Chapter 2
ทฤษฎีจีบหมอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาลมหาราช วาโยเดินกลับคณะด้วยท่าทางสบาย ๆ อากาศช่วงเย็นของ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทำให้ทุกอย่างดูผ่อนคลาย แต่สำหรับวาโย หัวสมองกลับหมุนติ้ว
“รู้” คำตอบของหมอคินพูดกับหมอพีระในห้อง ที่วาโยบังเอิญได้ยิน (?) ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว นี่หมอคินรู้จริง ๆ เหรอว่าเขาจีบอยู่? แล้วหมอไม่ปฏิเสธด้วยนะ เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาแต่ไกล
"ไอ้โย มึงแม่งร้ายว่ะ"
มุกตะโกนข้ามสนามหญ้า ทำให้หลายคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองกันเป็นแถว
วาโยหัวเราะขำ ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนของคณะ ต้าก็นั่งอยู่ด้วยเหมือนกัน พอเห็นวาโยมาก็พยักหน้ารับ
“มึงแม่งสุดยอดจริง ๆ ว่ะ กูว่าแล้วว่ามึงต้องไปหาหมออีก”
วาโยทรุดตัวลงนั่ง ฝ่ามือรองคาง มุมปากยังมีรอยยิ้มบาง ๆ
“กูก็แค่ไปทำแผลเฉย ๆ”
“แผลที่หายสนิทแล้วเนี่ยนะ?” มุกหรี่ตา
“เอ้า ก็ต้องเช็กให้ชัวร์” วาโยยักไหล่ ทำหน้าซื่อ ๆ
ต้าส่ายหัว
“แต่กูว่ามึงจะได้เช็กอย่างอื่นมากกว่า”
"แล้วสรุปยังไง พี่หมอเค้าไล่มึงปะ" มุกถามด้วยความอยากรู้
"กูว่าคงจากนี้คงไม่แล้วแหละ เพราะพี่หมอรู้แล้วว่ากูกำลังจีบเค้า"
"เห้ย จริงดิ! แล้วเค้าว่าไงวะ? "
วาโยทำหน้าเหมือนเรื่องเล็กน้อย
“ก็แค่… ยังไม่ได้คิด”
ต้ากับมุกหันไปสบตากัน แล้วระเบิดหัวเราะ
“โอ๊ยไอ้เชี่ย นี่แม่งไม่ใช่แค่รู้แล้วนะ แต่มึงทำให้หมอคินต้องนั่งคิดเลยนะเว้ย!”
ต้าตบบ่าเพื่อนแรง ๆ มุกส่ายหน้าเบา ๆ
“หมอคินนี่ไม่ธรรมดาเลยว่ะ ปกติคนโดนจีบก็ต้องมีท่าทีอะไรบ้าง แต่นี่คือหมอแม่งนิ่ง แต่ดันเก็บไปคิด”
“กูก็ว่า…” วาโยพึมพำ
“ถ้าเขาไม่สนใจจริง ๆ เขาคงตัดบทไปแล้ว แต่นี่คือหมอคินนะเว้ย หมอคินที่เย็นชากับทุกคนอะ”
ต้าพยักหน้าหนักแน่น
“เออว่ะ ถ้าเป็นคนอื่นคงพูดไปแล้วว่า ไม่สนใจแต่หมอคินแม่งแค่เงียบ ๆ แล้วบอกว่ายังไม่ได้คิด”
มุกเท้าคาง
“ถ้ากูเป็นมึง กูจะเดินหน้าเลยว่ะ”
วาโยหัวเราะ
"มันก็ต้องแน่นอนดิวะ"
ขณะที่วาโยกำลังปรึกษาแผนจีบกับเพื่อน หมอคินก็นั่งอยู่ที่ห้องพักแพทย์ มองแฟ้มเวชระเบียนที่มีชื่อ
วาโยอยู่เป็นคนไข้ล่าสุด หมอพีระที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สังเกตเพื่อนของตัวเองมาสักพักแล้ว ในที่สุดก็วางแก้วกาแฟลงแล้วแซวขึ้นมา
“คิดหนักเลยเหรอมึง?”
หมอคินหลือบตาขึ้นมองหมอพีระก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“เปล่า”
“ไม่เปล่าหรอกมึง” หมอพีระหัวเราะเบา ๆ
“กูไม่เคยเห็นมึงนั่งจ้องแฟ้มคนไข้นานขนาดนี้มาก่อน”
หมอคินไม่ตอบอะไร แค่หลุบตาลงมองรายชื่อในแฟ้มอีกครั้ง จริงอยู่วาโยไม่ได้เป็นคนไข้หนักหนาอะไร แต่การมาหาหมอถี่ขนาดนี้ มันมีอะไรมากกว่าแค่แผลเล็ก ๆ
หมอพีระกระตุกยิ้ม ก่อนจะเท้าคางพูดต่อ
“ว่าไงวะ? เด็กมันจีบมึงขนาดนี้ มึงจะทำไงต่อ?”
หมอคินเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบสั้น ๆ
“ไม่รู้”
“โห ไม่รู้ได้ไง มึงเป็นหมอ แต่อันนี้คือคนไข้จีบมึงนะ”
หมอคินวางปากกาลงกับโต๊ะ
"เขาก็แค่คงแซวเล่นๆ แหละมึง"
“เล่นจริงเหรอ?” หมอพีระหรี่ตา
“มึงแน่ใจเหรอว่าเด็กมันเล่น?”
หมอคนนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร
หมอพีระหัวเราะพรืด
“ถ้ามึงไม่แน่ใจ แปลว่ามึงเริ่มคิดแล้วเว้ย”
หมอคินถอนหายใจ
"ไอ้พี!"
“เออ ๆ กูไม่กวนก็ได้”
หมอพีระยกมือยอมแพ้
"แต่กูบอกเลยนะ ถ้ามึงยังนิ่ง เด็กมันรุกหนักแน่"
หมอคินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเบา ๆ
"อือ"
วันถัดมา
วันรุ่งขึ้นวาโยก็หาเหตุไปโรงพยาบาลอีกตามเคย แต่คราวนี้ ไม่ใช่ข้ออ้างเปลี่ยนแผลแล้ว เพราะคราวนี้
เขาตั้งใจจะไปเจอหมอคินจริง ๆ เดินเข้าไปในแผนกฉุกเฉิน พยาบาลที่จำหน้าเขาได้ถึงกับขมวดคิ้ว
“วันนี้มาหาหมอเรื่องอะไรคะคุณวาโย?”
วาโยยิ้มบาง ๆ
“มาถามหมอว่าหายคิดเรื่องของผมหรือยังครับ”
พยาบาลทำหน้างง
“อะไรนะคะ?”
แต่ไม่ทันไร ประตูห้องตรวจหมายเลข3ก็เปิดออก หมอคินเดินออกมาในชุดกาวน์สีขาว มือข้างหนึ่งถือแฟ้มเวชระเบียน พอหมอคินเห็นวาโย แววตาก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
วาโยก้าวเข้าไปใกล้ก่อนจะยิ้มขี้เล่น
“พี่หมอครับ”
หมอคินขมวดคิ้ว
“คุณมาทำอะไร?”
วาโยกอดอก
“มาถามพี่หมอว่าคิดเรื่องของผมเสร็จหรือยัง”
หมอคินเงียบไปสองวินาทีก่อนจะตอบเสียงเรียบ
"คุณถามอะไรของคุณ"
วาโยหัวเราะเบา ๆ
"งั้นผมถามใหม่..." เขาก้าวเข้าไปใกล้อีกก้าว
“ถ้าผมอยากจีบพี่หมอจริง ๆ พี่หมอจะให้ผมจีบไหม?”
หมอคินมองสบตาวาโยเงียบ ๆ และครั้งนี้เขาไม่ได้ตอบกลับว่าไม่รู้อีกแล้ว
บรรยากาศหน้าโซนฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาราชเงียบกริบหลังจากคำถามที่วาโยยิงตรงไปหาหมอคิน
พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงกับชะงักไป หมอพีระ ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องพักแพทย์ถึงกับยิ้มกริ่ม
“เอาแล้วเว้ย เด็กมันรุกจริง”
แต่มีแค่หมอคินเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่ง มองสบตาวาโยด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไม่ได้มีท่าทางตกใจหรืออึ้งใด ๆ เหมือนกับว่าคำถามนี้มันไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย สองวินาทีผ่านไปก่อนที่หมอคินจะพูดออกมาเสียงเรียบ
"นี่คุณว่างขนาดนี้เลยเหรอ?!"
วาโยกระพริบตาปริบ ๆ
"หะ ห๊ะ?"
หมอคินยกแขนขึ้นกอดอก
“ถ้าคุณมีเวลามาจีบหมอ แสดงว่าวิศวะเรียนไม่หนักเท่าที่คิด”
วาโยอ้าปากค้าง
"เฮ้ย ๆ พี่หมอ อย่ามาหาเรื่องด่าผมสิ คณะผมก็เรียนหนักเหมือนกันนะ"
“งั้นคุณควรเอาเวลาที่มีไปอ่านหนังสือ” หมอคินตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาข้อมืออย่างใจเย็น
“จีบหมออาจจะได้แค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แต่ถ้าเรียนจบ คุณจะมีอนาคต”
“โห พี่หมอ! จีบหมอนี่ต้องใช้คำศัพท์อนาคตกันเลยเหรอ”
หมอพีระที่พึมพำยืนดูอยู่ข้าง ๆ ถึงกับกลั้นขำแทบไม่ไหว
“โอ๊ย กูชอบว่ะ ไอ้คินไม่ยอมโดนจีบง่าย ๆ ด้วย”
หมอคินปรายตามองวาโยก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“ผมไม่ใช่ข้อสอบ ถ้าคุณจีบจริง ก็ควรทำให้มันผ่าน”
วาโยนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้ม
“งั้นพี่หมอช่วยใบ้ข้อสอบหน่อยได้ไหมครับ?”
หมอคินวางแฟ้มในมือก่อนจะพยักหน้า
“ได้สิ”
วาโยรีบตั้งใจฟังเต็มที่ แต่คำตอบของหมอคินที่พูดออกมากลับทำให้แทบสำลักอากาศ
“ถ้าคุณอยากจีบหมอจริง ๆ ลองเริ่มจากการไม่มาที่โรงพยาบาลโดยไม่มีเหตุผล”
“นี่..พี่หมอไล่กันโต้ง ๆ เลยเหรอ?” วาโยทำหน้าเหวอ
หมอคินเลิกคิ้ว
"ผมให้คำแนะนำต่างหาก"
แต่แทนที่วาโยจะท้อ เขากลับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“งั้นแสดงว่าผมยังมีโอกาสอยู่?”
หมอคินเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับสั้น ๆ
“อย่าหาข้อสรุปเร็วเกินไป”
วาโยจ้องหน้าหมอคิน ก่อนจะยักไหล่
“โอเค งั้นผมจะหาทางจีบให้ผ่านให้ได้”
หมอคินไม่ได้ตอบอะไรอีก แค่หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องตรวจไปอย่างใจเย็น
หลังจากโดนหมอคินตอกกลับแบบจัดเต็มวาโยเดินออกจากโรงพยาบาล มุกกับต้าที่รออยู่ด้านนอกถึงกับขำจนไหล่สั่น
“เชี่ย กูว่ามึงเล่นกับหมอคินไม่ง่ายแล้วว่ะ”
ต้าพูดพลางหัวเราะ
“มึงคิดว่าจีบหมอจะเหมือนจีบรุ่นน้องปีหนึ่งหรือไง”
“กูว่าหมอคินแม่งฉลาดจริงว่ะ” มุกเสริม
“รู้ว่ามึงจะรุก เลยตอกกลับแบบเนียน ๆ”
วาโยถอนหายใจ
“แต่กูว่ากูเริ่มเห็นอะไรบางอย่างแล้วนะ”
มุกกับต้าหันมามองพร้อมกัน
“อะไร?”
วาโยกระตุกยิ้ม
“พี่หมอไม่ไล่กูจริง ๆ”
มุกชะงัก
“เออว่ะ… หมอไม่ได้บอกว่าไม่ แค่อยากให้มึงรู้ตัวว่าต้องใช้ความพยายาม”
ต้าตบไหล่วาโย
“งั้นมึงก็ต้องเอาให้สุดแล้วว่ะ”
วาโยพยักหน้าหนักแน่น
“เออ กูก็ว่ามันต้องสนุกขึ้นแน่”
วันถัดมา
หมอคินเดินมาตรวจคนไข้ตามปกติ แต่ในหัวกลับคิดถึงคำพูดของวาโยจากเมื่อวาน
“งั้นผมจะหาทางจีบให้ผ่านให้ได้” ให้ตายสิ นี่เขากำลังจะกลายเป็นเป้าหมายจริง ๆ แล้วใช่ไหม
หมอพีระเดินเข้ามาข้าง ๆ ก่อนจะตบบ่าหมอคินเบา ๆ
“ไงวะ ไอ้คิน มึงเตรียมรับมือหรือยัง?”
หมอคินเหลือบตามอง
“รับมืออะไร?”
หมอพีระหัวเราะ
“เด็กมันเอาจริงแล้วนะเว้ย ต่อไปนี้มึงอาจจะได้เจอมันในที่ที่คาดไม่ถึง”
หมอคินพ่นลมหายใจ
“ถ้าเขาไม่มาที่โรงบาล ก็ไม่น่ามีปัญหา”
หมอพีระยิ้มขำ
“เออ นั่นแหละปัญหา ไอ้คิน”
หมอคินขมวดคิ้ว
“มึงหมายความว่าไง?”
หมอพีระตบบ่าเขาอีกครั้ง
“ก็หมายความว่า ต่อไปนี้มึงอาจจะเจอเด็กนั่นโดยไม่ต้องรอให้มันมาที่โรงบาลไง”
หมอคินชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ จะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ลางสังหรณ์ของหมอคินบอกว่า ต่อจากนี้ไป วาโยอาจจะไม่ได้มาที่โรงพยาบาลอย่างเดียวแล้วก็ได้
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานเบา ๆ ในร้านกาแฟใกล้โรงพยาบาลมหาราช บรรยากาศตอนเช้าเต็มไปด้วย
แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่แวะมาเติมคาเฟอีนก่อนเริ่มงาน หมอคินเดินเข้ามาในร้านสั่งอเมริกาโน่เย็นตามปกติ ก่อนจะเดินไปหาที่นั่ง แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา
“พี่หมอ! มาดื่มกาแฟเหมือนกันเหรอ?” เสียงสดใสดังขึ้นจากโต๊ะข้าง ๆ
หมอคินหันไปมอง ก่อนจะเห็นวาโยนั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกาแฟหนึ่งแก้ว และสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายว่า
‘เจอกันอีกแล้วนะพี่หมอ’
หมอคินถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“…นี่ผมควรจะเริ่มชินใช่ไหม?”
วาโยยิ้มกว้าง
“ก็ผมไม่ได้มไปหาหมอที่โรงบาลแล้วไง พี่หมอบอกเองว่าถ้าอยากจีบให้เริ่มจากที่อื่น”
หมอคินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบกาแฟขึ้นมาจิบพลางคิด
'…ให้ตายสิ นี่เขาต้องรับมือกับเด็กวิศวะที่เอาจริงขนาดนี้เลยเหรอ?'
หมอคินเลิกคิ้ว
"ผมพูดตอนไหนว่าอนุญาตให้คุณจีบ"
วาโยหัวเราะเบา ๆ
“แล้วพี่หมออยากให้ผมหยุดเหรอ?”
หมอคินเงียบไป ไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับเดินไปนั่งที่โต๊ะข้าง ๆ กันแทน วาโยมองตามพลางยกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“อ้าว ไม่ไล่ผมเหรอ?”
หมอคินหยิบหลอดกาแฟมาเสียบแก้วอย่างใจเย็น
“ผมมาดื่มกาแฟ ไม่ได้มานั่งฟังคุณจีบ”
วาโยหัวเราะพรืด
“โห พี่หมอ ใจร้ายว่ะ”
หมอคินไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบด้วยสีหน้าปกติสุด ๆ
วาโยเหลือบมองหมอคินที่ยังคงนั่งอ่านข่าวในโทรศัพท์ มือข้างหนึ่งจับแก้วกาแฟไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ดูเผิน ๆ เหมือนไม่สนใจอะไรเลยแต่ก็นั่นแหละ ยังไม่ไล่ไปไหน
“พี่หมอ”
หมอคินเหลือบตามองวาโย
“แล้วถ้าผมเปลี่ยนจากจีบเป็นขอเลี้ยงกาแฟแทน พี่หมอจะโอเคไหม?”
หมอคินกระตุกยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนจะตอบสั้น ๆ
"ไม่ต้อง"
“เอ้า ผมอุตส่าห์ใจดี!”
"ผมมีเงินจ่าย"
วาโยนิ่งไปก่อนจะหัวเราะออกมา
“โอเค งั้นผมไม่เลี้ยงก็ได้"
หมอคินไม่ได้ตอบอะไร แค่พยักหน้ารับเงียบ ๆ
บรรยากาศเงียบลงไปชั่วครู่ วาโยเท้าคางมองหมอคิน ก่อนจะลองพูดขึ้นใหม่
“แล้วถ้าผมขอเลี้ยงข้าวพี่หมอแทนล่ะ?”
หมอคินหยุดอ่านข่าวในโทรศัพท์ไปครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองวาโยตรง ๆ
“คุณอยากเลี้ยงข้าว หรืออยากหาเรื่องไปกินข้าวกับผม?”
'เชี่ย ทำไมหมอคินแม่งรู้ทันตลอดเลยวะ!?' วาโยทำหน้ามึน ๆ ไปวินาทีหนึ่ง ก่อนจะยักไหล่แล้วยิ้มกว้าง
"..ก็ทั้งสองอย่างเลย"
หมอคินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตาที่มองมาคล้ายกับจะบอกว่า ‘ผมก็คิดไว้อยู่แล้ว’
เขาหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับเสียงเรียบ
"ผมไม่ว่างขนาดนั้น"
“อ้าว จริงดิ?” วาโยเลิกคิ้ว
“แต่ผมว่ากาากินข้าวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหมอไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่” หมอคินพยักหน้า
“แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมไปกินข้าวกับใครก็ได้”
“งั้นต้องทำยังไงถึงจะได้เลี้ยงพี่หมอ?”
หมอคินหันมองวาโยด้วยสายตาเย็นเยียบ
"ไม่ต้องทำยังไง"
'อืม โอเค พี่หมอแม่งไม่ให้จีบง่าย ๆ จริง ๆ ว่ะ'
กลยุทธ์ใหม่หลังจากโดนหมอคินกวนกลับแบบจัดเต็ม วาโยก็เดินกลับมาที่คณะด้วยสีหน้าครุ่นคิด
มุกกับต้าที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ในโรงอาหาร เงยหน้าขึ้นมามองทันทีที่เห็นวาโยเดินมาด้วยสีหน้าที่เหมือนเพิ่งผ่านศึกหนัก
“เป็นไงวะ?” ต้าถามพลางขยับจานข้าวให้เพื่อนนั่งลง
วาโยทิ้งตัวลงนั่งแล้วถอนหายใจเฮือก
"พี่หมอแม่ง…กูว่ากูแพ้รอบนี้ว่ะ"
มุกหัวเราะออกมา
“ทำไมวะ หมอเล่นกลับอีกแล้วเหรอ?”
วาโยพยักหน้า
“เออ…กูถามว่าถ้าจะเลี้ยงข้าวต้องทำไง พี่หมอบอกว่าไม่ต้องทำยังไง”
ต้ากับมุกมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะพรืด
"เชี่ย หมอแม่งตัดทุกทางเลยว่ะ" ต้าส่ายหัว
มุกยิ้มขำ “แล้วมึงจะทำไงต่อ?”
วาโยเท้าคาง
“กูกำลังคิดอยู่ ว่าถ้าหมอไม่ให้กูจีบตรง ๆ กูก็ต้องเปลี่ยนวิธี”
ต้าตาเป็นประกาย
“โอ้โห นี่จะเล่นเกมจีบหมอแบบเป็นเรื่องเป็นราวแล้วสินะ”
มุกขำพรืด
“งั้นมึงต้องหาข้ออ้างดี ๆ ที่ไม่ใช่แค่จีบแล้วล่ะ”
วาโยยิ้มกว้าง
“กูก็คิดไว้แล้วเหมือนกัน”
เช้าวันใหม่ที่โรงพยาบาลมหาราช หมอคินเดินตรงมาที่โซนลานจอดรถหลังจากแวะซื้อ
กาแฟจากร้านประจำ พอกำลังจะเดินเข้าตึกโรงพยาบาล เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นก่อนจะเห็นคนที่เขาเริ่มคุ้นหน้ามากเกินไปในช่วงนี้
“พี่หมอ!”
หมอคินหยุดเดินแล้วหันไปมองวาโยยืนอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้หมอคินต้องสงสัยว่าเด็กคนนี้เอาพลังงานมาจากไหน
“คุณมาทำอะไรอีก?” หมอคินถามเสียงเรียบ
“มารับพี่หมอไปที่คณะวิดวะ”
หมอคินเลิกคิ้ว
“แล้วผมต้องไปทำไม?”
“ก็นี่ไง เหตุผลที่พี่หมออยากได้”
วาโยกอดอกแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ผมมีโปรเจกต์เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ อยากให้พี่หมอไปดูด้วยกัน ถือว่าเป็นงานวิชาการ ไม่ใช่แค่เรื่องจีบ”
หมอคินมองหน้าวาโยเงียบ ๆ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“ไม่ว่าง”
รอยยิ้มของวาโยแผ่วลงเล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมแพ้
“พี่หมอไม่ลองคิดดูก่อนเหรอ?”
หมอคินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“ผมต้องรีบเข้าเวร”
'โอ้โห ปฏิเสธกันตรง ๆ แบบไม่มีจังหวะให้ตั้งตัวเลยว่ะ' วาโยพยายามเก็บอาการผิดหวังเอาไว้
“โอเค เข้าใจละ พี่หมอทำงานหนักนี่เนอะ”
หมอคินพยักหน้า
"ผมว่าคุณรีบกลับไปคณะเหอะ ไม่ต้องเสียเวลา"
วาโยหัวเราะเบา ๆ
“แต่พี่หมอรู้ใช่ไหมว่าผมไม่คิดว่าเป็นการเสียเวลา”
หมอคินเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“รู้” แต่ก็ยังคงยืนยันคำเดิม
“แต่ผมก็ยังไม่ไปอยู่ดี”
วาโยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมยกธงขาวให้กับการชวนหมอคินไปคณะวันนี้
“งั้น…พี่หมอรีบเข้าเวรเถอะครับ”
หมอคินพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในตึกโรงพยาบาล ทิ้งให้วาโยยืนอยู่ที่เดิม มองตามแผ่นหลังกว้างของหมอคิน
“เออว่ะ วันนี้หมอแม่งนิ่ง” วาโยพึมพำกับตัวเอง
หลังจากพลาดเป้ากับหมอคิน วาโยก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับคณะอย่างเสียไม่ได้ มุกกับต้าที่รออยู่ที่โรงอาหารก็เดาได้ทันทีว่าแผนของเพื่อนล้มเหลว
“ไง วันนี้เป็นไง?” ต้าถามขึ้น
วาโยทรุดตัวลงนั่ง ถอนหายใจ
“พี่หมอแม่งไม่ว่าง ต้องเข้าเวร”
มุกกอดอก
“มึงไปหาเขาตอนเช้า มึงคิดว่าโรงพยาบาลไม่มีคนไข้เหรอ?”
“กูคิดว่าหมอน่าจะมีวันว่างบ้างไง”
ต้าหัวเราะพรืด
“แต่หมอไม่ว่างกับมึงไง”
วาโยตีหน้ามุ่ย
"เออ กูรู้แล้ว ไม่ต้องซ้ำเติมกู"
มุกเท้าคางมองหน้าเพื่อน
"ไงล่ะ ถอยเลยดีไหม"
วาโยนิ่งไปสักพัก ก่อนจะส่ายหัว
“ไม่ กูจะยังไม่ถอย”
ต้าชูนิ้วโป้งให้
“สุดยอด! งั้นมึงก็ต้องหาทางใหม่แล้วล่ะ”
มุกพยักหน้า
“ถ้าหมอคินไม่มาที่คณะ มึงต้องหาวิธีเจอหมอโดยที่ไม่ใช่โรงพยาบาล”
วาโยขมวดคิ้วพลางคิด
“ที่ไหนวะ?”
ต้านิ่งไปก่อนจะพูดขึ้น
“อืม…มึงรู้ใช่ไหมว่าหมอคินมีตารางเวรยังไง?”
วาโยพยักหน้า
“เออ กูพอจะรู้ว่าเขาเข้าเวรกี่โมง เลิกกี่โมง”
มุกกระตุกยิ้ม
“งั้นก็แค่หาที่ ๆ หมอคินไปหลังเลิกงาน หรือที่ ๆ หมอไปบ่อย ๆ”
วาโยนิ่งไป ก่อนจะค่อย ๆ หรี่ตาอย่างมีแผน
“…กูรู้แล้วว่าหมอไปไหนบ่อย”
หลังจากวันนั้น วาโยเริ่มมาเฝ้าร้านกาแฟที่หมอคินแวะมาทุกเช้า
ช่วงสาย ๆ ของวัน หมอคินเดินเข้ามาในร้านกาแฟข้างโรงพยาบาลตามปกติ แต่พอเดินเข้ามาก็เห็นว่ามีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตานั่งอยู่ที่โต๊ะติดกระจก
วาโย นั่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับกาแฟในมือและรอยยิ้มที่ดูยังไงก็มีแผน
หมอคินถอนหายใจเบา ๆ
“…อีกแล้วเหรอ?”
วาโยยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
"ก็พี่หมอไม่ไปคณะ ผมเลยต้องมาหาพี่หมอเอง"
หมอคินหยิบเมนูขึ้นมาอ่าน
“คุณดูเหมือนจะมีเวลาว่างเยอะกว่าที่คิด”
“พี่หมอก็ยังมีเวลามาร้านกาแฟนี่”
หมอคินปรายตามอง
“แต่ผมมาดื่มกาแฟ ไม่ได้ใช้เวลาแบบไร้ประโยชน์"
วาโยหัวเราะ
"เอ้า พี่หมอ นี่ผมก็ไม่ได้ใช้เวลาไร้ประโยชน์นะ"
หมอคินไม่ได้ตอบอะไร แค่หันไปสั่งกาแฟกับพนักงาน แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะข้าง ๆ
วาโยเหลือบมองก่อนจะพูดขึ้น
"ครั้งนี้ ผมไม่ได้มาจีบหมอนะ"
หมอคินเลิกคิ้ว
"แล้วคุณมาทำไม"
“ก็แค่อยากเจอ”
วาโยพูดตรง ๆ
หมอคินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบแก้วกาแฟที่พนักงานมาเสิร์ฟ จิบมันอย่างใจเย็น ก่อนจะตอบกลับมาสั้น ๆ
“…ความพยายามของคุณยังไม่ผ่าน”
วาโยกระพริบตาปริบ ๆ
"อ้าว นี่พี่หมอมีเกณฑ์วัดด้วยเหรอเนี่ย?”
หมอคินกระตุกยิ้มบาง ๆ “แน่นอน”
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะผ่าน?”
หมอคินวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ
“ต้องทำให้ผมสนใจมากกว่านี้”
วาโยเผลอยิ้มกว้างขึ้นมา
“เชี่ยยย หมอแม่งไม่ได้ปิดประตูใส่หน้าแล้วว่ะ”
สองวันถัดมา
ช่วงเย็นของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสงแดดสีทองอ่อน ๆ ส่องลอดผ่านกิ่งไม้ ลมเย็น ๆ พัดผ่านทำให้
บรรยากาศสดชื่นกว่าตอนกลางวัน วาโยกำลังเดินเตร็ดเตร่กับ มุก และ ต้า หลังจากเลิกเรียน ทั้งสามคนไม่มีคลาสต่อ เลยพากันเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ตามถนนเส้นหลักของมหา’ ลัย แถว ๆ โซนโรงอาหารกลาง
“เฮ้อ กูเบื่อว่ะ งานโปรเจกต์แม่งก็เยอะ” มุกบ่นขณะเปิดดูโน้ตในโทรศัพท์
“มึงบ่นเป็นรอบที่สิบของวันแล้วมุก”
ต้าขำ
“หรือว่ามึงแค่ขี้เกียจ?”
“กูไม่ได้ขี้เกียจ กูแค่ต้องการแรงบันดาลใจ”
วาโยหัวเราะพรืด
“แรงบันดาลใจของมึงคือนอนเฉย ๆ ใช่ปะ?”
มุกกำลังจะอ้าปากเถียง แต่จู่ ๆ ตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินอยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงสแลคขายาว รองเท้าหนังสีดำเรียบสะอาดสะอ้าน เดินถือแฟ้มเอกสารเล่มบางติดมือมา ใบหน้าหล่อคมดูจริงจัง 'หมอคิน'
มุกหยุดเดินแล้วกระตุกแขนวาโยกับต้าให้หันไปมองพร้อมกัน
“เฮ้ย… หมอคิน”
วาโยเลิกคิ้ว หันไปมองตามนิ้วของมุก ก่อนจะเบิกตากว้างเล็กน้อย
" พี่หมอ"
ต้ามองตามแล้วทำหน้างง
"ทำไมหมอมาโผล่ในมอได้วะ"
มุกพยักหน้า
“เออ คณะแพทย์อยู่ข้างโรงบาลไม่ใช่เหรอ? แล้วพี่หมอมาทำไรวะ?”
วาโยหรี่ตามองบุคคลเป้าหมาย ก่อนจะตอบแบบขำ ๆ
“ก็มาหาอาจารย์มั้ง… หรือไม่ก็…” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“มาหากู”
มุกกับต้าพร้อมใจกันหันมามองวาโยด้วยสีหน้าแบบบอกว่า ‘มึงนี่มันเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว’
“กูว่าอย่างหลังนี่มึงมโนแล้วแหละ” ต้าส่ายหัวขำ ๆ
แต่วาโยไม่ได้สนใจเสียงแซวจากเพื่อน เพราะตอนนี้ในหัวมีแต่ความคิดว่า ต้องไปทักหมอคินให้ได้!
“เดี๋ยวมา!” พูดจบ วาโยก็วิ่งตรงไปหาหมอคินทันที
หมอคินเดินมาตามถนนเส้นหลักของมหา'ลัย มือข้างหนึ่งถือแฟ้มเอกสาร อีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ สายตากวาดมองรอบ ๆ เพื่อหาทางไปยังคณะเป้าหมาย แต่ยังไม่ทันจะถึงจุดเป้าหมาย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้
“พี่หมอ!” เสียงคุ้นเคยทำให้หมอคินต้องหยุดเดิน และพอหันไปก็เห็น วาโย กำลังพุ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุด ๆ หมอคินกระพริบตาช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“อีกแล้ว?”
วาโยเบรกตัวเองแทบไม่ทัน ก่อนจะยิ้มกว้าง
“เจอที่โรงบาลมันธรรมดาไปไง วันนี้เลยมาเปลี่ยนบรรยากาศ”
หมอคินมองคนตรงหน้าเงียบ ๆ
“คุณตามผมมาหรือเปล่า?”
วาโยทำหน้าตกใจใส่
“เฮ้ย ผมเปล่านะ! พี่หมอลืมรึป่าวว่าผมก็เรียนที่นี่เหมือนกัน" หมอคินมองด้วยสายตาประเมิน ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“หืม บังเอิญจริง?”
“บังเอิญแบบสุด ๆ”
หมอคินถอนหายใจอีกครั้ง
"โอเค งั้นถ้าคุณบังเอิญเจอแล้ว คุณจะทำอะไรต่อ?”
วาโยยิ้มกว้าง
“ก็ต้องทักทายดิ! ไม่งั้นเสียโอกาสแย่”
หมอคินพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“แล้วตอนนี้คุณทักแล้ว ก็กลับไปทำธุระของคุณได้แล้ว”
'เชี่ย พี่หมอไล่กูอีกแล้ว!' วาโยอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบเปลี่ยนแผน
“โห เดี๋ยวดิ แล้วพี่หมอมาทำอะไรที่มออะ?”
หมอคินเลิกคิ้วเล็กน้อย
“มาทำธุระ”
“ธุระอะไร? แหนะ.. หรือมาหาผม?”
หมอคินหรี่ตา
“คุณมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว”
วาโยหัวเราะพรืด
"ก็ถ้าพี่หมอมาหาผมจริง ๆ ผมก็ไม่ติดนะ”
ก่อนที่จะเข้าไปกระซิบใกล้ๆ
"เพราะผมก็รู้สึกว่า พี่หมอเริ่มสนใจผมบ้างแล้ว"
หมอคินส่ายหัวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบสั้น ๆ
“ผมมาหาอาจารย์”
วาโยทำหน้าเหมือนเพิ่งเข้าใจ
“อ๋ออออ…” แต่ก็ยังไม่วายถามต่อ
“แล้วพี่หมอเสร็จธุระหรือยัง?”
หมอคินเหลือบตามอง
“ยัง”
“งั้นก่อนพี่หมอไป ผมขออะไรอย่างนึงได้ไหม?”
หมอคินหรี่ตามองวาโย ก่อนจะถามกลับเสียงเรียบ
“อะไร?”
วาโยกอดอกแล้วยิ้มกว้าง
“กินข้าวกับผมก่อน”
หมอคินเงียบไปสองวินาที ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ว่าง”
“อ้าว ไรวะ!? ” วาโยย่นจมูก
“เมื่อกี้ก็ไม่ว่าง เดี๋ยวนี้ก็ไม่ว่าง เป็นหมอหรือเป็นอาจารย์วะ” หมอคินไม่ได้ตอบ แค่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
"พูดเสร็จรึยัง ผมมีธุระต้องไปทำ"
วาโยทำหน้าหงอย
“เอ้า อย่างน้อยก็ขอกาแฟสักแก้วดี”
หมอคินปรายตามองพูดเสียงแข็งก่อนจะเดินไป
"ไม่ไป"
วาโยกลอกตา
“โอเค ๆ ๆ ยอมก็ได้”
วาโยมองตามแผ่นหลังของหมอคินที่กำลังจะเดินไป แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะแซวตามหลัง
“พี่หมอรู้ใช่ไหม ว่าพี่หมอหนีผมไม่พ้นหรอก”
หมอคินชะงักฝีเท้าไปเสี้ยววินาที ก่อนจะเดินเร่งก้าวฝีเท้าเดินไป วาโยมองตามหมอคินที่เดินจากไปก่อนจะยิ้มมุมปากพึมพำกับตัวเอง
“เอาสิ… พี่หมอเล่นยากไปเหอะ ผมจะตามจีบทุกวันเลย”