บทที่ 1 เรื่องราวแรกเริ่ม

2262 Words
ชั้นบนสุดของตึก A.p. company มุกตาพา บริรักษ์ ประธานกรรมการใหญ่ของ A.p. company นักธุรกิจหญิงหม้ายที่ทั้งสวยมีเสน่ห์และเก่งกาจในการทำธุรกิจ ขณะที่อายุเพียง 28 ปี แต่ได้นั่งแท่นผู้บริหารเต็มตัว แต่ว่าความสามารถของเธอนั้นไม่น้อยเหมือนกับอายุ ด้วยเพราะเธอถูกสอนฝึกฝน การทำธุรกิจ จากนักธุรกิจที่เก่งที่สุดถึง 2 คน นั่นก็คือ คุณอำนาจ สามีและ คุณมนตรี ผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอสามารถที่จะอยู่บนเส้นทางนักธุรกิจได้อย่างดี มุกตาพานั่งเซ็นต์เอกสารที่กองอยู่เต็มโต๊ะ หลังจากที่เธอเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัว แทนนายอำนาจ บริรักษ์ ผู้เป็นสามีที่เสียชีวิตเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลายเป็น นักธุรกิจหญิงแกร่งผู้รับช่วงต่อธุรกิจทุกอย่างของสามีของเธอ เมื่อเซ็นต์เอกสารทุกอย่างเสร็จแล้ว มุกตาพาต้องเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยความเมื่อย พร้อมกับหลับตานิ่ง และก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เวลาที่เธอได้ปล่อยให้สมองพักเรื่องงาน ก็จะมีเรื่องราวเมื่อ 8 ปีก่อนเข้ามาในความคิดของเธอ เสมอ เรื่องราวความรัก สมัยที่เธอยังคงเป็นวัยรุ่น เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เรียกว่าเป็นความรักที่สวยงาม และยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดมา ถึงแม้ว่าระหว่างเธอกับเขา จะไม่แม้แต่จะเอ่ยคำลาก็ตาม เพราะหลังจากติดต่อเขาไม่ได้ในครั้งนั้นก็เหมือนกับการจากลาโดยถาวร เพราะทั้งสองไม่เคยติดต่อกันอีกเลยและเธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง 8 ปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยชื่อดังมุกตาพา นักศึกษาปี 4 เอกบริหารธุรกิจ กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ บริเวณนี่เป็นที่ ที่เธอชอบมานั่งประจำ เพราะความเงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน แต่ว่าวันนี้เธออ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย นั่นเป็นเพราะสมองของเธอยังนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าก่อนที่เธอจะออกจากบ้าน “มุกใกล้จะสอบเสร็จแล้วใช่ไหม”คุณมนตรีเอ่ยถามบุตรสาวเพียงคนเดียวขณะที่นั่งทานข้าวต้มในตอนเช้า “ค่ะคุณพ่อ สอบอีก 3 วิชาก็เสร็จแล้ว และก็จบแล้วค่ะ”มุกตาพาตอบผู้เป็นพ่อขณะที่นั่งทานข้าวต้มที่แม่บ้านตักมาให้ “ดีเลย เมื่อสอบเสร็จแล้ว จะได้คุยเรื่องแต่งงานเลย” คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้มือที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากต้องชะงักและเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ “อะไรนะคะคุณพ่อ แต่งงาน ใครจะแต่งงานนะคะ”มุกตาพาถามด้วยความสงสัย ในคำพูดของผู้เป็นพ่อ “ก็ลูกไง “ “คะ! มุกเหรอคะ “ “ใช่ ลูก “ “แต่งกับใครคะคุณพ่อ คุณพ่อล้อเล่นใช่ไหมค่ะไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ” “แต่งกับอา อำนาจ” “อะไรนะคะ คุณพ่อ อาอำนาจ เพื่อนคุณพ่อนะเหรอคะ” เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ผู้เป็นพ่อบอก มุกตาพาต้องเอ่ยถามด้วยความตกใจ เพราะคนที่พ่อของเธอบอกนั้นคือคุณอำนาจที่เป็นเพื่อนของพ่อเธอ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนรุ่นน้องก็เถอะ แต่อายุ ก็ห่างกับเธอเกือบ 2 รอบ “ใช่ คุณอาอำนาจเพื่อนของพ่อ”คุณมนตรีตอบรับเสียงเข้ม และสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด “แต่คนพ่อคะ ทำไมมุกต้องแต่งด้วยละค่ะ “ “มุก เรื่องนี้พ่อมีเหตุผลนะ “ “เหตุผลอะไรค่ะคุณพ่อ คุณพ่อจะให้มุกแต่งงานกับคนรุ่นพ่อนี่เหรอค่ะ มันจะมีเหตุผลอะไรที่สำคัญถึงขนาดนั้นคะ” “มุก ฟังพ่อนะ ตอนนี้ คุณอาอำนาจ กำลังป่วยหนักมากและมุกก็รู้ว่าอาอำนาจไม่มีใคร มีญาติก็เป็นเพียงญาติที่คอยแต่จะหวังผลประโยชน์จากท่านเท่านั้น ไม่มีใครที่หวังดีกับคุณอาด้วยความจริงใจสักคน” “ค่ะเรื่องนี้มุกรู้ค่ะคุณพ่อ แต่มันเกี่ยวอะไรกับการที่จะต้องแต่งงานกับมุกละคะ” มุกตาพาถามด้วยความสงสัยเพราะ ยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับการที่จะให้เธอแต่งงานกับท่าน อยู่แล้ว นี่นา “นั่นเป็นเพราะว่า เป็นคำขอสุดท้ายของคุณอานะสิ มุก” “แต่พ่อคะ “ “ นั่นคุณอามานั่นแล้ว คุณอาอยากคุยกับลูกเอง “ มุกตาพาหันไปมองที่ประตูตามคำบอกของผู้เป็นพ่อ และก็เห็นชายวัยกลางคนเดินเข้ามาด้านใน ใบหน้าที่ดูอิดโรย อย่างเห็นได้ชัด “สวัสดีค่ะคุณอา”มุกตาพาพนมมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม “มุก อามีเรื่องจะคุยกับมุกสักครู่ “ “ค่ะ” มุกตาพาเดินนำเขามาที่โซฟาที่ห้องรับแขก เพื่อจะได้คุยกันอย่างสะดวก “มนตรีคงจะบอกมุกแล้วเรื่องแต่งงานของเรา” “ค่ะเพิ่งบอกเมื่อสักครู่ และมุกก็อยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่ะคุณอาทำไมคุณอาถึงได้ทำแบบนี้คะ” “เรื่องนี้ ถือซะว่าอาขอร้องนะมุก ขอแค่แต่งงานจดทะเบียนในนามเท่านั้น “ “มุกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น” “มุกก็รู้ว่า อากำลังไม่สบาย และไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน และอีกอย่าง ญาติที่อามีอยู่ มุกก็รู้ว่าเป็นเช่นไรอาไม่อยากให้พวกเขาต้องมาวุ่นวายกับอา” “ถึงแม้ว่ามุกจะแต่งงานกับอาอำนาจ จะมีประโยชน์อะไรละคะ เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้วนี่คะคุณอา” “ไม่เมื่ออาแต่งงานกับมุกแล้ว สิทธิ์ขาดทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับมุกทั้งหมดและอาขอร้อง ขอให้อาได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายที่เหลืออยู่อย่างสงบเถอะนะมุก อาขอเพียงเท่านี้จริง ๆ”คุณอำนาจเอ่ยเสียงเบา ด้วยอาการเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด “แต่ว่า “ “ถือว่าอาขอร้อง มุก แต่งแค่ในนามเท่านั้น เพราะอารู้ว่า เวลาของอาเหลือไม่นานแล้ว และอาก็ไม่มีใครแล้ว ขอให้อาจากไปอย่างสงบเท่านั้นนะมุก ช่วยทำให้ความปรารถนาของอาเป็นจริง เถอะนะ อาขอร้อง” มุกตาพาได้แต่นิ่งมองหน้าผู้สูงวัย ที่เธอเห็นมาตั้งแต่เล็ก และเธอก็ผูกพันกับเขาเหมือนกับเป็นพ่อคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอ การแต่งงาน คำนี้ จะมีผลต่อเธอมาก ด้วยเพราะเธอเองก็มีคนรักอยู่แล้ว และก็วางแผนกันไว้ว่าหลังเรียนจบก็จะแต่งงานกัน และสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะทำเช่นไรดีนะ มุกตาพาได้แต่สับสนและไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี “คุณอาคะ มุกขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของมุกเลยนะคะ “ “ได้ อีก 2 วันมุกค่อยให้คำตอบอานะ แต่ อาหวังว่ามุกจะตอบตกลง เอาละอาขอไปคุยกับมนตรีก่อนนะ “ “ค่ะคุณอา “ และนั่นก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าก่อนที่เธอจะออกมามหาวิทยาลัย นั่นเอง เธอคิดทบทวน ถึงคำพูดของคุณอำนาจ และเธอก็เห็นใจท่านมาก ๆ เช่นกัน เพราะเธอรู้ว่าทำไมท่านจึงขอร้องเธอทำแบบนั้น และคุณอำนาจพูดเสมอว่า ครอบครัวของท่านมีเพียงเธอและพ่อของเธอเท่านั้น ส่วนคนอื่นนั้น มีแต่หวังประโยชน์จากทรัพย์สมบัติของท่านเพียงเท่านั้นเอง ไม่มีใครหวังดีและเป็นห่วงท่านด้วยความจริงใจเลยซักคน ขณะที่มุกตาพากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าอยู่นั้นก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกยื่นมาตรงหน้าของเธอ “ดอกไม้สวย ๆ มอบให้คนสวย ๆ ครับ “ “ขุน มุกตกใจหมดเลยค่ะ “ “นั่งคิดถึงผมอยู่หรือเปล่ามุก เหม่อลอยแบบนี้นะหือ” ขุนพลเอ่ยถามเสียงทุ้ม และเดินมานั่งใกล้ ๆ มุกตาพา และมองใบหน้าสวยของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “จ้องหน้ามุกทำไมละคะขุน ว่าแต่ไปไหนมาคะ “ “ผมไปทำเรื่องจบมานะสิ เสร็จแล้วก็รีบมาหามุกนี่ไงล่ะ คิดถึงมุกจังเลย “ขุนพลบอกอีกครั้งและส่งยิ้มหวานให้กับเธอและรอยยิ้มนั้นทำใหมุกตาพา ต้องรู้สึกเศร้า แทนที่จะดีใจและขุนพลก็เหมือนจะสังเกตุเห็นท่าทางของเธอ “มุก เป็นอะไร ดูท่าทางเครียด เรื่องสอบมีปัญหาหรือเปล่า ทำไม่หน้าตาดูไม่สบายเลย”ขุนพลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “อ้อ เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่ขุน หิวข้าวหรือยัง นี่ก็เที่ยงแล้ว เราไปทานข้าวที่โรงอาหารดีกว่าไปเถอะ “มุกตาพาบอกชายหนุ่ม และมือก็พับเก็บหนังสือที่อ่านใส่กระเป๋าสะพาย ไปด้วย “อือ ไปสิ ผมก็หิวแล้ว ไปเก็บบรรยากาศของมหาลัยให้เต็มที่ก่อนจะจบดีกว่า” “และเราจะได้คุยเรื่องของเราไปด้วย ไปเถอะ” “อือ เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องอื่นเลยไปทานข้าวกันดีกว่า มุกหิวแล้ว” มุกตาพาเอ่ยบอกและเดินตรงไปที่โรงอาหาร โดยที่ขุนพลได้แต่มองตามหลังเธอไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ มุกตาพา และ ขุนพล เป็นคู่รักที่ทุกคนต่างอิจฉา ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่อยู่ปี 1 ตอนที่คณะของขุนพลและมุกตาพา รับน้องร่วมกัน ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และ ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่กันคนละคณะ แต่ขุนพลมักจะถูกแซวเสมอว่า ตกลงแล้วเขาอยู่คณะวิศวะ หรือว่าบริหารกันแน่ เพราะ เขามักจะมาขลุกอยู่ที่คณะบริหาร เกือบจะตลอด นั่นเป็นเพราะ เขานั้น ตามจีบสาวคณะบริหารนั่นเอง และพอขึ้นปี 2 ทั้งคู่ก็ตกลงคบกัน แล้วก็กลายเป็นคู่รักที่ทุกคนอิจฉา เพราะหน้าตาสวยหล่อด้วยกันทั้งคู่ เรียกว่าเป็นดาวเดือนมหาลัยเลยก็ว่าได้ ทั้งคู่คบหาดูใจกันมาจนกระทั่งอยู่ปี 4 ก็คุยกันไว้ว่าจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกันหลังจากเรียนจบ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องคุยกันแล้ว แต่ว่าใครจะคิดว่าเรื่องราวมันจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ซะแล้วจากนี้ต่อไป สัปดาห์สุดท้ายของการเป็นนักศึกษา ตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งและวุ่นวายกับการทำเรื่องจบ จนไม่มีเวลา รวมถึงมุกตาพาและขุนพล “ มุก รู้หรือยัง คุณอาอำนาจ เข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้”คุณมนตรีเอ่ยถามบุตรสาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟารับแขก “อะไรนะคะคุณพ่อ คุณอา เข้าโรงพยาบาลอย่างนั้นหรือคะ แล้วเป็นอะไรมาหรือเปล่าคะ” “ไม่ค่อยดี นี่พ่อกำลังจะไปโรงพยาบาล มุกไปกับพ่อไหมลูก” “ค่ะ พ่อ รอมุกสักครู่ค่ะมุกไปหยิบกระเป๋าก่อน “ “อือ เร็ว ๆ นะลูก “ “ค่ะพ่อ” มุกตาพารีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องของเธอเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายแล้วก็ออกไปที่โรงพยาบาลกับคุณมนตรีผู้เป็นพ่อ เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทั้งคู่ก็ไปที่ห้องพักที่เป็นห้องพิเศษ ที่คุณอำนาจพักอยู่ “พ่อคะ เดี๋ยวมุกเดินไปซื้อ ผลไม้มาให้คุณอาก่อนดีกว่า เมื่อกี้มุกลืม เดี๋ยวพ่อเข้าไปก่อนนะคะ” “อือ ได้สิลูก รีบไปรีบมานะลูก “ “ค่ะ “ มุกตาพาเดินตรงไปที่ลิฟท์เพื่อจะลุงไปด้านล่าง แต่ขณะที่เธอเดินมาจะถึงลิฟท์ เธอก็ได้ยินเสียงของคนคุยใคร อันที่จริงก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าที่ทำให้เธอสะดุดนิ่งและยืนฟัง เพราะ หัวข้อสนทนาที่พวกเขาคุยกันจะเกี่ยวกับคุณอำนาจ “คุณ ทะนงค์ ทำไมต้องให้ฉันกับลูกมาที่นี่ด้วย ก็แค่ญาติห่าง ๆ เข้าโรงพยาบาลแค่นี้ ดูสิ โรงพยาบาลมีแต่เชื้อโรคทั้งนั้น “ หญิงสาวเอ่ยเสียงแหลมถาม “เถอะน่ามาลี คุณลืมไปแล้วหรือไงที่ผมบอก ว่า นายอำนาจ มีสมบัติมากมายมหาศาล และที่สำคัญ เขาไม่มีญาติที่ไหน นอกจากผม ถ้าเกิดเขาตายไป คุณคิดดูว่าใครจะได้สมบัตินั่น “นายทะนงค์ เอ่ยเสียงตื่นเต้น “ก็เพราะฉันคิดถึงเรื่องนี้นะสิ ฉันกับลูกถึงต้องมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นจ้างให้ฉันก็ไม่มาหรอก” “น่าอดทนหน่อยสิ อย่างน้อยก่อนตายให้ทุกคนเห็นว่าผมดูแลเขาดีที่สุด จะได้ไม่มีใครตำหนิได้ไง “ “แล้วเมื่อไหร่ จะตายซะทีละคะคุณพ่อ” “ฮึ คงจะใกล้แล้วละ ลูกแสง“ “ดี ตายเร็ว ๆ ยิ่งดี “ แสงระวีเอ่ยเสียงแหลม อย่างพอใจ กับคำพูดของผู้เป็นพ่อ ขณะที่สามคนพ่อแม่ลูกคุยกันอยู่นั้น มุกตาพาที่ยืนอยู่ได้ยินทุกคำพูด และรู้สึกโกรธกับคำพูดของพวกเขามันช่างเป็นคำพูดที่น่ารังเกียจเหลือเกิน และคิดว่าคนพวกนี้ช่างเห็นแก่ตัวจริง มุกตาพาตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปที่ห้องพักของคุณอำนาจ ทันที *************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD