bc

เทพระลึกชาติ 1

book_age12+
95
FOLLOW
1K
READ
drama
tragedy
twisted
sweet
mystery
spiritual
like
intro-logo
Blurb

เด็กชายระลึกอดีตชาติได้ แต่ฝันจากชายชราผมขาวโพลนในอาภรณ์ขาว ได้กำหนดให้เขาต้องหยุดความพินาศย่อยยับจากฝันอันน่าสะพึงกลัว

ชีวิตคนเราไม่เที่ยง ขึ้นกับบุญวาสนาสะสมจากปางก่อนคงเป็นเช่นนั้นจริง ผมเทวเนตรคงทำกรรมดีจากชาติก่อนมาพอสมควร ชะตาชีวิตชาตินี้จึงสุขสบายดี แต่อีกนั่นแหละ เพราะกรรมดีอาจสะสมไม่มากพอ ชีวิตชาตินี้จึงสั้น จบไม่สวยนัก

ผมเป็นลูกชายคนเดียวจึงเป็นที่รักอย่างมากของพ่อแม่ ทุกคนชมว่าผมหล่อเพราะตาโตมีประกายแวววาวแสดงถึงความมุ่งมั่น เป็นเด็กขี้อ้อนชอบให้พ่อและแม่กอดแต่เด็ก ครั้นโตขึ้น อุปนิสัยแก้ไม่หายอย่างหนึ่ง คือชอบก้มหน้าเอามือซ้ายเสยผมเวลาเขิน แต่ความที่ตัวสูงและผอมมาก เพื่อน ๆ จึงตั้งฉายาผมว่า ‘ไอ้ก้าง’

ศุกร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๔ อีกสัปดาห์เดียวก็จะอายุสิบห้าแล้ว วันนี้ พ่อมารับผมที่โรงเรียนเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปรับแม่ที่โรงพยาบาลเพราะแม่อาเจียนไม่หยุด

วันนั้นเป็นวันที่เรียนอะไรไม่รู้เรื่องเลย เหมือนมีบางสิ่งเป็นลางร้าย เช่น นั่งเหม่อลอยในชั้นจนปากกาหล่นพื้นไม่รู้ตัว ระหว่างทานมื้อเที่ยงอยู่ดี ๆ ก็สำลักอาหารจนจุก ที่น่าแปลกคือ เห็นแสงวูบวาบในสมองเป็นระยะ ๆ ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน สร้างความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวให้คิดถึงพ่อและแม่ตลอดทั้งวัน

พุทธมณฑลสายสองเวลานั้นถนนบางช่วงกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุง เมื่อถึงช่วงซ่อม รถเราจะขับได้ช้าทำให้ใจพ่อร้อนรนพิกล และเมื่อผ่านพ้นช่วงนั้นแล้วรถจะน้อย พ่อก็ถอนหายใจโล่งพร้อมเร่งความเร็วเต็มพิกัด

“พ่อ” ผมตกใจตะโกนเรียกพ่อลั่นเมื่อจู่ ๆ มีหมาดำวิ่งตัดหน้ารถ พ่อหักพวงมาลัยหลบไปทางขวาทันที

ด้วยความเร็วขณะนั้นรถจึงเสียการควบคุม ผมรับรู้ได้จากหน้ารถว่าตัวหมุนติ้วเคว้งคว้างไปยังอีกฟากฝั่งถนน จากนั้นโลกกลับหัวกลับหางพลิกกลับหลายตลบ ตามด้วยเสียงดังเหมือนโลกแตกเป็นเสี่ยงคล้ายเสียงระเบิดเป็นระลอก ๆ

ผมร้องเรียกหาพ่อ พลันรู้สึกอุ่นใจทันทีด้วยกลิ่นคุ้นเคยในอ้อมกอด แต่ความเร็วของรถที่ตีลังกากระแทกพื้นถนน ทำให้พ่อกระเด็นหลุดจากตัวผมอีกครั้ง

พ่อพยายามโผกลับมากอดผมอีก ปากร้องตะโกน “ขอพ่อกอดอีกครั้ง ...ขอพ่อกอดอีกครั้ง”

สมองผมพลันดับวูบดำมืดมิด พร้อมกระหายอ้อมกอดพ่อไม่เคยจาง

หรือผมฝัน! เพราะมีควันสีเทาลอยล่องไปทั่ว เห็นฝูงชนชุลมุนวุ่นวายนำพ่อออกจากซากรถบู้บี้วางกับพื้น ปิดร่างพ่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ จึงรู้ว่าจะไม่มีอ้อมกอดพ่ออีกต่อไป และต้องตกใจเมื่อสัมผัสได้ว่า ตกอยู่ในอ้อมกอดชายชราผมขาวโพลนในอาภรณ์ขาว รัศมีเปล่งปลั่งทั่วร่างจนเห็นหน้าไม่ชัดนัก

ผมอยากให้แม่กอดตอนนี้ แทนชายชราผู้นี้ จึงร้องสุดเสียงเหมือนเด็กเล็ก

“แม่... แม่คร้าบบบ... แม่อยู่หนายยย” จากนั้น ตะโกนเรียกหาแม่อีกนับพันครั้งท่ามกลางหมอกควันสีเทารอบตัว นั่นคืออารมณ์อันแสนอ้างว้างเหมือนถูกทอดทิ้ง ณ ขณะนั้น

กระทั่งควบคุมตัวเองได้ สามารถล่องลอยอย่างมีจุดหมาย มองผู้คนขวักไขว่ต่างทำธุระตน เห็นทารกเกิดใหม่ไม่เว้นแต่ละวันยิ่งทำให้ต้องการแม่เหนืออื่นใด

ทันใด มีนารีองค์หนึ่งปรากฏกายอ้าแขนพูดว่า “แม่รออยู่นะ” พร้อมแสงวาบจากฟากฟ้าผ่าเข้ากลางศีรษะ สุดท้ายจำได้ว่านอนขดตัวอยู่ในห้องอันแสนอบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรัก จากนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลย

นอกจากเลือดของความเป็นนักสู้ที่จำได้ ...ขณะนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชื่ออะไร!

chap-preview
Free preview
ปฐมบท
ดวงจิต – THE SPIRIT ผมตัวเบาหวิวนานเท่าไหร่ไม่ทราบ! มองขึ้นบน เห็นท้องฟ้าดำมืดมิด มองรอบตัว เห็นควันสีเทาลอยล่องไปทั่ว มองลงล่าง เห็นแสงไฟวูบวาบ ๆ จากรถพยาบาลและรถตำรวจ เบื้องล่าง เหล่าฝูงชนมุงดูเหตุการณ์เต็มไปหมด บ้างชุลมุนวุ่นวายดึงพ่อออกจากซากรถยับยู่ยี่ เห็นพวกเขาใช้กระดาษหนังสือพิมพ์คลุมร่างพ่อ ได้ยินเสียงพูดจากชายในชุดเครื่องแบบสีขาวว่า “คนนี้ถูกพวงมาลัยอัดอกตายคาที่” เห็นคนอีกกลุ่มงัดประตูดึงผมออกจากซากรถ คลุมผมด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ได้ยินเสียงชายในเครื่องแบบคนเดิมพูดว่า “เด็กคนนี้คงคอหักตาย” “ผมตายพร้อมพ่อแล้วจริง ๆ หรือ! แล้วตอนนี้ผมอยู่ในร่างใคร?” ผมมองไม่เห็นตัวเอง เห็นแต่ดวงไฟล่องลอยรอบตัวทั่วไปหมด หรือผมคือหนึ่งในดวงไฟเหล่านี้! แต่ผมต้องการมีร่างให้พ่อกอดมากกว่า ไม่ใช่อยู่ในอุ้งมือชายชราผมขาวโพลนขณะนี้ จึงปล่อยตัวหลุดจากอุ้งมือชายชรา ล่องลอยร้องเรียกหาแม่เหมือนเด็กสามขวบ ได้แต่ตะโกนสุดเสียง “แม่... แม่คร้าบบบ... แม่อยู่หนายยย” ทั้งที่รู้ว่าไร้ประโยชน์ ผมก็ยังตะโกนหาแม่นับพันครั้ง ปล่อยตัวล่องลอยไร้ทิศทางนานเท่าไหร่ไม่ทราบ! ตอนนี้ นานพอจนผมควบคุมตัวเองได้แล้ว ทราบว่าต้องปล่อยจิตล่องลอยอย่างไรไปในทิศทางที่ต้องการ แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดให้ล่องลอยอยู่เพียงบริเวณนั้น กระทั่งได้ยินเสียงพิธีกรรมและบทสวดจากผู้คนกลุ่มหนึ่งบนถนนพุทธมณฑล กม. ๒๕ ที่ส่งพลังจิตบางอย่างจนผมหักห้ามใจไม่ไหว จำต้องเบนตัวตามเสียงอัญเชิญขบวนรถของคนกลุ่มนั้น มุ่งสู่ทิศใต้ยังอำเภอสามพราน ยามเหงา ยามเศร้า ทำไมเวลาช่างผ่านเชื่องช้าเหลือเกิน ผมเหมือนต้องมนต์ไม่อยากล่องลอยไปไหนอีก ตัวสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงเบื้องล่างจากวัดบางพระ เป็นเสียงสวดพระอภิธรรมของพระจำนวน ๙ รูป เปล่งอุทิศส่วนบุญกุศลแก่สองพ่อลูก นายอุทัย ชาตะ ๒๔๙๐ มรณะ ๒๕๓๔ และเด็กชายเทวเนตร ชาตะ ๒๕๒๐ มรณะ ๒๕๓๔ อย่างนี้พ่อก็ต้องอยู่บริเวณนี้ด้วยสิ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้พ่อเป็นดวงไฟเหมือนผม หรือเป็นดวงวิญญาณ หรือพ่อเป็นเทพอยู่สรวงสวรรค์? ไม่มีทางทราบได้เลยเพราะขณะนี้ ผมเป็นเพียงดวงจิตอ่อนเยาว์ อ่อนประสบการณ์ดวงหนึ่งเท่านั้น เหมือนถูกมนต์สะกดให้ต้องอยู่ฟังพระสวดพระอภิธรรมตลอดเจ็ดคืน ได้ยินและเห็นเหตุการณ์แสนเศร้า ว่า สวดคืนแรกแม่ไม่มา ได้ยินลุงปรีชาบอกอาองอาจว่าแม่แท้งลูก ...เห็นปวีณาตาแดงกล่ำมากับเอกพจน์ทุกคืน ...เห็นประจักษ์ สมชัยและชาตรีในสภาพหงอยเหงา ...เห็นญาติทุกคนรวมป้าปราณีน้ำตาคลอเต็มเบ้า ...เห็นน้าดวงเดือนร้องไห้จนเป็นลมและน้าสมัยที่เอาแต่ซึม ...เห็นลุงแม้นกล่าวนำอาราธนาศีลและจัดพิธีการงานศพทั้งหมด แต่ไม่เห็นน้องแก้วตาที่ผมยังห่วง ขณะนี้ ชื่อทุกคนยังอยู่ในความทรงจำ เพราะผมรักและผูกพันธ์กับพวกเขา! คืนที่สองแม่มาด้วยสายน้ำเกลือโยงระยางพร้อมพยาบาลประกบตลอด แม่ไม่พูดจาสักคำ เอาแต่ร้องไห้และเป็นลมบ่อยมากตลอดทั้งหกคืน พิธีเผาศพตรงกับวันอาทิตย์จึงมีแขกมาแน่นวัด เพื่อนนักเรียนในห้องมางานเผาเกือบทุกคน หลังเสร็จพิธีเผา ผมได้ยินลุงแม้นบอกแม่ “ดวงจิตเทวเนตรยังไม่ไปไหนหรอกครับ เขายังมีมีภารกิจต้องทำต่อ คุณนายเก็บเสื้อผ้าของเทวเนตรไว้ก่อนนะ สักวันเขาจะได้กลับมาใช้อีก ผมเอาเส้นผมของเทวเนตรไปทำพิธีให้เขาดื่มแล้วครับ” จากนั้น ผมล่องลอยอยู่ภายในบริเวณบ้านแม่ หวังลึก ๆ ว่า วันหนึ่งจะได้สัญญาณจากพ่อบ้าง แต่เหนืออื่นใด รักและห่วงแม่มากที่ความซึมเศร้าไม่จางหายสักที ผมอยากร้องไห้ที่เห็นแม่ระทมทุกข์สุดขีด ก็ไม่มีน้ำตาให้หลั่ง อยากตะโกนบอกรักแม่มากที่สุดในโลก ก็เอ่ยเป็นคำพูดไม่ได้ อยากมีสองแขนโอบกอดคอแม่ ก็ไม่มีร่างหลงเหลือให้ทำ จำต้องเฝ้าวนเวียนลอยไปมาบริเวณบ้าน ...ดั่งดวงจิตที่สิ้นหวัง ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ บัดนี้ มีบางสิ่งบอกถึงเวลาแล้วต้องหาร่างใหม่พักพิง ผมจึงล่องลอยสอดส่องหาผู้คนตามจิตใฝ่ฝัน และตามเสียงลึกลับที่เริ่มส่งเสียงพร่ำเพรียกร้องหา ผมล่องลอยตามแต่ละบ้านแต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ เหมือนถูกเจ้าที่สกัดกั้นเกือบทุกหลังคาเรือน ดวงจิตผมล่องลอยต่อ ผ่านโรงพยาบาลที่มีเด็กเกิดใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน กระทั่งถึงเมืองมีตึกรโหฐานสูงเหยียดฟ้าเต็มไปหมด ผมเห็นชายมีอายุเคียงคู่หญิงสาวสวยดุจนางฟ้า กำลังนั่งอธิษฐานหน้าศาลพระภูมินอกตัวอาคารหนึ่งของโรงพยาบาล นางฟ้าองค์นั้นงามไม่มีที่ติ แหงนหน้าตรงมายังผมขณะพนมมือสวดอธิษฐานขอพรอะไรสักอย่าง จากนั้นอ้าแขนกว้างกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า “แม่รออยู่นะ” ใช่แล้ว เสียงลึกลับพร่ำเพรียกร้องนี้แหละ ที่ดังกังวานตลอดในประสาทหู ผมพุ่งตัวสุดแรงเกิดยังนางฟ้าองค์นั้น และเหมือนการแข่งขันแสนโกลาหลเกิดขึ้นทันใด เมื่อดวงจิตเล็ก ๆ นับล้านดวง ต่างลอยพุ่งกรูยังหญิงงามนางฟ้าองค์นั้นด้วยเช่นกัน อาจเพราะเลือดนักสู้อันแข็งแกร่ง ผมเข้าถึงตัวนางฟ้าแสนงามปักหลักชัยชนะเลิศได้ก่อนใคร พร้อมแสงวาบจากฟากฟ้าผ่าเข้ากลางศีรษะ ผมไม่เคยสัมผัสชัยชนะอันดับหนึ่งเลยสักครั้ง บัดนี้รับรู้ได้ว่าชนะเลิศเป็นครั้งแรกแล้ว สุดท้ายจำได้ว่านอนขดตัวอยู่ในห้องอันแสนอบอุ่นเปี่ยมด้วยความรัก จากนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลย! ********** ผมชื่อโตโต้ครับ อายุสิบห้าหมาด ๆ เมื่อ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ผมสะดุ้งพรวดตื่นเป็นนั่ง ใจเต้นโครมเหงื่อท่วมตัว มันเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบัน เคยลองสวดมนต์ก่อนนอนก็ไม่ช่วยให้เลิกฝันนี้ได้เลย สมัยวัยเด็กเคยเล่าความฝันให้แม่ฟัง แม่เพียงยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูและลูบหัวผมเบา ๆ พูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกโตโต้ ...ทุกคนฝันจ้ะ” สุดท้ายจึงเลิกเล่าให้แม่ฟังรวมถึงทุกคน โธ่! จะมีใครฟังล่ะขนาดแม่ยังไม่เลย และเชื่อว่านี่คือต้นเหตุให้ผมเป็นคนพูดน้อย ครั้นอายุย่างสิบสาม ฮอร์โมนวัยรุ่นทำให้ผมเปลี่ยนไป มีท่าทางเด๋อด๋า ขี้อาย ไม่สบตาคน อุปนิสัยชอบย้ำคำตอบซ้ำซากและถามคำตอบคำ แต่เมื่อถึงคราวคับขันถึงหรือต้องแข่งขันทางกีฬา ผมไม่เคยถอยครับ ผมรักการกอดมาก ...ทั้งกอดคนที่รักและการถูกกอด โดยเฉพาะกอดของแม่ ผมจำหน้าพ่อไม่ได้หากไม่ได้เห็นจากรูปถ่าย ทราบมาว่าพ่อแต่งงานช้าและอายุเพียงสี่สิบเก้าปีก็เสียชีวิตจากโรคร้ายเมื่อผมอายุได้สามขวบ แต่ความที่พ่อได้รับมรดกมาเยอะจากคุณปู่ ฐานะความเป็นอยู่ของเราสองแม่ลูกจึงสุขสบายเกินพอ พูดภาษาชาวบ้านว่าร่ำรวยก็แล้วกัน แม่จึงให้ได้ทุกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับผม เช่น ส่งเรียนว่ายน้ำ แม้กระทั่งเล่นกอล์ฟเมื่ออายุห้าขวบที่สมัยนั้นยังไม่เป็นที่นิยมนัก ความสามารถทางดนตรีและร้องเพลงก็เก่งพอตัวนะ แต่ผลดีกว่านั้นคือมีสมาธิและความมุ่งมั่นสูงที่จะเอาชนะตัวเอง นอกจากเกิดมาฐานะดีแล้ว ใคร ๆ ก็บอกว่าผมน่ารักและหล่อมากแต่เด็ก เมื่อแรกเกิดแม่บอกเพราะนัยน์ตาโต้โต จึงตั้งชื่อเล่นผมว่าโตโต้ ทุกคนชมว่าผมตาสวยและมักเปรียบเปรยว่าตาโตเท่าไข่ห่าน แต่เด่นชัดที่สุดคือขนตางอนยาวที่หลายคนแอบอิจฉา สิ่งเดียวที่ไม่ชอบในตัวคือผอมมากจนเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนล้อเรียกว่า‘ไอ้แห้ง’ หากพูดว่าชาติก่อนผมทำบุญมาเยอะ ชาตินี้จึงโชคดีแสนสุขสบายก็ถูกอยู่ แต่หากบอกว่าผมโชคดีเพราะ‘กลับชาติมาเกิด’คงอึดอัดน่าดู เพราะผมเองก็ยังไม่เชื่อ แล้วจะมีใครเชื่อล่ะ! ความที่เลือดในตัวสับสน จึงเงียบไว้ดีที่สุดครับ ********** อภิชาต เทพดากูล คือชื่อสกุลผมครับ อายุยี่สิบหก แม่เล่าที่มาของชื่อผมว่า เพราะทารกนัยน์ตาโตแวววับด้วยขนตางอนยาวนี้ โตขึ้นจะสร้างชื่อเสียงโดดเด่นยิ่งขึ้นแก่วงศ์ตระกูลผู้ดีเก่าของพ่อ พ่อจึงตั้งชื่อว่าอภิชาต มีความหมายว่า ‘หนุ่มรูปงามเกิดจากตระกูลดี’ เพราะระลึกชาติได้ สมัยเด็กจึงเกิดความสับสนในชีวิตทำให้มีบุคลิกและมีพฤติกรรมแปลก ๆ แต่ทั้งหมดสูญมลายหายสิ้นพร้อมอดีตชีวิตเด็กอายุสิบห้าคนหนึ่ง ครั้นย่างสิบหก ผมเริ่มเป็นตัวตนแท้จริง เลิกเอามือเสยผมเวลาเขินอาย หรือบุคลิกถามคำตอบคำก็ไม่เหลือให้เห็นอีก แต่กลับถูกทดแทนด้วยต่อมน้ำตาตื้นเขินหากเป็นเรื่องความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ...เหนืออื่นใด ผมไม่ใช่เด็กที่ฝังใจกับอดีตชาติอีกต่อไป ที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงเกรด ๙ แทบไม่มีใครแม้กระทั่งคุณครูเรียกชื่อจริงผมเลย ทุกคนเรียกแต่ชื่อเล่นครับ ครั้นขึ้นเกรด ๑๐ มีนักเรียนใหม่สมัครเข้ามากมายทดแทนเด็กเก่า ที่ส่วนใหญ่จะไปเรียนต่อหรือย้ายตามผู้ปกครองยังต่างประเทศ เพื่อนเก่าและคุณครูจึงเรียกผมตามเพื่อนใหม่ว่าอภิชาตนับจากนั้น โครงหน้าผมเปลี่ยนไปจากเด็กใสซื่อ ดูแข็งกร้าวขึ้น ยกเว้นนัยน์ตายังคงมุ่งมั่นของความเป็นนักสู้ไม่เคยจาง ผมยอมรับโดยดุษฎีว่ามีแม่สองคนที่ผมมอบความรักให้เท่าเทียมกัน เช่นเดียวกับความผูกพันที่ไม่สามารถอธิบายได้ต่ออดีตเด็กหญิงคนหนึ่งก็ไม่เคยเปลี่ยน ผมจบวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิตสาขาเคมีและฟิสิกส์ ด้วยเกียรตินิยมเหรียญทองจากสถาบันอันดับหนึ่งของประเทศ แน่นอนว่า ทุกคนยุให้เรียนต่อปริญญาเอก แต่จะสนใจทำไมเล่า เมื่อสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านอินเตอร์เน็ท แม้กระทั่งศึกษาเรื่อง “การกลับชาติมาเกิด” ก็ทำได้ง่ายแสนง่าย ตอนนี้ผมเป็นชายฉกรรจ์เต็มตัว รูปร่างกำยำ ส่วนสูงถึง ๑๙๐ เซนติเมตร ทว่า ความฝันที่ยังคงตามหลอกหลอนโดยชายชราผมขาวโพลนในอาภรณ์ขาวนี่สิ ให้รู้สึกเหมือนเลือดเขาอยู่ในตัวผม **********

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ระบบสร้างผู้กล้า

read
1K
bc

Primeval period.อาถรรพ์โลกล้านปี

read
1K
bc

ผู้เล่นเอาชีวิตรอด

read
1K
bc

King! เกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่งชิง

read
1K
bc

บุตรเขยเด่นพิเศษ

read
23.2K
bc

เกาทัณฑ์ เงาจันทร์ จูบ

read
1K
bc

เทพมารตกสวรรค์

read
1.1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook