บทที่ 4 พี่เดียร์คนสวย

2375 Words
[บทบรรยายเรนเดียร์] เมื่อกลับมาถึงคอนโดฉันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มนอนมองเพดานที่มันว่างเปล่า มีเพียงแสงของโคมไฟที่ประกายออกมาในความมืด ทำไมการได้เจอหน้าเขาถึงทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเอาซะเลย แม้แต่ตอนที่ฉันหลับตาลงใบหน้าของเขายังสะท้อนเข้ามา นอกจากภาพที่เจอกันในวันนี้ก็ยังมีภาพในอดีตที่สะท้อนตามมาด้วย ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะสลัดภาพเหล่านี้ทิ้งไป แต่ทว่ายิ่งพยายามสลัดทิ้งมันยิ่งสะท้อนมากขึ้น ภาพความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ต้องทำยังไงถึงจะหยุดคิดได้ล่ะเนี่ย เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดกำลังดี ไม่ได้ใหญ่นักแม้ว่าห้องของฉันจะขนาดใหญ่พอสมควร ฉันปิดเปลือกตาลงแล้วแช่ตัวอยู่นาน ร่างกายที่ได้แช่น้ำอุ่นกำลังดีช่วยคลายความอ่อนล้าได้เป็นอย่างดี ก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นตาม เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ฉันไม่แน่ใจนัก เมื่อรู้สึกดีขึ้นก็ลุกออกมาจากอ่างอาบน้ำ เช็ดตัวให้เรียบร้อยแล้วสวมชุดนอนก่อนเดินมานั่งอยู่ที่เตียง หยิบโทรศัพท์มือถือมากดเล่นเกมส์เผื่อว่าจะหยุดคิดเรื่องเปอร์ไปได้บ้าง แต่สุดท้ายก็คิดถึงเขาอยู่ดี ฉันวางโทรศัพท์ลงที่ข้างตัว ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างตัวเองไว้แล้วหลับตาลง กว่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้ก็ปาไปเกือบเช้าแล้ว ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือหน้าเขา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมได้พบกันเพียงแค่ไม่กี่นาทีจะทำให้ภาพความทรงจำตามมาหลอกหลอนอยู่ในหัวฉันได้มากขนาดนี้ เมื่อคืนนอนไม่หลับทำให้ตื่นมาร่างกายไม่ค่อยสดชื่นเอาซะเลย แล้วไหนจะตื่นขึ้นมาแล้วก็ดันนึกถึงหน้าเปอร์อีก ทำให้ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มากดเข้าไลน์เพื่อส่งข้อความถึงใครคนหนึ่ง Line ReinDeer : พี่แต๊งคะวันนี้เดียร์ขอยกเลิกนัดนะคะ พี่แต๊ง : ทำไมล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า ReinDeer : เดียร์ไม่ค่อยสบายค่ะ ก็เลยอยากนอนพักสักหน่อย พี่แต๊ง : เป็นอะไรมากมั้ย พี่พาไปหาหมอมั้ยครับ ReinDeer: ไม่เป็นไรมากค่ะ แค่ปวดหัว เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักก็คงหายค่ะ พี่แต๊ง : โอเคครับ หายไว ๆ นะครับ ReinDeer : ค่ะ ฉันกดส่งสติกเกอร์แล้วกดออกจากแชต ฉันคิดว่าฉันตัดสินใจถูกแล้ว ดีกว่าไปเจอหน้าพี่แต๊งแล้วหน้าตาของฉันไม่มีความสดใสเหมือนอย่างทุกที ไปแบบนี้ก็จะทำให้อีกฝ่ายเขาหมดสนุกไปด้วย เลือกไม่ไปซะเลยดีกว่า ลงจากเตียงไปรูดม่านเปิดให้แสงสว่างสาดเข้ามาในห้องที่ค่อนข้างมืด ก่อนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อที่จะหยิบชุดแล้วเข้าไปอาบน้ำ ทว่าเสียงแจ้งเตือนจากไลน์ก็ดังขึ้นมาขัดซะก่อน จึงต้องปิดประตูตู้ไว้แล้วเดินมาเอื้อมหยิบสมาร์ตโฟนมากดดู ตอนแรกฉันนึกว่าพี่แต๊งไลน์มาอีก ที่แท้เป็นยัยแฟร์ที่ไลน์มาหา Line แฟร์ : เป็นยังไงบ้างมึง ReinDeer : ไม่ได้เป็นอะไร แฟร์ : ที่เจอเปอร์เมื่อคืน ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ReinDeer : ไม่รู้สิ อาบน้ำก่อนนะจะไปหาข้าวกิน แฟร์ : รีบหนีเลยนะยะ ReinDeer : แบร่ ฉันวางสมาร์ตโฟนลงที่เดิมพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ฉันยังไม่อยากตอบแฟร์ว่ากำลังรู้สึกยังไง กลัวว่ายัยเพื่อนรักจะยิ่งซักไซ้จนฉันสับสนใจหนักไปกว่าเดิม หันกลับมาเลือกเสื้อผ้าใส่ เลือกหยิบเสื้อผ้าใส่สบาย ๆ เป็นเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นออกมา เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาที่ตู้เย็น พอเปิดออกมาแล้วก็ยืนอึ้งไปชั่วขณะ ตู้เย็นของฉันขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ว่าทุกชั้นในตู้ว่างเปล่าไม่มีอะไรให้ทำกับข้าวกินได้เลย มีแค่น้ำเปล่าและนมกล่องที่จะช่วยคลายหิวไปได้แค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง “ลืมซื้อของเลยแฮะ” ฉันเท้าเอวมอง ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งจนไม่ได้ไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อของสดมาเตรียมไว้เลยสักอย่าง ปกติฉันก็ทำอะไรง่าย ๆ กิน ฉันเลยเดินเข้าไปเปลี่ยนกางเกงเป็นยีนส์ขายาว หากใส่ขาสั้นออกไปก็กลัวจะดูน่าเกลียดไปหน่อยเพราะมันเป็นกางเกงที่สั้นมาก ๆ เหมาะสำหรับอยู่บ้าน เมื่อเสื้อผ้าพร้อมแล้วก็หยิบกุญแจรถและกระเป๋าสะพายใบเล็กนำกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ ตั้งใจว่าจะไปซื้ออะไรมากินและจะซื้อของสดมาไว้ทำกับข้าวกินเองมื้อต่อไปด้วย เปิดประตูห้องออกมาแล้วดึงประตูปิด ขณะนั้นประตูห้องตรงข้ามก็เปิดออก ฉันจะไม่สนใจอะไรถ้าหากคนที่เปิดประตูออกมาไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าคุ้น ๆ แม้ได้เห็นแค่เพียงหางตายังทำให้หัวใจฉันเต้นตึกตักหนักขึ้น ฉันยืนนิ่งหันหลังให้เขาพลางคิดว่าจะหันไปมองให้แน่ใจดีไหม แล้วถ้าใช่เขา ฉันจะต้องทำตัวยังไงต่อ “พี่เดียร์คนสวย” เสียงนุ่มนวลเชิงหยอกล้อที่ดังขึ้นมาทางด้านหลัง ดวงตาของฉันเบิกกว้างและหัวใจก็เต้นแรงขึ้น ไม่ต้องหันไปมองอีกครั้งก็แน่ใจแล้วว่าที่ฉันเห็นน่ะไม่ผิดคนหรอก ฉันไม่ได้คิดไปเองว่าเปอร์เปิดประตูออกมาจากห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของฉัน “จะไปไหนเหรอครับ” ฉันนึกหมั่นไส้ในน้ำเสียงและคำพูดของเขาจริง ๆ เมื่อก่อนเขาชอบพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ซึ่งจะแตกต่างจากเวลาที่เขาพูดกับคนอื่น เสียงที่เขาใช้พูดกับฉันน่ะเป็นเสียงที่เขาแอ๊บขึ้นมา ในตอนนั้นฉันฟังแล้วก็รู้สึกน่ารักดี แต่พอฟังตอนนี้กลับรู้สึกหมั่นไส้จนอยากจะแยกเขี้ยวใส่ “พี่เดียร์คนสวยครับ” เขาเรียกฉันอีกครั้งพร้อมกับเดินมาหยุดยืนข้างหน้าแล้วโบกมือขึ้นมาตรงหน้าของฉันเหมือนเรียกสติ ที่จริงฉันน่ะสติยังมีครบแต่แค่ยังไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงเฉย ๆ คำว่า ‘พี่เดียร์คนสวย’ ก็เป็นคำที่เมื่อก่อนเขาใช้เรียกฉันอยู่เป็นประจำเวลาที่เขาต้องการอ้อนฉัน เขามักจะชอบทำตัวให้ดูน่ารักเหมือนลูกหมาทั้งที่เขาตัวใหญ่กว่าฉันหลายเท่า ดวงตาคู่กลมของฉันแข็งกร้าวตวัดไปมองทางเขา และเพิ่มความดุด้วยการถลึงตาใส่อีกครั้ง เผื่อว่าเขาจะรู้ตัวว่าไม่ควรมายุ่งกับฉันอีก ทว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เกรงกลัวฉันเลยสักนิด เขาทำหน้าตาหงอลงและเบะปากคล้ายกับจะร้องไห้ขึ้นมาจริง ๆ ฉันดูออกว่าเขาแกล้งทำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงโอ๋เขาไปแล้ว แต่ตอนนี้มีแต่คำว่าหมั่นไส้เต็มไปหมด “หลบ!” ฉันหิวจะแย่ ตอนนี้ท้องก็ร้องแล้วด้วยเลยพูดเสียงเข้มใส่เขา “จะไปไหนเหรอ ไปกินข้าวกันไหม” เปอร์ยิ้มกว้างให้ฉัน รอยยิ้มของเขาน่ารักซะจนฉันเกือบจะหลุดยิ้มตามไปด้วย ดีที่ทำหน้าตึงเอาไว้ได้ “ไม่ไป หลบไปได้ละ” ทว่าเสียงท้องของฉันดันร้องดังขึ้นมาอย่างน่าอาย “ไปเถอะ ท้องร้องดังขนาดนี้” เปอร์คงรู้ว่าฉันอาย เขาเลยไม่แซวและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง อีกทั้งยังเจือความเป็นห่วงอยู่ “เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะนะ” เขาพูดต่ออีก “ก็หลบไปสิ ฉันจะได้ไปกินสักที” ฉันก็ไม่ได้จะปล่อยให้ตัวเองอดซะหน่อย แค่เขาหลบทางฉันก็ไปหาอะไรกินได้แล้ว แต่ไอ้คนหน้ามึนที่ยืนขวางอยู่กลับทำหน้างอแงขึ้นมาใส่ฉันอีก “เปอร์ขอไปด้วยน้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เสียงท้องของฉันร้องขึ้นมาอีกครั้ง ฉันคิดว่าคงเลือกอะไรมากไม่ได้แล้วตอนนี้ เพราะถ้าไม่ตกลงให้เขาไปด้วยฉันก็คงต้องทนหิวแล้วยืนเถียงกันอยู่ไม่จบสักทีแน่ ๆ “อือ” ฉันตอบตกลงไปแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่คนตรงหน้ากลับคลี่ยิ้มระรื่นดีใจ ไม่ได้สนใจกับสีหน้าของฉันเลยสักนิด เราสองคนเดินมาที่รถกันแบบเงียบ ๆ เขาก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรขึ้นมา ฉันเองก็ไม่คิดที่จะชวนเขาคุยอยู่แล้ว ฉันทำหน้าที่ขับรถเองเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ขับไปในที่ที่ฉันต้องการจะไป ฉันขับรถไปแบบที่ไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าไหร่เพราะคนข้าง ๆ เอาแต่นั่งมองหน้าฉันจนฉันเกร็งไปหมด พอหันไปมองกระจกฝั่งเขาก็เห็นว่าเขายิ้มให้ ฉันถอนหายใจแล้วตั้งสติขับรถไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ต “กินไรกันดี” เปอร์มองร้านอาหารที่อยู่เรียงรายด้านข้างของซูเปอร์มาร์เก็ต ฉันไม่ได้ตอบเขาและเดินไปยังร้านอาหารที่ตัวเองอยากกิน เปอร์ก็เดินตามฉันมาติด ๆ พนักงานพาเข้าไปนั่งข้างในพร้อมกับถือเมนูมาวางให้ “เอาปีกไก่ทอดเกลือกับต้มเล้งครับ” ฉันละสายตาจากเมนูไปมองหน้าคนที่สั่งอาหาร เขาคลี่ยิ้มให้อย่างทะเล้น เมนูที่เขาสั่งน่ะเป็นเมนูที่ฉันชอบมากแต่จริง ๆ ฉันก็ชอบกินหลายอย่างที่เป็นกับข้าวนั่นแหละ หรืออะไรที่อร่อยฉันก็กินได้หมด ฉันเองก็กำลังตัดสินใจอยู่พอดีเลยว่าจะสั่งต้มเล้งหรือจะเป็นต้มยำทะเลดี แต่เขาก็ตัดสินใจให้แล้วเพราะเมื่อก่อนฉันก็ชอบสั่งประมาณนี้ “เอากะหล่ำทอดน้ำปลาด้วยครับ” เปอร์สั่งสิ่งที่เรากินด้วยกันแทบทุกครั้งอีกหนึ่งเมนู ฉันกำลังไล่ดูเมนูผัดผักอยู่พอดี เลยเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขานิ่ง ๆ คิดว่าสั่งเมนูโปรดของฉันแล้วฉันจะหายตึงใส่หรือไง ฉันปิดเมนูแล้วส่งคืนให้กับพนักงาน โดยที่ไม่ต้องสั่งอะไรเองเลยเพราะคนที่มาด้วยกันจัดการไปหมดแล้ว “รับน้ำอะไรดีคะ” “น้ำเปล่าครับ” เปอร์พูดอย่างรู้ใจ มื้อเช้าฉันมักจะดื่มน้ำเปล่าจะได้สบายท้อง พนักงานรับเมนูกลับไปแล้วเดินเข้าไปในครัว สักครู่ก็นำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟให้เราก่อน เปอร์ฉีกซองพลาสติกแล้วนำหลอดใส่ในแก้วน้ำให้ก่อนจะเลื่อนแก้วมาตรงหน้าฉัน “น้ำเย็น ๆ ครับ” ฉันชำเลืองมองเขาแล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ช่วงที่รออาหารมาเสิร์ฟ ฉันก็มองการตกแต่งร้านไปเรื่อยเปื่อย เขาตกแต่งเรียบ ๆ เน้นใช้ไม้ แต่ก็ดูสวยสบายตาดี รสชาติอาหารก็อร่อยใช้ได้ ฉันเคยมากินคนเดียวเวลาที่มาซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ไม่บ่อยนักเพราะราคาก็ค่อนข้างแรง คงเป็นเพราะค่าเช่าสถานที่ด้วยนั่นแหละ ลูกค้าเริ่มทยอยเข้าร้านมามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเวลาใกล้เที่ยงแล้ว ฉันมองผู้คนที่เดินเข้าเดินออกแก้เบื่อเพราะไม่อยากสบตากับคนที่นั่งด้วยกัน พอหันกลับมามองตรงหน้าเปอร์ก็ฉีกยิ้มให้ฉัน “ยิ้มบ่อยเวอร์” ฉันพึมพำแต่คิดว่าเปอร์ก็คงได้ยิน เขาหุบยิ้มลงทันที “ยิ้มให้ก็ไม่ดีเหรอครับ” เขาย้อนกลับมาด้วยหน้าตาใสซื่อ “ไม่ดี!” ฉันกระแทกเสียงใส่เขา รอยยิ้มของเขาน่ารักเกิน กลัวว่าตัวเองจะเผลอยิ้มตาม เขาเป็นคนหน้านิ่ง ๆ ที่ไม่ได้ยิ้มบ่อยนัก แต่จะยิ้มบ่อย ๆ เวลาที่อยู่กับฉันแบบลำพัง ให้ฉันได้เห็นอีกมุมของเขา “ยิ้มก็ไม่ดี” เปอร์พูดเสียงเบาแล้วเกาหัวแกรก ๆ ราวกับงุนงงว่ายิ้มให้แล้วไม่ดีตรงไหน ฉันละความสนใจจากเขาแล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดเล่น “มาแล้ว น่ากินมาก” เสียงของเปอร์ดังขึ้นมาพร้อมกับอาหารที่วางลงตรงหน้า ฉันวางสมาร์ตโฟนลงบนโต๊ะ เมื่อเห็นอาหารที่มาเสิร์ฟแล้วน้ำลายจะไหล หน้าตาอาหารน่ากินมากอย่างที่เปอร์พูด แล้วก็เพราะว่าฉันหิวมากแล้วด้วย “เปอร์ตักให้” เปอร์ยิ้มแล้วตักปีกไก่ทอดเกลือใส่จานให้ฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาด้วยแววตาเรียบนิ่ง แล้วตักไก่เข้าปาก รสชาติเค็มกำลังดีและหนังของไก่ก็กรอบพอดี “อร่อยมาก” เปอร์ตักกินแล้วพูดขึ้นมา สีหน้าของเขาชื่นชมรสชาติอาหารของร้านนี้มาก “พี่เดียร์มากินบ่อยเหรอ” เขาถามพลางตักน้ำต้มเล้งและเลาะเอาเนื้อใส่ถ้วยเล็กที่พนักงานเอามาวางให้ “ไม่บ่อย” “อร่อยจะตายทำไมไม่มากินบ่อย ๆ ล่ะ” เปอ์ยังคงถามต่อ “เงียบไปได้ละ จะกินข้าว” ฉันพูดเสียงดุ เขาก็เลยทำหน้างอใส่ฉันแล้วยอมเงียบเสียงลง ทำไมเขางอนง่ายเหลือเกินหรือเป็นฉันเองที่ดุเขามากไปหรือเปล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD