มุกตาพา หยุดยืนที่หน้าห้องพักของคุณอำนาจ และหูก็เงี่ยฟังเสียงที่ดังออกมาข้างนอก
“มนตรี ฉันรู้ตัวดี ว่าคราวนี้ฉัน คงจะอยู่ได้ไม่นานแล้วละ”
“นายจะพูดบ้าแบบนี้ได้ไง อำนาจ นายจะต้องดีขึ้น หมอต้องช่วยนายได้อยู่แล้ว”
“นายไม่ต้องปลอบใจฉันหรอกนะ แต่ฉันก็อยากทำความตั้งใจของฉันให้สำเร็จอีกเรื่อง “
“ฉันรู้ แต่ฉันก็ไม่สามารถจะบังคับจิตใจของยัยมุกได้หรอกนะอำนาจ “
“ฉันรู้ว่ามันเรื่องยากที่ทำใจรับได้ แต่ว่า ฉันไม่อยากให้คนพวกนั้นเอาสมบัติที่ฉันสร้างมากับมือ ไปเป็นของพวกเขามนตรี นายก็เห็นว่าเป็นยังไง”
“ฉันรู้ว่าพวกนั้นหวังอะไรจากนาย แต่นายคิดไหมว่า ถ้าเกิดว่านายแต่งงานกับยัยมุก พวกนั้นจะมองยัยมุกยังไง”
“ฉันคิดว่า นายจัดการได้ มนตรี และยัยมุกเองก็คงจัดการได้เช่นกัน สมบัติของฉันทั้งหมด ธุระกิจที่ฉันสร้างมา ฉันยินดีที่จะมอบมันให้คนที่ฉันรักและไว้ใจ นั้นก็คือนายมนตรี ชีวิตนี้ฉันถือว่า นายกับหนูมุกคือครอบครัวของฉันเท่านั้น และฉันรู้ว่านายสามารถจะดูแลธุรกิจของฉันให้งอกงามได้ต่อไป ฉันหวังเพียงเท่านั้น”
“ฉันรู้ แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับยัยมุก อยู่ดี”
“ฉันรู้ แต่ฉันก็หวังว่าหนูมุกจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันขอมนตรี นี่ความปรารถนาครั้งสุดท้ายของฉัน และหลังจากนั้นฉันคงจะตายตาหลับแล้วละ”
คุณอำนาจเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะหอบหายใจอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้า
“นายอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย อำนาจ นายยังไม่เป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอกนะ นายรักษาตัวให้ดีก็พอ “
คุณมนตรีได้แต่เอ่ยให้กำลังใจเพื่อนรักเพียงคนเดียวของท่าน
มุกตาพาที่ยืนฟังอยู่ข้างนอก ได้แต่รู้สึกเศร้า และเธอรับรู้ถึงความห่วงและกังวลของคุณอำนาจดี และเธอก็เห็นแล้วว่าคนพวกนั้นคิดยังไงกับท่าน ก๊อก ก๊อก ก๊อก มือเล็กเคาะประตู ก่อนจะเปิดเข้าไปด้านในพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“อ้าว มุก มาแล้วเหรอทำไมเร็วจังล่ะลูก แล้วไหนผลไม้ละ “
“พอมุกเปลี่ยนใจมาหาคุณอาก่อนดีกว่านะค่ะ”
“มุก มาแล้วเหรอ “คุณอำนาจเอ่ยถามเสียงเบา
“สวัสดีค่ะคุณอา เป็นอย่างไรบ้างคะคุณอา “
“คราวนี้หนักหน่อยนะ “
“อือ เดี๋ยวก็กลับบ้านได้ หมอสมัยนี้เก่งจะตายไป นายไม่ต้องคิดมาก “
“นั่นสิค่ะคุณอา หมอสมัยนี้ เก่ง ๆ ทั้งนั้นค่ะ เดี๋ยวคุณอาก็กลับบ้านได้ค่ะ”
“หืม แต่ไม่รู้จะกลับสภาพไหนสินะ”
“คุณอาอย่าพูดแบบนั้นสิคะ ถ้าคุณอาไม่รักษาตัวให้แข็งแรง แล้วจะเป็นเจ้าบ่าวได้ยังไงกันละคะ คุณอา “
คำพูดของมุกตาพาทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองคน หันมามองที่เธอพร้อม ๆ กัน
“มุกว่าอะไรนะ อาได้ยินไม่ชัด”
“คุณอาต้องรักษาตัวให้แข็งแรง นะคะ เมื่อคุณอาออกจากโรงพยาบาลแล้ว มุกจะแต่งงานกับคุณอาค่ะ”
มุกตาพาบอกชัดเจนอีกครั้ง ทำให้ดวงตาที่อิดโรยของคุณอำนาจรื้นไปด้วยน้ำตา และรอยยิ้มบางบนใบหน้า
“พ่อขอบใจที่มุกตัดสินใจแบบนี้ลูก ทำให้ความปรารถนาของคุณอาเป็นจริง นะลูก”
“ค่ะพ่อ ก็คุณอาคือครอบครัวของเรานี่คะ มุกก็ต้องปกป้องครอบครัวเราให้ดีที่สุดค่ะ”
หลังจากกลับจากโรงพยาบาลมุกตาพา พยายามติดต่อกับขุนพลเพื่อจะบอกเรื่องนี้กับเขา แต่ว่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะ เธอติดต่อเขาไม่ได้ไม่ว่าจะสอบถามไปทางเพื่อนของเขาก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน
“คุณหายไปไหนนะขุน”มุกตาพาได้แต่บ่นพึมพำเมื่อเธอพยายามที่ติดต่อขุนพล แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย
“มุก พรุ่งนี้คุณอาอำนาจจะออกจากโรงพยาบาลแล้วนะลุก เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรับคุณอาด้วยกัน และคุยเรื่องงานแต่งงานเลย “คุณมนตรีเอ่ยบอกลูกสาว หลังจากกลับจากโรงพยาบาล
“ค่ะคุณพ่อ “
“แล้วนั่น โทรหาใครลูกท่าทางเคร่งเครียดเชียว”
“อ้อเปล่าค่ะคุณพ่อ ไม่มีอะไรค่ะ”
“อือ ไปอาบน้ำก่อนนะลูก เดี๋ยวทานข้าวด้วยกันนะ”
“ค่ะคุณพ่อ”
หลังคุยกับผู้เป็นพ่อเสร็จแล้ว มุกตาพาก็พยายามที่จะติดต่อกับขุนพล เพื่อจะบอกเรื่องแต่งงานให้เขารู้ และเธอคิดว่าคงจะทำร้ายจิตใจของเขามาก แต่ว่าถ้าเธอพูดเหตุผลกับเขา เขาก็น่าจะเข้าใจได้ ถึงความจำเป็นในครั้งนี้ของเธอ
แต่ว่าที่สำคัญตอนนี้คือเธอติดต่อขุนพลไม่ได้เลยนั่นเอง
“ขุน คุณหายไปไหน “มุกตาพาได้แต่บ่นพึมพำ และกดโทรศัพท์หาชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ติด
และนั่นคือเหตุการณ์การครั้งสุดท้ายที่เธอพยายามติดต่อเขา เพราะหลังจากนั้น เธอก็เข้าพิธีแต่งงานกับ คุณอำนาจ เพื่อนของพ่อเธอนั่นเอง เธอและคุณอำนาจแต่งงานกันได้ แค่ปีเดียว คุณอำนาจ ก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยโรคร้าย และเขาได้จัดการยกสมบัติทั้งหมดให้กับ มุกตาพา ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ว่ามันก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับญาติของท่าน โดยเฉพาะนายทะนงที่ไม่พอใจหาว่าเธอมาหลอกฮุบสมบัติของคุณอำนาจ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้สนใจ หรือให้ความสำคัญกับคนเหล่านั้น เธอเข้ามาบริหารกิจการทุกอย่างของคุณอำนาจได้เป็นอย่างดี ในฐานะประธานใหญ่และเจ้าของ และไม่มีใครที่จะตำหนิเธอได้ด้วยความสามารถของเธอ เป็นที่ประจักษ์ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
ไร่ ขุนเขา
บ้านไม้สัก 2 ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม ชั้นสองมีระเบียงยื่นออกมาด้านนอก มีโต๊ะตัวเล็ก ๆ ตั้งอยู่ พร้อมเก้าอี้ ไว้สำหรับนั่งรับลม และจิบกาแฟยามเช้า หรือว่านั่งทำงาน มีกระถางต้นไม่ตั้งเรียงราย กำลังออกดอก สวยงาม
ภายในห้องขนาดใหญ่ ร่างหนาที่นั่งอยู่โซฟาหรูในมือถือแก้วบรั่นดี หมุ่นวน เหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด
ใช่แล้ว และเขาก็คือขุนพล นั่นเอง และไร่ขุนเขาก็มีเขาเป็นเจ้าของ รวมถึง ปางไม้หลายแห่งในเชียงราย ด้วย
เมื่อเรียนจบเขาก็มารับช่วงต่อกิจการของครอบครัว แทนผู้เป็นพ่อ ที่เสียไป เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และตอนนี้เขาก็อยู่กับแม่เลี้ยงแขไข เพียงสองคน เขาทำงานหนักมากใน 2 ปีที่ผ่านมา เขาต้องเรียนรู้งานทุกอย่างเพื่อจะเป็นเสาหลักให้กับ ครอบครัวและคนงานทุกคน
จนตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและมั่นคง ทำให้ไร่ขุนเขากลับมา มีชื่อเสียง สามารถส่งผลผลิตในไร่ออกสู่ต่างประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ รวมถึงปางไม้ด้วย เรียกได้ว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลในเชียงรายในตอนนี้
หลังจากกลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ขุนพลมักจะมานั่งดื่มบรั่นดี ก่อนนอน และนึกถึงเรื่องราวของเขาครั้งนั้นที่ทำให้ชีวิตของต้องเสียสูญและมีบาดแผลอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้ที่เขาไม่อาจจะลืมได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
8 ปีที่แล้ว
เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อย ๆ กระพริบ และลืมตาโต ดวงตาคมกริบ มองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน
“รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ”
เสียงหวานเอ่ยทักทำให้ดวงตาคมกริบปรายตากลับมามองและก็เห็นหญิงสาวหน้าตาซีดเซียวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และก็มองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“คุณคือ .....”
ขุนพลเอ่ยถามและพยายาจะลุกแต่ก็ต้องรู้สึกปวดหัวมาก ๆ
“อย่าเพิ่งลุกค่ะ คุณเพิ่งฟื้น เดี๋ยวฉันเรียกพยาบาลก่อนค่ะ รอสักครู่ค่ะ “ เด็กสาวเอ่ยบอกและรีบเดินออกไปข้างนอกสักครู่ก็กลับเข้ามาพร้อมกับคุณหมอและพยาบาล
“ยังดีนะครับที่สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร นอนพักต่ออีกสัก 3 วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
คุณหมอเอ่ยบอกหลังจากตรวจร่างกายให้กับชายหนุ่มเสร็จแล้ว
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ “
หลังจากหมอและพยาบาลเดินออกไปแล้ว ขุนพลก็หันมามองใบหน้าซีดเซียวด้วยสายตาเป็นคำถาม
“คุณจำไม่ได้หรือว่า ฉันเป็นคนที่คุณช่วยจากพวกอันธพาลพวกนั้นอย่างไรละคะ”
ขุนพลนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น เขาและเพื่อน มากินเลี้ยงหลังจากเรียนจบที่ร้านอาหารกึ่งผับ และหลังจากงานเลี้ยงเลิกเขาก็แยกย้ายกับเพื่อนเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะที่เขาออกมาข้างนอก ก็เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ 3-4 คนกำลังฉุดกระชากลากถู ผู้หญิงคนหนึ่งตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องของผัวเมีย แต่เมื่อเขามองอยู่สักพัก ลักษณะท่าทาง มันไม่ใช่เรื่องผัวเมียแน่นอน เขาจึงเข้าไปถาม ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นไม่ตอบอะไร แต่กลับหันมาทำร้ายเขาแทน กลายเป็นว่าเขาโดนรุม และหนึ่งใน 4 คนก็ใช้ของแข็งตีที่หัวเขาอย่างแรงจนเขาหมดสติไป และเขาก็จำได้แค่นั้น จนกระทั่งเขามารู้สึกตัวที่นี่เวลานี้
“เธอพาฉันมาโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอฉันจำได้ว่าฉันถูกตีที่หัวหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว”
“ค่ะฉันพาคุณมาโรงพยาบาลเองค่ะ เพราะหลังจากคุณสลบไป ตำรวจก็มาพอดีค่ะ “
“เธอชื่ออะไร”
“ฉันชื่อ ภาวินี เรียก นี เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
“ฉันชื่อขุนพล เรียกว่าขุนเฉย ๆ ก็ได้ แล้วนี่ฉันสลบไปกี่วัน“
“เอ่อ 2 วัน ค่ะ แต่ว่าคุณก็รู้สึกตัวบ้างแล้วก็หลับต่อ รวม ๆ แล้วคุณนอนที่โรงพยาบาลนี่เกือบอาทิตย์แล้วค่ะ“
“อะไรนะ เกือบอาทิตย์อย่างนั้นเหรอ เธอเฝ้าฉันอยู่ที่นี่ตลอดอย่างนั้นเหรอ “
“ค่ะ เพราะฉันไม่รู้จะติดต่อญาติของคุณได้ยังไงค่ะ “
“โทรศัพท์ฉันอยู่ไหนเหรอ “
“อ้อ ฉันเก็บไว้ให้คุณ นี่ค่ะ แต่ว่าแบตหมดนะคะ”
“ฉันรบกวนให้เธอไปขอยืมที่ชาร์ทแบ็ต จากพยาบาลได้ไหม”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ “ภาวินีบอกและเดินออกไปด้านนอกและกลับเข้ามาพร้อมกับสายชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์
ขุนพล รีบเปิดโทรศัพท์ เมื่อเสียบสายชาร์ตแบ็ตได้สักครู่ เพราะตอนนี้เขาร้อนใจอยากจะโทรหามุกตาพาคนรัก เพราะเขากลัวว่าเธอจะเป็นห่วงเพราะเขาไม่ได้ติดต่อไปเกือบอาทิตย์ ป่านนี้เธอคงจะร้อนใจแย่แล้ว
“30 สายไม่ได้รับ จากมุก”
ขุนพลเอ่ยพึมพำเมื่อเห็นหน้าจอ สายเรียกเข้า และชื่อที่โชว์ก็คือมุกตาพา และเทพฤทธิ์ เพื่อนรักของเขานั่นเองเขาเปิดเข้าเมนูไลน์ ที่มีข้อความเข้า เกือบ 10 ข้อความ และก็เป็นของมุกตาพา เขาเปิดอ่านข้อความ ภาวินีเอง ก็เดินออกมานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงระเบียงห้องเพื่อที่จะไม่รบกวนเขา
“ขุน คุณอยู่ไหน มุกมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ “
“ขุนตอบมุกหน่อย”
“ขุนทำไมมุกติดต่อคุณไม่ได้”
“ขุน มุกมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณนะ “
“คุณหายไปไหนนะขุน”
“ขุนมุกขอโทษ “
“หวังว่าคุณจะไม่โกรธมุก”
“มุกขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณด้วยตัวเองมุกพยายามติดต่อคุณ”
“วันนี้ วันสุดท้ายที่มุกจะส่งข้อความหาคุณแล้วนะคะขุน”
“มุกขอให้คุณ ลืมมุกซะ และเริ่มต้นกับคนที่ดีกว่ามุกเถอะนะคะมุกรักคุณนะคะขุนลาก่อน”
ขุนพลกวาดสายตาอ่านข้อความไลน์ที่มุกตาพาส่งให้เขาในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาอ่านแต่ละประโยคด้วยความงงและสงสัย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเธอถึงส่งข้อความแปลก ๆ มาให้เขาแบบนี้ ไหนจะข้อความสุดท้ายที่เธอส่งให้เขา เป็นการบอกลาแบบนั้นด้วย มันหมายความว่ายังไงกันแน่