"เป้ เป้"
เสียงสดใสของคนหน้ากลม เรียกพร้อมเขย่าตัวเพื่อนคู่กายที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
"เป้...... พี่พรายมา"
คนร่างเล็กผมสั้นที่เคยสั่นกลัวถึงกับโผล่หัวออกจากผ้าห่มแล้วมองไปทางประตูด้านหน้า
"มา? มาได้ไง คนไหน"
"ร่างบางหน้าหวานไง"
ส้มแผ่นพูดอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเสียงจะถึงคู่กรณีที่พึ่งทะเลาะกันมารวมทั้งผีร้ายที่หมายปองเธอด้วย
"หูยยยยย"
"ส่วนคนข้างหลังที่นั่งคุกเข่าข้างนึงนั่น ผัวเขา"
"หูยยยยยยยยยย"
ปูเป้ครางฮือตาเป็นประกายพร้อมกับยกมือขึ้นอังทั้งสองแก้มเหมือนคนเขิลอาย
"หล่อล่ำกับหล่อบางเลยผัวเมียคู่นี้"
"ใช่มะ กูบอกแล้ว"
ตอนนี้ดูเหมือนว่าผีร้ายและอาถรรพ์รอบกายจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปทันทีความสนใจของทั้งคู่ไปอยู่ที่คู่จิ้นที่อยู่ตรงหน้าแทน
ส่วนอีกด้านหลังจากที่คู่หูคู่จิ้นของส้มแผ่นใช้ความพยายามอยู่หลายรอบในที่สุดกายละเอียดของพวกเขาก็มาอยู่ถูกที่ซะที ในครั้งแรกเขาไปโผล่ที่วัดข้างเคียงเนื่องจากจำชื่อวัดผิดและครั้งถัดมาก็ไปโผล่ที่ห้องน้ำหญิงที่อยู่ถัดออกไปเนื่องจากส้มแผ่นตัวดีทิ้งสร้อยคอที่พรายให้ไว้ในนั้น
แต่โชคดีหน่อยที่จังหวะโผล่มาพวกเขาทั้งสองได้ยินเสียงกรี๊ดของพวกที่อยู่ในศาลานี้จึงทำให้จับทิศถูกในครั้งที่สาม และทำให้ทั้งสองโผล่มายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับใช้ตรีนถีบผีร้ายผมยาวปรกหน้ากระเด็นออกไปได้ทันก่อนที่มันจะเข้ามา
ตอนนี้มันเริ่มก้าวเท้าเดินไปทางซ้ายทีขวาทีเหมือนจะลังเลว่าจะไปยังทิศทางใด
"พรายรีบเหอะ ธูปจะหมดดอกแล้ว"
"เออ"
คนร่างสูงหลับตาพร้อมกับยกสองมือขึ้นมาพนมโดยไม่สนต่อสายตาที่มองมาจากรอบห้องว่าเขาทั้งคู่โผล่มาได้ไง แต่ถ้าใครมีสติแล้วเพ่งมองให้ชัดๆก็จะพบว่า ร่างกายของพวกเขามันจางจนสามารถมองทะลุผ่านไปได้เพียงแต่ต้องสังเกตุให้ดีๆ
พะ กะ สะ จะ
กะ สะ จะ พะ
สะ จะ พะ กะ
จะ พะ กะ สะ
อะ จะ ฉะ พะ พะ ยะ
มอ ระ นัง พระ เว
ชายร่างสูงที่อยู่ในเสื้อยืดสีดำที่มีข้อความเสื้อตัวนี้สีชมพู กางสองเท้าที่เปล่าเปลือยแยกออกจากกันแล้วจิกนิ้วลงกับพื้นไม้กระดาน ก่อนที่จะใช้มือขวามาลูบที่สันฝ่ามือข้างซ้ายพร้อมหลับตารวบรวมสมาธิ
นิ่งเงียบไปครู่ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาด้วยอาการผิดหวังหันมาบอกกับคนหน้าเหลี่ยมหุ่นล่ำที่คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ด้านหลัง
"ข้างซ้ายปลุกไม่ขึ้นวะเหมือนของเสื่อม"
"มึงมันสำส่อน" เสียงผู้หญิงออกดุดังกังวาลก้องในโสตประสาทของทั้งคู่อย่างทันควัน
'แม่หยา'
"งั้นลองอีกข้างเร็วพราย ฤกษ์ดีใกล้หมดแล้ว"
จอหม่องรีบเตือนเมื่อเห็นท่าว่าจะคว้าน้ำเหลวเสียแล้วจากนั้นก็ก้มหน้าลงขมวดคิ้วดูกระดานชะนวน
พรายหน้าหวานเปลี่ยนเป็นใช้มือซ้ายมาลูบสันฝ่ามือข้างขวาพร้อมกับหลับตารวบรวมสมาธิไปด้วย สายลมวูบหนึ่งพัดจากซ้ายมาขวาจนทุกคนที่อยู่ในห้องสัมผัสได้ถึงความเย็นอย่างเฉียบพลันและที่มันประหลาดกว่าคือตอนนี้หน้าต่างทุกบานปิดสนิท
รอยยิ้มหวานๆของหนุ่มร่างบางปรากฎบนในหน้านั้น เขาพยักหน้าให้คู่หูสุดล่ำ
ฝ่ามือข้างขวาของเขาตอนนี้มันต่างจากข้างซ้ายอย่างสิ้นเชิงมันร้อนผ่าวราวถูกเผาด้วยกองไฟ
จอหม่องหน้าคมขีดเขียนบางอย่างลงบนกระดานชะนวนแต่เหมือนจะยังไม่ได้ฤกษ์ที่ดีพอ เขาเอามือล้วงกระเป๋าหยิบลูกเต๋าออกมาทอยลงพื้นท่ามกลางสายตาของทั้งห้องที่มองมาอย่างสงสัย และในขณะที่ทั้งคู่กำลังตระเตรียมการ
แกรกกกกกก
ครืดดดดดดดดดดดดดด
แกรกกกกกก
เสียงลากเท้าหนักๆจากด้านนอกเริ่มดังอีกครั้งมันเดินจากด้านหน้ามุ่งไประเบียงฝั่งขวาซึ่งเป็นด้านที่ส้มแผ่นอยู่เหมือนมันจะมีความเอ็นดูนางเป็นพิเศษ
แต่เสียงทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกกลบลงด้วยเสียงลูกเต๋าของจอหม่องที่สะท้านลงพื้นอย่างกังวาลมันกังวาลจนกลบทุกสรรพสิ่ง แต่ก็เป็นแค่เพียงชั่วเวลาสั้นๆเท่านั้น
"ตีสองสิบเจ็ดนาที เสี่ยงทายลูกเต๋าสามลูก หก หก ห้า เท่ากับ สิบเจ็ด ตำราว่า ฤกษ์ดาวเพลิง โบราณเรียก ฤกษ์ตื่นแห่งเทวา เป็นห้วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ผู้ใดได้ฤกษ์นี้มาครอบครอง ขอเพียงตั้งจิตให้มั่น ฟ้าเบื้องบนจักเปิดทางให้สำเร็จ
ตอนนี้แหละพรายฤกษ์ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ดูมือกูให้ดีทีเดียวให้จบไม่มีเวลาแล้ว"
"เออสักทีเถอะ จะให้ล้างป่าช้ายังได้มือกูนี่ร้อนจนจะไหม้แล้ว"
เสียงพรายหน้าหวานตอบมาอย่างเร่งรีบเพราะตอนนี้เขารู้สึกร้อนที่ฝ่ามือเต็มที ร่างสูงหันมองตามทิศทางของเสียง แกรกกกก ครืดดดดด ที่ดังอยู่ด้านนอก ตอนนี้มันอ้อมไปทางขวาใกล้ส้มแผ่นเข้าไปทุกที ซึ่งสาวหน้ากลมกับเพื่อนหน้าเรียวของเธอกำลังมองมาที่เขาเช่นกันแต่มันเป็นการมองแบบ...แบบที่เขารู้ว่าสองคนนั้นกำลังจิ้นวายสมองไหลอยู่แน่นอน
"ส้ม"
"หือ"
"มึงดูพี่จอหม่องดิ เขาจับเอวพี่ร่างบางด้วย"
"สกินชิพน่ะ สองคนนี้นะเวลาไปไหนตัวนี้พันกันตลอด"
"หูยยยยยยยย"
"เวลาอยู่ในร้านนะอย่างนัวร์เลยเป้"
"หูยยยยยยยยยยยย"
จากนั้นทั้งคู่ก็ดีดดิ้นตีขากับพื้นใช้มือบิดผ้าห่มที่เคยคลุมกายพันเป็นเกลียวด้วยอาการเขินอาย
"มันน่าปล่อยให้ผีหักคอจริงๆ"
พรายหน้าหวานบ่นพึมพำกับตัวเอง
เสียงหมาหอนและสายลมที่เงียบหายไปสักพักตอนนี้มันถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง ในความรู้สึกพ่อหมอพรายเหมือนกับว่าหมาทั้งอำเภอมันมารวมตัวกันอยู่รอบเรือน พอตัวหนึ่งหอนตัวที่เหลือก็หอนตามอย่างโหยหวนและพร้อมเพียง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงปึ้งปั้งของลมที่กรรโชกอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าไอ้ผีร้ายมันก็เตรียมการที่จะเผชิญกับเขาอยู่เหมือนกัน
"เอายังวะไอ้หม่อง"
เขาพูดพร้อมกับจับจ้องและง้างหมัดขวาเตรียมที่จะก้าวเท้าไปยังผนังฝั่งขวาที่ส้มแผ่นนั่งอยู่
"ไม่ใช่ทางนั้น!! หน้าห้องมันอยู่หน้าห้อง"
จอหม่องรีบตะโกนบอกเมื่อเห็นคู่หูร่างบางกำลังจะไปผิดทิศ
"แต่เสียงลากเท้ามันอยู่ทางนี้"
พรายหน้าหวานมีสีหน้าฉงนถึงแม้เขาจะมั่นใจว่ามันอยู่ด้านขวา แต่ว่าการตรวจฤกษ์ดูยามจับทิศของจอหม่องก็ไม่เคยผลาดเช่นกัน
"เชื่อกูมันลวงมึง ประตูหน้าห้องหวดเลย"
หนุ่มล่ำตะโกนแข่งกับเสียงหมาและเสียงลมที่โหมกระหน่ำจนเรือนไม้ทั้งหลังโยกคลอนราวกับว่ามันกำลังจะพังทะลายลงมา
พรายหน้าหวานง้างหมัดซ้ายทุบเข้าประตูหน้าห้องเต็มแรงจนมีเสียงดัง ปั้ง !!
เสียงหมาที่เคยหอนก็ยังคงหอนอยู่ เสียงลมที่เคยโหมกระหน่ำก็ยิ่งโหมกระหน่ำ อาคมที่ฝ่ามือเขาไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ มาเสียไกลแต่ได้เท่านี้ รึ ?"
เสียงแตกซ่านแหบต่ำของชายชราดังมาจากหน้าประตูพร้อมกับเสียงหัวเราะอันเย้ยหยันที่ลอยมาตามลม
พรายหน้าหวานยิ้มมุมปากพลางนึกในใจ
'จอหม่องนี่ทำนายแม่นจริง'
จากนั้นเขาก็ง้างมือขวาจนสุดแรงมือขวาที่ถูกปลุกของจนร้อนผ่าวราวไฟลุกแล้วชกตรงไปยังที่มาของเสียงหัวเราะอันเย้ยหยัน
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มันเป็นเสียงที่ดังสะเทือนเลือนลั่นราวกับฟ้าผ่าฟาดมันดังจนกลบทุกสรรพสิ่ง ทั้งเสียงหมาหอน เสียงพายุ รวมทั้งเสียงหัวเราะอันดูแคลนด้วย จากนั้นก็ปรากฏเสียงกรีดร้องที่โหยหวนของหญิงสาวนางหนึ่งขึ้นมาแทน ฮือๆ ฮือๆ
พรึ่บ
ไฟทุกดวงดับสนิทลงและท่ามกลางความมืดมิดพรายร่างสูงง้างหมัดข้างเดิมเตรียมที่จะชกลงบานประตูอีกรอบ
ฮือๆ ฮือๆ
อย่าทำเรา เราเจ็บแล้ว
แต่กลับปรากฏเสียงหวานร้าวลึกของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นแทนเสียงแตกซ่านอันต่ำช้าของชายชราที่หน้าหมั่นไส้
ฮืออออ ฮือ ๆ
เมตาเราด้วย......
เราไม่เคยฆ่าใคร เมตรเราด้วย เราโดนบังคับมา หมอผีชราบังคับเรามา
เมตตาเราสักครั้ง ฮือๆ ข้ายอมท่านทุกอย่าง พ่อหมอรูปงาม
พรายหน้าหวานหาสนใจไม่เขาง้างแขนเตรียมที่จะสาดอาคมเข้าใส่อีกครั้ง
"เดี๋ยว !!"
แต่เป็นจอหม่องที่รีบร้องห้ามพร้อมทอยลูกเต๋าอีกรอบ
"สอง หก สี่ เท่ากับ สิบสอง เลขคู่ประตูฟ้า ดวงเกื้อกูล เอากลับไปรับใช้แม่หยา"
พรึ่บ !!!!
จากนั้นไฟในห้องทุกดวงก็ติดขึ้นมาอีกรอบพร้อมกับการอันตธารหายไปของเคะร่างบางกับเมะสุดล่ำของส้มแผ่นและปูเป้ ทั้งคู่หายไปเหมือนตอนที่มาคือไร้ร่องลอย เสียงหมาหอน เสียงลมกรรโชก เสียงลากเท้าขูดเล็บหรือแม้แต่เสียงพูดที่แตกซ่าน "ข้าขอหนึ่งคน" ทั้งหมดนั้นก็หายไปด้วย
ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ เสียงนกกลางคืนเสียงแมลงและเสียงลมอ่อนๆกลับมาตามธรรมชาติของมันอีกครั้ง
บรรยากาศอันเลวร้ายหายไปจนหมดสิ้นราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
.
.
ติ้ง.........
เสียงเตือนข้อความโทรศัพท์ของส้มแผ่นดังขึ้นมันเป็นข้อความจากพรายที่ท้องได้ของเธอ
ตัวเล็กจำสามข้อนี้ไว้ให้ดี
หนึ่ง ไม่ว่าพรุ่งนี้ใครจะให้อะไรห้ามรับเด็ดขาด ต่อให้เป็นพระ คนแก่ เด็ก หรือไม่ว่าจากใครก็ห้ามรับเด็ดขาด แล้วรีบกลับให้เร็วที่สุดและเตือนเพื่อนด้วย
สอง จนกว่าจะถึงกรุงเทพห้ามอาบน้ำแปรงฟันและกินอะไรเด็ดขาด
สาม เอากระดาษกาวปิดปากตัวเองไว้จนกว่าจะถึงบ้าน
ทำให้ครบแล้วจะปลอดภัย