หลังจากเหตุการณ์ที่ภูผาส่งคนมาสืบเรื่องราวของฉัน ความหวาดระแวงก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันไปแล้ว ทุกย่างก้าวในคฤหาสน์ของเขา ฉันต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ราวกับกำลังเดินอยู่บนคมมีด ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเปิดเผยเรื่องราวของน้องไทม์เมื่อไหร่ หรือจะใช้มันเป็นเครื่องมืออะไรอีก
ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูแลพ่อที่ห้องเช่า การได้อยู่ใกล้ท่านทำให้ฉันรู้สึกสงบและมีกำลังใจมากขึ้น พ่อของฉันเริ่มเดินได้แล้ว แม้จะยังไม่คล่องตัวนัก แต่ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี
“พ่อคะ… ลินินคิดว่าพ่อควรจะไปหาหมอตรวจร่างกายอีกครั้งนะคะ” ฉันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพ่อไอเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อดีขึ้นเยอะแล้ว” พ่อตอบยิ้ม ๆ “อย่าห่วงพ่อเลย ห่วงตัวเองดีกว่านะ”
ฉันยิ้มให้พ่อ แต่ในใจกลับถอนหายใจ ฉันไม่มีวันบอกพ่อได้หรอกว่าฉันกำลังเผชิญกับอะไรอยู่บ้าง และอีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันต้องไปหาหมอบ่อย ๆ คือการพาน้องไทม์ไปตรวจสุขภาพตามนัด ซึ่งฉันก็ต้องทำอย่างลับ ๆ เสมอ
ทุกครั้งที่ฉันกลับมาที่คฤหาสน์ของภูผา บรรยากาศก็ยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและเงียบงัน ภูผายังคงทำตัวห่างเหินเหมือนเดิม ไม่มีการพูดคุยที่มากไปกว่าเรื่องจำเป็น เขามักจะกลับบ้านดึกดื่น หรือไม่ก็ออกไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ทำให้เราแทบจะไม่ได้พบกัน
ฉันรู้สึกว่ากำแพงน้ำแข็งที่มองไม่เห็นระหว่างเราสองคนยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ฉันอยากจะพังมันลงไป อยากจะบอกความจริงทุกอย่างให้เขารู้ อยากจะอธิบายเรื่องราวในอดีตให้เขาเข้าใจ แต่ความกลัวก็ยังคงครอบงำฉันไว้
ในคืนหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านห้องทำงานของภูผา ฉันเห็นประตูเปิดแง้มอยู่ แสงไฟสว่างโร่อยู่ภายใน ฉันได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์ น้ำเสียงของเขาฟังดูเคร่งเครียด
“ยังไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ฉันต้องการความคืบหน้ามากกว่านี้”
ฉันชะงักฝีเท้าทันที หัวใจของฉันเต้นรัวอีกครั้ง เขายังคงสืบเรื่องฉันอยู่!
“ฉันต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ ลินิน” เสียงของภูผาดังออกมาจากห้องทำงานอย่างชัดเจน “ไม่ว่าเธอจะปิดบังอะไรไว้ ฉันก็จะหาทางรู้ให้ได้”
คำพูดของเขาเหมือนมีดที่กรีดลงบนบาดแผลเดิม ๆ ของฉัน ฉันรู้ดีว่าความลับของน้องไทม์กำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า และเมื่อวันนั้นมาถึง ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ฉันรีบเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความรู้สึกอ่อนล้าและหวาดกลัว
‘ฉันควรจะทำอย่างไรดี’ ฉันถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ‘ฉันควรจะบอกความจริงกับเขาดีไหม หรือจะรอให้เขาค้นพบด้วยตัวเอง’
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์บนท้องฟ้าดูมืดหม่นกว่าปกติ เหมือนกับหัวใจของฉันในตอนนี้
ฉันรู้ดีว่ายิ่งฉันปกปิดความลับนี้ไว้นานเท่าไหร่ เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ความเจ็บปวดก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แต่ในเวลานี้ ฉันยังไม่พร้อมที่จะยอมรับผลที่ตามมา
ฉันได้แต่ภาวนาให้ฉันมีเวลามากพอที่จะเตรียมใจรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น และหวังว่าฉันจะสามารถปกป้องลูกชายของฉันจากอันตรายใด ๆ ได้