ
“วาวัน วันนี้หนูสวยมากเลย”
น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยขึ้นทันที
“แม่ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้หนูตกใจ
เรื่องของขวัญชิ้นโตนั่น”
วันวารีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
แววตาฉายความเกรงใจ
“ขอบพระคุณคุณหญิงมากนะคะ
หนูเกรงใจเป็นที่สุด …และไม่คิดว่า
..จะเป็นคุณหญิงที่ส่งของขวัญชิ้นโตมาให้ค่ะ”
.
ยังไม่ทันที่บทสนทนาจะคลี่คลาย
ธัตทานนท์ที่นั่งข้างวันวาก็เป็นฝ่ายสารภาพเอง
“ของขวัญที่แม่ส่งมา…ทำให้ผมเข้าใจวานผิด”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือความละอาย
“ผมแอบคิดว่ามีหนุ่มคนอื่นส่งมาให้...
เลย…พาลโมโหใส่วาน”
เขาหันมามองวันวา ดวงตาคมนิ่งจริงจัง
“วานคะ พี่ขอโทษนะคะ..
เรื่องที่ทำตัวไม่น่ารักกับวานเมื่อช่วงบ่าย”
.
วันวายังไม่ทันตอบ
คุณหญิงพาวิณีก็เอ่ยขึ้นแทรก
พร้อมสายตาที่ทั้งเอ็นดูและดุเบา ๆ
“เจ้าทานน์น่ะ…นิสัยใจร้อนอยู่เรื่อย”
เธอเหลือบตามองลูกชายคล้ายบ่น
แต่ก็มีรอยยิ้มอ่อนโยน
“แต่แม่ว่าที่โมโหจริง ๆ ก็คงเพราะหวงของรัก
นั่นแหละ”
.
คำพูดนั้นทำเอาวันวาเผลอเม้มปากแน่น
ความร้อนวาบแล่นขึ้นสองแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
พาวิณีหันกลับมามองวันวาเต็มตา
น้ำเสียงนุ่มแต่หนักแน่นขึ้น
“ที่ผ่านมา แม่ก็ไม่เคยเห็นทานน์จริงจัง
กับผู้หญิงคนไหนเท่าหนูวานมาก่อนเลยนะ
แม่ไม่ได้พูดเอาใจหนูหรอก”
เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย
คล้ายให้คำพูดซึมลึกลงหัวใจ
“ถ้าตอนนี้วานยังไม่มีใครจริง ๆ …
แม่ก็อยากให้ลองเปิดใจ..
...ให้พี่ทานน์อีกครั้งได้ไหมลูก”
คำขออันอ่อนโยนแต่ชัดเจนนั้นทำให้วันวานิ่งค้าง
สมองเธอเหมือนหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ
หัวใจเต้นแรงจนได้ยินชัดในหู
เธอไม่รู้ว่าควรตอบอะไร ระหว่าง
ความรู้สึกที่ยังสับสน กับ สายตาที่รอคอย
ของทั้งแม่และลูกชายตรงหน้า—
ทุกสิ่งในค่ำคืนนั้นดูจะเดินเร็ว
เกินกว่าที่เธอจะควบคุมได้.
__