“เพื่อนนกน่ะพี่แอ้ม ที่เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาสร้างบ้านน่ะค่ะ” เหมือนพี่แอ้มจะล้อเธอไม่หยุดจนฟารีดาต้องรีบอธิบาย
“ไอ้ฟรองซ์ มึงมาถึงตอนไหน” แต่ก่อนจะได้วางสีหน้าไม่ถูกไปมากกว่านี้ศุภณัฐก็ทักมาก่อนตัว พอเดินมาถึงก็ตบไหล่เพื่อนเป็นการทักทาย
“ไม่โทรหาวะ”
“มึงตัดสาย” เขาตอบทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าศุภณัฐแค่ถามไปอย่างนั้น มันรู้อยู่แล้วว่าเขามาถึงตอนที่โทรหา แต่ศุภณัฐคงติดธุระเลยตัดสายเขาทิ้ง แล้วก็ไม่โทรกลับมาเล่าอะไร โผล่มาหาเลย
“เออๆ กูติดลูกค้าอยู่ ขายรถออกถึงได้มาหามึงเนี่ย แล้วตกลงคุยกันได้ความว่ายังไง นุ่มให้ไอ้ฟรองซ์ทำให้เลยไหม มันเก่งนะ” พอเขาถาม เพื่อนกับน้องก็มองหน้ากัน จับสังเกตได้ว่าคงยังไม่ได้คุยกันเลย คนคิดไวปากไวก็ถามทั้งคู่ทันที
“นี่ยังไม่ได้คุยอะไรกันใช่ไหม”
“เอ่อ ก็รอเธออยู่ไง” ฟารีดาบอกพี่ชาย
“อืม เพิ่งมาถึง”
“มึงโทรหากูตั้งแต่ยี่สิบนาทีก่อน”
“แล้ว มึงจะให้กูมาถึงแล้วถามน้องเรื่องงานเลยหรือไง” ฟารีดากับเขายังไม่เคยคุยกันเองสักครั้ง มีแค่พี่ชายของเธอที่เป็นคนแนะนำ
“เออ แล้วถ้าไม่ใช่คุยเรื่องงานมึงคุยอะไรกันตั้งนาน” ศุภณัฐแซวเพื่อนกับน้องสาวเล่นอย่างสบายอารมณ์ แม้จะเข้าใจนั่นแหละว่าธนดลจะพุ่งตรงเข้าไปคุยเรื่องงานเลยก็กระไรอยู่
“อืม ก็ถามสารทุกข์สุกดิบน้อง มีอะไรให้ถามเยอะแยะ ถามเรื่องร้าน เรื่องงาน ต้นไม้ที่ร้านก็เยอะมาก เดินดูยังไม่รอบเลย นุ่มเขารู้เรื่องต้นไม้ดีด้วยนะ แล้วก็เนี่ยเพิ่งชมไปว่าเสื้อเขาสวย เพิ่งรู้ว่าเขาทำอะไรพวกนี้ขายด้วย” แต่ธนดลก็อธิบายจริงจังตามสไตล์ที่คุ้นเคย เป็นคนพูดน้อย แต่พอได้พูดก็จริงจังยืดยาวเป็นหลักการ จนศุภณัฐถอนหายใจ โบกมือปัด
“เออ พอๆ มึงไม่ต้องตอบจริงจังขนาดนั้น มันทำให้ตัวเองใส่อวดลูกค้าเฉยๆ แหละ” เมื่อก่อนฟารีดาไม่ได้ผลิตพวกเสื้อผ้า กระเป๋า หรือเครื่องประดับอะไรมากมาย เธอรับงานลูกค้าอีกทีและวาดรูปประกอบเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เป็นสินค้าแบรนด์ตัวเองจริงๆ ก็เป็นพวกสติ๊กเกอร์ ดิจิทัลพรินต์ โปสการ์ด พวกนี้มากกว่า
“พี่แอ้มครับขอเอสเพรสโซให้ผมแก้วหนึ่ง”
“ค่ะคุณนก”
พอได้น้ำเย็นๆ ทั้งสามคนก็พากันเดินกลับเข้าไปที่ร้านของเธอใหม่
“ฉันว่าเธอให้ไอ้ฟรองซ์ทำนั่นแหละนุ่ม” ศุภณัฐเชียร์เพื่อน ซึ่ง ฟารีดาเองก็รู้สึกจะเห็นด้วย เธอลองดูผลงานของบริษัทเขามาบ้างแล้ว บ้านของพี่ชายเธอก็ได้ธนดลนี่แหละมาช่วยดูแล
“ก็คิดว่าอย่างนั้นแหละค่ะ” มาถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรด้วย
“อืม นุ่มมีแบบบ้านหรือยัง หรือให้นกออกแบบให้”
“โอ๊ย พอๆ เนี่ยแค่ร้านเล็กๆ เนี่ยก็ประสาทจะกิน” ศุภณัฐรีบโวยวายเกินจริง ฟารีดาเป็นคนละเอียดก็ส่วนหนึ่ง และความเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากก็ทำให้หาเรื่องแก้นู่นปรับนี่จุกจิกไปตามเรื่องราว และพอเป็นบ้านที่สเกลงานใหญ่กว่าเยอะศุภณัฐก็อยากให้เจ้าตัวหามืออาชีพมาทำให้เลย
“ตัวเองมือไม่ถึงเองก็ว่าเหอะ” พอพี่ชายแซวมาแบบนั้นก็บ่นกลับบ้าง
“นี่ที่หนึ่งของรุ่นเลยนะนุ่ม” ธนดลได้ทีผสมโรง
“นุ่มขี้เกียจทะเลาะกับนกค่ะพี่ฟรองซ์ ชอบหาว่านุ่มเรื่องเยอะ”
“ก็เยอะจริงๆ”
“มึงก็ไปว่าน้อง เสียเงินทำบ้านทั้งหลังมันก็เยอะกันทุกคนนั่นแหละ” ธนดลมีความเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เปิดบริษัทเองมาห้าหกปี เจอลูกค้าหลากหลาย และตัวเขาเองก็เยอะไม่แพ้ใคร
“ฉันเลยบอกให้เธอทำกับไอ้ฟรองซ์ไง มันใจเย็น รับความเยอะของเธอได้” ตัวศุภณัฐนั้นพอจบมาก็ไม่ได้ทำงานตรงสายที่ตัวเองเรียน มาบริหารเต็นท์รถมือสองและปั๊มน้ำมันของครอบครัว ส่วนเรื่องงานสถาปนิกก็รับออกแบบให้คนที่รู้จักบ้าง
“ตกลงว่าให้พี่ทำให้ใช่ไหม”
“เอ่อ ค่ะพี่ฟรองซ์ นุ่มลองส่องบริษัทพี่ฟรองซ์ดูแล้ว ก็ โอเค” เธอพูดยิ้มๆ ธนดลก็พอเดาได้ว่าเจ้าตัวยังไม่ได้เทใจให้เต็มที่ แต่คงหามาหลายที่แล้วยังไม่เจอที่ถูกใจเหมือนกัน
“เดี๋ยววันหลังพี่ร่างสัญญาให้แล้วกัน”
“เอ่อ ต้องรอเซ็นสัญญาก่อนใช่ไหมคะ”
“หืม รีบไหม ถ้ารีบก็คุยกันเลย คนกันเอง”
“ก็รีบแหละค่ะพี่ฟรองซ์ อยากออกมาอยู่บ้านตัวเองแล้ว เบื่อ” แล้วก็หันไปมองพี่ชาย
“ทำอย่างกับว่าฉันอยากให้เธออยู่ด้วยนักแหละ บ้านกูจะถูกมันยึดพื้นที่หมดแล้วฟรองซ์ ของอะไรไม่รู้เยอะแยะ” ฟารีดานั้นทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนจบ พอกลับนครปฐมแม่ก็ให้มาอยู่กับพี่ชายที่เพิ่งทำบ้านตัวเองได้สองปี
“เห็นไหมพี่ฟรองซ์ ชอบบ่นนุ่ม” เธอทำหน้างอ ธนดลยิ้มจางๆ อย่างคุ้นเคยกับสองพี่น้อง เพราะตอนเรียนกรุงเทพฯ ทั้งคู่ก็อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน เวลาเขาไปหาศุภณัฐที่บ้านก็เจอฟารีดาประจำ เป็นพี่น้องที่สนิทและง้องแง้งใส่กันแบบนี้จนชินตา
“เงียบก่อน แม่โทรมาว่ะ” ยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อโทรศัพท์ในมือของศุภณัฐก็สั่นเตือน
“ครับแม่...ออ ครับอยู่ด้วยกันที่ร้านเนี่ยแหละ งั้นเหรอ ได้ๆ” วางสายก็หันมามองเพื่อนกับน้องสาวตัวเอง
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน แม่ชวนกินข้าว เออ เที่ยงแล้วเนี่ยถึงว่าทำไมหิว” บอกทุกคนแล้วก็ลุกขึ้นยืนนำ ไม่รอให้ใครตัดสินใจ ฟารีดาก็ลุกตาม หันไปชวนเพื่อนพี่ชายอีกที
“ไปกินข้าวกันก่อนนะคะพี่ฟรองซ์”
“ครับ” ก็ไม่ได้รีบกลับอยู่แล้ว ตั้งใจหลบนัดมื้อเย็นของสายสุนีย์
“นก เธอบอกแม่ว่าพี่ฟรองซ์มาเหรอ” พอเดินออกมาจากร้านก็ถามพี่ชาย ศุภณัฐเองก็เพิ่งนึกได้
“อ้าว ไม่ใช่เธอบอกเหรอ” แล้วสองพี่น้องก็กลายเป็นมองหน้ากันอย่างงงๆ ธนดลที่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้น่าจะเป็นคนที่รู้ดีกว่าใคร
“แม่กูโทรมาเล่นกับน้านางมั้ง เมื่อคืนกูบอกแม่ว่าจะมาหามึง” พอเขาอธิบายทั้งคู่ก็พยักหน้าเออออตาม ไม่มีใครสงสัยอะไรจริงจัง มีแต่ธนดลนี่แหละที่ไม่รู้ว่าแม่ๆ ของพวกเขาจะคุยกันไปถึงไหน