ผู้หญิงในอดีต 3

1363 Words
เสียงเคาะประตูหนแรกไม่ทำให้ฉันท์ทัตใส่ใจไปกว่าร่างขาวนวลตรงหน้า ทว่าเมื่อมันดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองและสามจึงได้หยุดเขาลงได้ “บ้าฉิบ!!” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ใบหน้าคมเข้มจัด เพราะอยู่ในภาวะต้องการปลดปล่อย ทว่ากลับมีมารมาผจญเสียได้  “ใคร…”  เขากวาดตามองเจ้าของดวงหนาสีแดงแล้วยิ้มเครียด “รอก่อนนะ” บอกพลางผุดลุกจากกายสาว โชว์เรือนร่างกำยำงดงามแบบชายชาตรีอย่างเปิดเผย มิ่งขวัญหน้าแดงเถือกรีบเมินหนีคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย ขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ เดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่แล้วหันมาสบตาคู่สวยที่หยาดเยิ้มพลางยิ้มนิดๆ ก่อนเดินตรงไปยังประตูห้อง “มีอะไร?” น้ำเสียงเข้มขรึมของฉันท์ทัตทำให้สาวใช้ที่เตรียมยกมือขึ้นเคาะประตูอีกครั้งต้องรีบลดมือลง  “เอ่อ คุณท่านให้มาเรียนคุณทัตว่าคุณพรนภามาขอพบค่ะ”  คำรายงานของสาวใช้ทำให้เจ้าของร่างสูงชะงักไปอึดใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอยู่ครุ่นคิด ชั่วครู่จึงตอบออกไปว่า… “ลงไปเรียนคุณท่านของเธอ ว่าฉันจะลงไปในอีกสิบห้านาที…”  พูดจบร่างสูงก็หันหลังให้สาวใช้พร้อมกับปิดประตูตามโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่รับคำอยู่เบื้องหลัง “หูย… คนอะไรก็ไม่รู้ ดุชะมัดยาด นี่ดีนะที่ยังมีความหล่อให้ได้มองมั่ง ไม่งั้นกล้วยเผ่นนานแล้ว” สาวใช้นามว่ากล้วยพึมพำ พลางหมุนตัวลงไปรายงานผู้เป็นนายที่นั่งรออยู่เบื้องล่าง ร่างสูงที่กลับเข้ามาภายในห้องต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าคนตัวบางจัดแจงแต่งตัวเรียบร้อยไม่ได้รอเขาให้มาสานต่ออย่างที่คิด หญิงสาวแทบทำหน้าไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายจ้องตาวาววาม กลัวเขากลับมาสานต่อจากที่ค้างเอาไว้… “เอ่อ นี่ก็ใกล้เวลาอาหารแล้ว ฉันคิดว่าคุณควรลงไปทานข้าวก่อนนะคะ” รีบแก้ต่างให้ตนเอง กลัวว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิด แต่ชายหนุ่มกลับไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับเดินไปนั่งปลายเตียงแล้วสั่ง “เอาเสื้อผ้ามาให้ผม” คำสั่งจากเจ้าของเสียงทุ้มเหมือนเสียงสวรรค์ หญิงสาวรีบทำตามโดยไม่มีคำถาม แต่เมื่อเปิดตู้ก็ต้องคิดหนัก เพราะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายใส่ชุดแบบไหน...  ชายหนุ่มมองอย่างรู้ทัน จึงเอ่ยออกมาว่า “ชุดลำลองนะ ผมมีแขกรออยู่ข้างล่าง”  มิ่งขวัญรีบจัดการคว้าเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวอมฟ้ากับกางเกงสแล็กใส่สบายมายื่นให้เขา แต่ชายหนุ่มกลับมองตาหล่อนนิ่งจนหญิงสาวอึกอักด้วยความเก้อเขิน “ใส่ให้ผมด้วยสิ ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณมีหน้าที่ดูแลผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า”  หญิงสาวสะอึก หน้าแดงก่ำกับคำตอบของชายหนุ่ม พลางหลุบตาลงมองกางเกงในที่อยู่ในมือของตนอย่างอับอาย เกิดมาไม่เคยต้องแต่งตัวให้ใคร เพราะแม้แต่น้องชายมารดาก็ให้หัดแต่งตัวเองได้ตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้ว แต่นี่เขาตัวโตเสียยิ่งกว่าหล่อนมากนัก กลับทำตัวเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้! ทว่าพอสบตาที่แสดงออกถึงคำสั่งหญิงสาวจำต้องทำตามอย่างอึดอัดใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ปลดเอาเสื้อคลุมออกจากกายจนเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตาคนตัวบาง หญิงสาวหน้าร้อนซู่ นึกก่นด่าเขาในใจ บ้า! หน้าด้านเสียไม่มี คนทุเรศ!! ฉันท์ทัตนึกขัน แต่ยังแสร้งทำหน้าขรึม ปล่อยให้คนตัวเล็กตรงหน้าใส่เสื้อผ้าให้เขา หญิงสาวเลือกใส่เสื้อให้เขาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะไม่กล้าใส่กางเกงให้ชายหนุ่ม พอติดกระดุมเสร็จหญิงสาวก็หมุนตัวหนี เพราะอับอายเหลือเกินที่ต้องจับเอากางเกงในมาสวมใส่ให้และรู้สึกอดสูกับสิ่งที่เขาสั่ง “ยังไม่เสร็จ” เขาบอกเสียงหนักๆ อยู่ข้างหลัง หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างอย่างโกรธๆ หน้าก็แดงเถือกพลางบอกเสียงงอนๆ ว่า “คุณก็ใส่เองสิคะ” บอกพลางหันไปยังเตียงกว้างหยิบเอากางเกงในยื่นไปข้างหลัง แต่ชายหนุ่มจับมือหล่อนเอาไว้แล้วบอก “ผมบอกเด็กไปว่าให้รอสิบห้านาที ถ้าช้ามันจะเป็นเพราะคุณลีลาเยอะ ทำให้ผมลงไปพบแขกคนสำคัญช้าไปด้วย” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังยัดเยียดไอ้กางเกงบ้าๆ ตัวนั้นใส่มือหล่อนแล้วจับร่างบางให้หันไปเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง “ใส่ให้ผมเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาไม่ได้ข่มขู่ แต่กลับมีพลังบางอย่างที่ทำให้หล่อนไม่อาจขัดขืนได้ หญิงสาวกลั้นใจหลับหูหลับตาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พลางยื่นกางเกงในชิดกับปลายเท้าแล้วบอกเหมือนเขาเป็นเด็ก “ยกเท้าขึ้นสิคะ” ปากบอกแต่ในใจนึกแช่ง คนโรคจิต! ชาติหน้าขอให้มือกุดเท้าด้วน! ขณะที่มิ่งขวัญก้มหน้างุด ชายหนุ่มกลับยิ้มขัน รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคน หญิงสาวเม้มปากเมื่อชายหนุ่มทำตาม แต่คราวนี้มีปัญหาที่ว่าต้องรูดมันขึ้นไปให้สุดขอบสะโพกสอบของเขา หล่อนไม่อยากคิดว่ามันจะต้องผ่านอะไรๆ ของเขาขึ้นไปด้วย โอย… คุณพระ! นี่หล่อนทำเวรทำกรรมอะไรมา ถึงต้องมาเจอคนลามกจกเปรตแบบนี้  หญิงสาวได้แต่คร่ำครวญ ก่อนจะฝืนใจรูดกางเกงในขึ้นไปจนสุดบั้นเอวสอบ โดยไม่พยายามมองของของเขา แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบเห็นสัดส่วนที่ ‘ไม่เบา’ เลยสักนิดนั่นจนได้ เห็นแล้วก็หน้าชาดิก ร้อนผ่าวเป็นระยะ ขนกายลุกชัน ก่อนจะหันไปหยิบเอากางเกงตัวนอกมาสวมให้เขา โดยมีคนตัวโตมีมือเท้าครบแต่ไม่ยอมทำอะไรเองมองหล่อนเงียบๆ ขณะที่มุมปากกลับปรากฏรอยรื่นรมย์ กระทั่งกางเกงตัวนั้นถูกจัดการเรียบร้อยหญิงสาวก็ถอนใจเฮือก ทำท่าผละหนีแต่ถูกมือแกร่งคว้าเอวกิ่วเอาไว้ได้ก่อน “ขอบใจนะ” เขาสวมกอดหล่อนแน่นๆ พลางก้มลงจูบหน้าผากกลมมนเบาๆ แต่กลับทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงบางอย่างที่พุ่งเข้าใส่กลางใจจนกระตุกวาบ พอสบตากันเขาก็ยิ้มให้ รอยยิ้มของเขาทำให้ใจหล่อนแทบละลาย ก่อนจะชะงักความรู้สึกนั้นเมื่อเขาบอกออกมาว่า “ความจริงผมไม่ได้จะให้คุณแต่งตัวให้ขนาดนี้นะ ไม่เคยคิดอยากให้ใครทำให้แบบนี้สักที แต่มีคนทำให้ก็ดีเหมือนกัน”  หญิงสาวหน้าบึ้งทันทีที่เขาหอมแก้มดังฟอด เขาหลอกหล่อน! นี่เขาแกล้งกันใช่ไหม คนบ้าเอ๊ย!! หญิงสาวสะบัดตัวออกห่าง นึกเคืองในใจ ทว่าเขากลับคว้ามือเล็กของหล่อนไปกุมไว้แล้วบอกเสียงขรึมๆ ว่า “ลงไปด้วยกัน” ความขุ่นเคืองและความอับอายหยุดลง หญิงสาวหันมองเขาอย่างไม่มั่นใจเมื่อนึกถึงคุณผู้หญิงใหญ่ของบ้าน “เอ่อ แต่คุณแม่ของคุณ…” “เกี่ยวอะไรกับแม่ผมล่ะ คุณเป็นคนของผม บอกแล้วไงว่าผมไปไหนคุณต้องไปด้วย” เขาย้ำเตือนให้จำขึ้นใจ แต่หญิงสาวก็ยังไม่วายมีข้อโต้แย้ง “แต่คุณมีแขกคนสำคัญ ฉันเกรงว่าแขกของคุณจะ…” “ถ้ามันเป็นคำสั่งของผม คุณก็ควรทำตามอย่างไม่มีข้อแม้นะ       มิ่งขวัญ” เขาบอกเสียงเข้มพลางจ้องตาดุๆ มายังหล่อน หญิงสาวจึงหุบปากฉับ ไม่พูดอะไรอีก และเมื่อเขากระตุกมือหล่อนเบาๆ หญิงสาวก็ได้แต่เดินตามต้อยๆ ออกจากห้องไปอย่างไม่เต็มใจนัก 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD