ศุภณัฐบอกให้เขามาหาฟารีดาที่ร้านเลย ซึ่งร้านขายต้นไม้ของ ฟารีดาก็อยู่ติดถนนเส้นหลัก เป็นร้านใหญ่เห็นป้ายฟารีดาฟาร์มมาแต่ไกล ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกอย่างเขาเลย ธนดลหาที่จอดรถก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรหาศุภณัฐ สายที่ถูกตัดทิ้งทำให้คิ้วเข้มขมวดอย่างแปลกใจเล็กน้อย หากก็ไม่ได้ติดใจ ร่างสูงส่ายศีรษะ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง และเดินเข้าไปด้านใน พนักงานผู้ชายวัยสี่สิบกว่าๆ เดินเข้ามาถาม
“สนใจต้นไหนครับพี่”
“เปล่าครับ พอดีมีธุระกับเจ้าของร้าน”
“คุณนุ่มเหรอครับ” คนถามดูมองเขาคล้ายไม่ไว้วางใจ ธนดลชะงักเล็กน้อยเพราะเขาหมายถึงศุภณัฐ แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าฟารีดาต่างหากที่เป็นเจ้าของร้าน
“ครับ บอกว่าพี่ฟรองซ์มาหาก็ได้” พูดไปก็สะดุดหูตัว ไม่ได้แทนตัวเองว่าพี่ฟรองซ์แบบนี้บ่อยๆ
“เอ่อ ครับ” พนักงานขายต้นไม้ตอบรับด้วยท่าทีที่ดูไม่มั่นใจนักก่อนจะเดินออกไป ธนดลมองตามหลังถึงสังเกตว่านอกจากต้นไม้หลากหลายพันธุ์ที่ดูเย็นตาไปหมด ด้านหลังยังมีอาคารสีขาวหลังเล็กที่มองเห็นไกลๆ ผ่านต้นไม้พวกนี้ ฟารีดาน่าจะอยู่ตรงนั้น เขาจึงเดินตามหลังพนักงานไปห่างๆ และหยุดรออยู่ด้านนอก มองอาคารชั้นเดียวขนาดสองห้องเพลินๆ ด้วยความรู้สึกว่าออกแบบและตกแต่งได้น่ารักทีเดียว มินิมอลเหมือนสไตล์งานของเธอ
“เอ่อ คนนี้แหละครับคุณนุ่มที่บอกว่ามาหา” ผู้ชายคนนั้นเดินนำฟารีดาออกมา และยังยืนมองเขาคล้ายยังไม่ไว้ใจ ขณะที่ทั้งคู่เหมือนมีอาการทำตัวไม่ถูกกับการเจอกัน ชั่วอึดใจก่อนที่ฟารีดาจะยิ้มจางๆ ให้เขา
“ไม่ได้เจอพี่ฟรองซ์นานมาก” แล้วรอยยิ้มก็กว้างขึ้น ธนดลยิ้มตอบ ตอนนั้นที่พนักงานของเธอหลบออกไป คงเพิ่งไว้ใจว่าเขารู้จักกับ ฟารีดาจริงๆ
“ไง สบายดี”
“ก็สบายค่ะ พี่ฟรองซ์เข้ามานั่งข้างในก่อนไหม” เธอถามแล้วก็เอี้ยวตัวเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปด้านใน ธนดลพยักหน้า พอเขาขยับเจ้าตัวก็เดินนำไปก่อน ก้าวเข้าไปในร้านที่เขาก็กวาดตามองรอบๆ ผนังร้านสีขาวถูกตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ กรอบรูป ที่คงเป็นผลงานของเธอเอง ดูมินิมอล แต่ในห้องกลับเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำงานของเธอ
“พี่ฟรองซ์นั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ” ฟารีดาเลื่อนเก้าอี้ออกจากโต๊ะไม้ตัวยาวซึ่งมีเก้าอี้อีกหลายตัว ดูไม่เข้ากับที่เขาเห็นว่ามีเธอคนเดียวในตอนนี้
“น้ำเย็นๆ ค่ะ หรือพี่ฟรองซ์อยากลองชิมกาแฟไหมคะ เดี๋ยวนุ่มสั่งให้พี่เขาเอามาให้”
“ยังหรอก พี่เพิ่งกินมา” ธนดลสังเกตว่าตรงด้านหน้ามีซุ้มขายกาแฟเล็กๆ
“นี่ทำงานอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะพี่ฟรองซ์ แล้วก็วันนี้ไม่มีคลาส”
“ออ เปิดคอร์สสอนวาดรูปด้วยใช่ไหม ถึงว่ามีอุปกรณ์เยอะเลย” ก็ไขข้อข้องใจของธนดลเรื่องโต๊ะเก้าอี้ที่มีเยอะในห้องนี้
“ค่ะพี่ฟรองซ์ วันไหนไม่มีสอนก็นั่งทำงานจุกจิก”
“แล้วห้องข้างๆ”
“ออ ไว้ขายของค่ะ พี่ฟรองซ์ลองไปดูไหมคะ” เจ้าตัวดูกระตือรือร้นที่จะแนะนำ ธรดลก็เลยต้องลุกไปดูสักหน่อย ห้องข้างๆ มีช่องประตูเชื่อมแต่ไม่ได้มีบานประตูกั้น
“นุ่มก็นั่งทำงาน นั่งขายของตรงนี้แหละค่ะ เผื่อมีลูกค้าหลงมา” ซึ่งตอนที่ทั้งคู่เดินเข้ามาไม่มีลูกค้าคนอื่นจริงๆ สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในร้านจะเป็นภาพวาดฝีมือเธอที่ใส่กรอบเรียบร้อย สติ๊กเกอร์ โปสการ์ด ดิจิทัลพรินต์ที่เป็นแบรนด์ตัวเองที่ทำมาหลายปี แต่สิ่งที่ทำให้เขาสะดุดตาคือพวกเสื้อผ้า หรือกระเป๋าที่เพนท์ลายงานฝีมือตัวเอง ซึ่งดูๆ แล้วน่าจะมีแค่แบบละชิ้นสองชิ้น
“ทำเสื้อขายด้วยเหรอ อืม ที่เราใส่อยู่เนี่ยก็ทำเองหรือเปล่า”
“ก็ค่ะ ความจริงตอนแรกก็ทำใส่เอง คิดไปว่าเวลาลูกค้ามาร้านแล้วเห็นเราใส่เสื้อผ้าหรือใช้ของที่เราทำเองเขาอาจจะอยากซื้อของเรามากขึ้นหรือเปล่า” เจ้าตัวตอบด้วยรอยยิ้มสดใส ซึ่งธนดลก็เห็นว่าชุด แส็คแขนกุดสีขาวยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย พิมพ์ลายดอกไม้ใบไม้เล็กๆ สีละมุนตามันก็เหมาะกับเธอ
ฟารีดาในวัยยี่สิบเจ็ดเธอยังดูไม่ต่างจากวันเก่านัก ด้วยความเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผิวพรรณดี เลยดูไม่แก่เลย หากด้วยวัยและประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นธนดลก็รู้ว่าในความน่ารักสดใสนั้นเธอมีความสวยหวานแบบผู้ใหญ่ซ่อนอยู่เหมือนกัน เจอกันวันนี้มันยิ่งทำให้เขาเห็นภาพของผู้หญิงในสเปกชัดเจนขึ้น ตัวเล็ก น่ารัก แต่ก็นึกจินตนาการให้ลึกลงไปกว่านั้นว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ความเด็กน้อยของเธอ
“ตอนนี้นุ่มยังรับงานออกแบบหรือพวกภาพประกอบอยู่อีกไหม” คำถามของเขาทำให้เจ้าตัวเลิกคิ้วมองเขาคล้ายแปลกใจ ธนดลเลยยิ้มและอธิบายต่ออย่างอารมณ์ดี
“พี่ก็ตามผลงานนุ่มบ้างอยู่นะ มีชื่อเสียงและเก่งพอตัวอยู่มั้งเรา” ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายยิ้มสดใส ก่อนจะหรี่ตาจับผิด
“นี่เป็นวิธีในการล่อลวงให้ลูกค้าสนใจจ้างงานด้วยหรือเปล่าคะ”
ธนดลหัวเราะ ก่อนจะพยักหน้าคล้ายยอมรับไปครึ่งหนึ่ง พานให้พากันหาเราะชอบใจทั้งคู่ ก่อนที่ธนดลจะนิ่งคิดว่าไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายกับการพูดคุยกับผู้คนขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ว
“รู้ทัน” เขาแซวเธอ อีกฝ่ายย่นจมูกใส่
“แต่พี่ก็สนใจเราจริงๆ”
“สนใจงานไหมพี่ฟรองซ์” อีกฝ่ายแย้ง แต่เขาก็ทำหน้ามึน
“ก็สนใจทั้งคู่นั่นแหละ อินฟูเอนเซอร์ชื่อดังนี่นา”
“พี่ฟรองซ์ก็ ไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้น” เธอบ่นอุบ ฟารีดาเป็นศิลปินยุคใหม่ที่พยายามหาช่องทางให้ผลงานตัวเองเป็นที่รู้จัก ไม่ได้หลบหน้าอยู่ด้านหลังเสียทีเดียว เธอใช้ช่องทางต่างๆ ในการสื่อสาร จนเป็นที่รู้จักด้วยผลงาน คอนเทนต์ หรือแม้แต่รูปลักษณ์ภายนอก แม้ไม่ได้ดังในวงกว้างมากมาย แต่ก็เป็นอินฟูเอนเซอร์ที่มีคนติดตามประมาณหนึ่งที่สร้างมูลค่าให้เจ้าของแบรนด์ในการจ้างงานในระดับที่น่าพึงพอใจ
“แล้วเป็นไงกลับมาขายต้นไม้ ตอนแรกที่นกมันเล่าให้ฟังพี่นึกว่าเราจะเปิดคาเฟ่ ร้านอาหารเสียอีก”
“เขาเปิดกันเยอะแล้วพี่ฟรองซ์ นุ่มก็ไม่อยากไปแข่งกับใคร เห็นว่าที่นี่ยังไม่มีร้านขายต้นไม้ขนาดใหญ่แบบนี้ ก็เลยลองดู คาเฟ่ก็อยู่ข้างหน้าไงคะ ลองไปชิมดูไหม”
“นุ่มถามสองรอบแล้วก็น่าจะลองดู”
ฟารีดาพาเขาเดินดูต้นไม้ แนะนำพันธุ์ไม้หลายชนิดได้เป็นอย่างดีจนธนดลนึกแปลกใจเล็กๆ เหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเจ้าตัวจะมานั่งเฝ้าร้านเฉยๆ ต้นไม้ก็ให้ลูกน้องขายไป
“จริงๆ ร้านนี้ก็เหมาะกับนุ่มเนอะ พี่เพิ่งนึกได้ว่านุ่มคงชอบต้นไม้ งานเรามันบอกแบบนั้น” คำพูดของเขาทำให้เธอยิ้มจางๆ รู้สึกว่าเพื่อนพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนานมากจะพูดคุยกันถูกคอ งานของฟารีดาที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นคือการวาดภาพดอกไม้ ต้นไม้ด้วยสไตล์สีน้ำ ที่ให้ความรู้สึกละมุน อบอุ่น แต่ก็มีความน่ารักเวลามันอยู่บนชิ้นงาน
“ค่ะ นุ่มชอบต้นไม้ เลยวาดแต่ภาพต้นไม้ไง” เจ้าตัวแซวตัวเองอย่างอารมณ์ดี
“เพิ่งสังเกตว่านุ่มจัดร้านสวยนะ ตอนแรกนึกว่าจะเน้นขายต้นไม้” เดินมารอบสองถึงได้สังเกตว่าในบริเวณมีจุดที่ให้ลูกค้าได้แวะพัก แวะถ่ายรูปอยู่หลายจุด
“เดี๋ยวนี้ทำร้านอะไรก็ควรมีจุดเช็กอิน จุดถ่ายรูปนะพี่ฟรองซ์ ขายต้นไม้ไม่ได้ก็ขายน้ำให้เขาดื่มแก้เหนื่อยกับการถ่ายรูปได้” เจ้าตัวตอบอย่างอารมณ์ดี
“พี่ฟรองซ์เอาอะไรดีคะ” เธอถามเมื่อพากันมาถึงหน้าซุ้มขายน้ำ
“อืม นุ่มลองแนะนำพี่สักเมนูสิ แต่ยังไม่เอากาแฟ”
“งั้นลองเสาวรสน้ำผึ้งแล้วกันนะคะ นุ่มก็ชอบกิน ร้อนๆ แบบนี้กินแล้วสดชื่น พี่แอ้มคะขอเสาวรสน้ำผึ้งสองที่” เธอสั่งพนักงานที่ประจำขายน้ำที่ร้าน เห็นว่าพี่แอ้มดูสนใจธนดลและมองเธออย่างมีเลศนัยก็รู้สึกจะเขินขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ อย่างว่า ความหล่อเหลาของธนดลก็ทำให้เธอเผลอมองจนใจสั่นได้เหมือนกันแม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษ ธนดลสูงกว่าเธอมาก เป็นผู้ชายผิวขาวหน้าคมหวาน ดูเซอร์แต่ก็เนี้ยบ ยิ่งตอนนี้เขาไว้ผมแล้วมัดรวบบางส่วนไว้ยิ่งรู้สึกกร๊าวใจคนที่มีสเปกหนุ่มเซอร์แบบเธอ และก็…ฟารีดาไม่รู้ว่าธนดลใช้น้ำหอมกลิ่นไหน ตั้งแต่ที่เธอเดินตามเขาออกมา กลิ่นของเขามันแตะจมูกเธอ หอมแบบที่ทำให้รู้สึกอยากสูดใกล้ๆ โอย ฟารีดา นี่เธอกลายเป็นผู้หญิงโรคจิตที่อยากดมกลิ่นผู้ชายไปได้อย่างไรกัน