เฉิ่มแฉะ
ณัฐภาคย์พายานพาหนะคู่ใจของตนเคลื่อนตัวเข้าประจำที่ยังลานจอดรถยนต์ภายใต้คอนโดหรู ครู่เดียวเสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มก็เงียบลง ขณะที่เจ้าของรถยนต์หันไปมอง ‘ยัยเฉิ่มเชย’ ที่นั่งหลับคอพับคออ่อนอยู่ข้างๆ อย่างรู้สึกสมเพชเวทนาแกมกลุ้มใจ ดีอยู่อย่างที่น้ำลายไม่ไหลยืด ไม่เช่นนั้นเขาคงได้อาศัยน้ำมนต์ล้างรถแก้ซวยเป็นแน่แท้!
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว หลุบตามองไปยังสาบเสื้อเชิ้ตเนื้อหนาที่แยกออกจากกันเล็กน้อยของแก้วกัญญาแล้วก็อดคิดอย่างดูแคลนเสียไม่ได้
นี่มันสมัยไหน ถึงยังใส่เสื้อสลิปไว้ข้างในอีกชั้น เฮอะ! ข้างนอกยังหนาไม่พออีกเหรอนั่น
ใบหน้าคมคายส่ายไปมา ก่อนจะแอบพินิจพิจารณาแม่สาวเฉิ่มอีกครั้งเสียไม่ได้
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะดูอะไรที่ไม่เจริญหูเจริญตานักหรอก แต่ที่ทำให้เขาต้องหยุดคิดหยุดมองอาจเป็นเพราะหล่อนประหลาดจนดูน่าสนใจ...
หน้าตาจืดชืดไร้สารตกแต่ง หุ่นก้านผอมบางจนไม่แน่ใจว่ามีสัดส่วนแบบผู้หญิงบ้างหรือเปล่า แต่พอมองไปมองมา จะว่าไปแล้ว เวลาหลับก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย เหมือนเด็กๆ
ชายหนุ่มชะงักกับความคิดของตนเอง รีบสะบัดหน้าแรงๆ และด่าตัวเองในใจ
ท่าจะบ้า ยัยนี่นะน่ารัก...
เขาหลุบตามองหญิงสาวที่หลับลึกอีกครั้งอย่างครุ่นคิด
ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาถึงได้หลับเป็นตาย นี่ดีนะที่เป็นเขา ถ้าเป็นคนอื่นต่อให้เฉิ่มแค่ไหนก็คงไม่พ้นโดนพาเข้าม่านรูดแน่!
เขาเริ่มมองเห็นปัญหารำไร...
นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิด ที่ออกปากให้ยัยเฉิ่มมาเป็นแม่บ้านแทนการชดใช้ด้วยเงิน...
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวอยู่ครู่หนึ่งจึงปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้น
“นี่เธอ... เธอ!”
แรงสั่นสะเทือนจากไหล่ด้านหนึ่งทำให้แก้วกัญญาสะดุ้งตื่น หญิงสาวลืมตามอง หน้าตาตื่นพลางชะเง้อออกไปด้านนอกรถอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าบัดนี้รถยนต์ไม่ได้อยู่บนท้องถนนอีกต่อไป จึงหันไปมองคนข้างๆ แล้วก็ต้องนิ่งงัน เมื่อสบตาคมกริบเจ้าของใบหน้าคมขรึมนั่งมองหล่อนอย่างเอาเรื่อง หญิงสาวหลบตาแล้วพึมพำเสียงเบาหวิว
“เอ่อ ขอโทษค่ะลูกแก้วเผลอหลับนานไปหน่อย” หล่อนมองเขาอย่างขอโทษ
“ไม่หน่อยหรอก ก็แค่ตั้งแต่ขึ้นรถมาจนถึงนี่แหละ!” เขาแขวะก่อนจะหันไปเปิดประตูรถแล้วก้าวออกไป แต่แล้วครู่หนึ่งเขาก็ต้องก้มลงไปมองคนในรถยนต์ แล้วนับหนึ่งถึงสิบจึงบอกกับร่างที่นั่งหันรีหันขวางอย่างสังเวชตนเองสุดขีด
“นี่เธอลงมาสิ ถึงแล้ว” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ปิดประตูด้านคนขับจนสะเทือนไปทั้งคัน แก้วกัญญารีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงมายืนด้านข้างก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือที่สุดผิดกับชายหนุ่มลิบลับ หญิงสาวดึงกระเป๋าสะพายใบเล็กมากอดไว้แน่นราวกับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ต้องหวงแหนไว้ยิ่งชีพ
ณัฐภาคย์มองด้วยสายตาคมดุก่อนจะกดล็อก แล้วเดินนำเข้าไปในตัวอาคาร ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานยืนทำหน้าที่อยู่ ชายหนุ่มจึงหยุดทักทายพนักงานสาวอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะคุณแสบ ไม่เจอคุณแสบนานเลยนะคะ”
พนักงานสาวสวยมองเลยไปยังหญิงสาวตัวเล็กหน้าจืดที่มาหยุดยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มด้วยสายตาซอกแซก
“เพิ่งกลับจากต่างประเทศครับ แต่คราวนี้คงจะอยู่นานครับ ว่าจะพักผ่อนบ้าง ไงผมขอตัวก่อนนะครับ” ณัฐภาคย์เดินนำไปยังลิฟต์ด้านข้าง ในขณะที่แก้วกัญญายิ้มให้กับพนักงานสาวสวยก่อนจะเดินแกมวิ่งตามไป โดยมีสายตาอยากรู้อยากเห็นของพนักงานคนเดิมมองตามไปติดๆ
ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นณัฐภาคย์พาใครมาที่ห้องชุดขนาดใหญ่ราคาสูงลิบของเขาสักครั้ง แล้วเหตุใดคราวนี้ถึงพามาได้ หรือว่าจะเป็นแฟน พนักงานสาวคิดย่นหัวคิ้ว
แต่ไม่น่าใช่ เพราะคู่ควงเขาแต่ละคนระดับดารานางแบบไม่ก็ลูกเศรษฐีทั้งนั้น แบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือว่าจะเปลี่ยนรสนิยม ฮื้อ… บ้า หน้าตาท่าทางแบบนี้อย่างดีก็แค่คนรับใช้!!
คิดได้ดังนั้นแม่สาวขี้สงสัยก็ก้มหน้าก้มตาลงทำงานต่อ แต่ในใจยังคิดว่าถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องขยาย...
ณัฐภาคย์ก้าวเข้าไปในลิฟต์โดยมีแก้วกัญญาตามเข้ามาติดๆ หญิงสาวใจเต้นรัว ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้มาเหยียบห้องพักของผู้ชายในฝัน นี่ถ้าเอาไปเล่าก็คงไม่มีใครเชื่อ ขณะเดียวกันชายหนุ่มหลุบตาลงมองผมสีดำขลับเป็นเงางามที่ผูกไว้เป็นหางม้ายาวถึงกลางแผ่นหลังแล้วตวัดสายตากลับมายังใบหน้าเรียว ไล้สายตามองจมูกโด่งเล็ก แก้มสีซีดและสุดท้ายริมฝีปากบางอิ่มพลางคิดไปว่าถ้าได้จูบจะให้ความรู้สึกเช่นไร หวาน ซาบซ่านหรือว่าจืดชืด...
ความคิดสะดุดลงเป็นครั้งที่สอง ใบหน้าคมบึ้งตึงอย่างหงุดหงิดตัวเอง สองครั้งแล้วที่คิดไม่ได้เรื่อง เจ้าของร่างสูงใหญ่ยืดตัวตรงเมื่อลิฟต์จะเปิด
“ห้องอยู่ชั้นยี่สิบเก้านะ บอกไว้ก่อน คราวหน้าจะได้ขึ้นมาถูก ฉันจะบอกพนักงานข้างล่างให้ว่าเธอมาทำอะไร เพราะที่นี่มีมาตรการไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าหากไม่ได้รับอนุญาต”
แก้วกัญญารับคำเบาๆ พร้อมกับก้าวตามณัฐภาคย์ออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องชุดที่มีเขาเป็นเจ้าของก่อนจะหยุดไขกุญแจ แล้วหันมามองหล่อนนิดหนึ่งก่อนจะดันประตูให้เปิดกว้าง
“เข้ามาสิ”
หญิงสาวมองเข้าไปด้วยความรู้สึกทึ่งกับความโอ่อ่า
โอ้โห สวยชะมัด นี่มันเทียบเท่ากับบ้านหลังหนึ่งเชียวนะ ใหญ่กว่าห้องเราสักสิบเท่าได้มั้ง!
หญิงสาวได้แค่รำพึงรำพันในใจอย่างตื่นเต้น
“จะยืนมองอีกนานไหม” เสียงทุ้มแทรกขึ้นทำลายความตื่นตะลึงของแก้วกัญญา “เร็วเข้า ฉันเหนื่อยอยากพักเต็มที”
หญิงสาวยิ้มแหย ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องแล้วหันไปกดล็อกประตูตามคำสั่งของเขา
แก้วกัญญาหยุดหมุนตัวอยู่กลางห้องรับแขกขนาดปานกลาง เครื่องประดับส่วนใหญ่ที่วางโชว์อยู่นั้นบ่งบอกถึงรสนิยมเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันร่างสูงก็เดินออกมาจากอีกห้องหนึ่ง
“นี่เธอ... ฉันลืมอะไรไปอย่าง เธอชื่อเต็มๆ ว่าอะไรนะ”
นอกจาก ‘ยัยเฉิ่ม’ ฉายาที่เขาใช้เรียกหล่อนแล้ว ณัฐภาคย์ก็ไม่เคยสนใจจะรู้จักหล่อนจริงจังอีกจนกระทั่งเวลานี้ ที่เขาจำเป็นต้องรู้เอาไว้
“ชื่อแก้วกัญญาค่ะ ชื่อเล่นลูกแก้ว เรียกลูกแก้วก็ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้พลางบอก
“โอเค.ลูกแก้ว อุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ห้องเล็กซ้ายมือนะ ตอนนี้ก็หกโมงครึ่งแล้ว รีบๆ ทำก็แล้วกันเดี๋ยวจะ…”
ณัฐภาคย์กล่าวไม่ทันจบ แก้วกัญญากลับทำตาโตพร้อมอุทานออกมา
“ตายแล้ว!”
มือเล็กเปิดกระเป๋าราคาถูกแล้วหยิบโทรศัพท์คู่ชีพของหล่อนขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้าแล้วยิ้มแหยให้เขาเป็นการขออนุญาตพร้อมกดโทร.ออกทันที ชายหนุ่มถอนหายใจยาว มองหล่อนคุยโทรศัพท์พร้อมกับยกมือล้วงกระเป๋ากางเกง
“ค่ะ ขอโทษนะคะ ลูกแก้วจำเป็นจริงๆ ค่ะ” แก้วกัญญาพูดพลางเหลือบตามองคนที่ยืนตรงหน้าก่อนจะก้มลงพูดโทรศัพท์อีกครั้ง
“วันนี้คงต้องลาค่ะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” แก้วกัญญาเก็บโทรศัพท์รุ่นเก่าเข้ากระเป๋า ก่อนจะหันกลับมารับคำสั่งเขาอีกครั้ง
“เอาละ ก็อย่างที่บอกแต่แรก ว่าแต่เธอทำอะไรถึงได้ต้องโทร.ไปลา”
แก้วกัญญามองเขาตาปริบๆ พลางนึกต่อว่าตนเองในใจ
บ้าจังทำไมใจเต้นแรงไม่หยุดนะ เดี๋ยวเขาก็รู้ว่าเราตื่นเต้นหรอก
“ลูกแก้วทำงานร้านเช่าหนังสือค่ะ อาทิตย์หนึ่งทำหกวัน จะหยุดวันไหนก็ได้ พี่เขาให้หยุดหนึ่งวัน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้
“แล้วทำกี่โมง”
“ทำตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืนค่ะ”
คำตอบที่ได้รับทำให้เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปนิด แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้รู้สึกเห็นใจ แล้วพยักหน้ารับรู้พลางบอก
“เอาละ เธอไปผสมน้ำอุ่นให้ฉันก่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำ เหนียวตัวเต็มที” เขาพูดแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ด้านขวามือ ทำให้แก้วกัญญาใจเต้นแรงอีกครั้ง
ผสมน้ำเหรอ ทำไง? ตกลงให้มาเป็นแม่บ้านหรือคนใช้ หรือว่าทั้งสองอย่างมันคือตำแหน่งเดียวกัน!