EP.1
เมื่อเวลาผ่านไปครบสองชั่วโมงครึ่งเครื่องยนต์คันหรูที่ฉันนั่งมาก็หักเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อ่าที่คาดว่าน่าจะเป็นบ้านของคุณคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง
ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูก้าวขาลงทันทีที่รถจอดสนิท อาจเพราะฉันมัวแต่มองตามหลังเขาไปเลยไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีคุณลุงใจดีคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูรถให้
รู้สึกเกรงใจจัง..
“ขะ..ขอบคุณมากนะคะคุณลุง แต่เดี๋ยวรอบหน้าเจ้าขาเปิดเองค่ะ” ผู้ใหญ่มีน้ำใจมาเด็กอย่างฉันก็ต้องรู้จักกล่าวคำขอบคุณ
คุณลุงดูตกใจมากหลังฟังฉันพูดจบ ก่อนจะรีบพูดว่า “โอ้! อย่าพูดแบบนั้นเลยครับคุณหนู แล้วก็ไม่ต้องขอบคุณลุงอีกนะ มันเป็นหน้าที่ของลุงอยู่แล้ว” เขาดูเกรงใจและมีกลิ่นไอความหวาดกลัวปะปนอยู่เล็กน้อย
ทำไมคุณลุงถึงได้มีท่าทีแบบนี้กัน..
ขณะที่ริมฝีปากของฉันกำลังจะอ้าขึ้นเพื่อเอ่ยถาม เสียงแหลมเล็กก็ดังแทรกขึ้นมาขัดจังหวะเข้าเสียก่อน
“คุณเจ้าขาคะ คุณท่านให้ดิฉันมาตามค่ะ” เจ้าของเสียงมีดวงหน้าที่สวยสง่า รู้ได้ทันทีจากยูนิฟอร์มที่เธอสวมใส่ว่ามีตำแหน่งเป็นแม่บ้าน
“อ๋อค่ะ ๆ ขอบคุณนะคะ” ฉันเลิกสำรวจเธอเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคุณคนนั้นหรือที่แม่บ้านสาวเรียกว่า ‘คุณท่าน’ กำลังรออยู่ ขาเรียวรีบก้าวฉับ ๆ เข้าไปด้านในคฤหาสน์ทันทีโดยมีแม่บ้านสาวคอยนำทาง
“พยายามยิ้มเข้าไว้เยอะ ๆ นะคะ คุณติณท์ชอบคนยิ้มเก่งค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อเราเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งฉันค่อนข้างแปลกใจกับสิ่งที่เธอบอกอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไปนอกจากกล่าวคำขอบคุณและสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าลูกบิดประตูแล้วเปิดดันเข้าไป
แกร๊ก
พอเปิดเข้ามาก็พบว่าเขากำลังนั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจฉันมันถึงได้เต้นระรัวและถี่ยิบขนาดนี้ ฉันค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขาแล้วกล่าวทักทายอย่างเก้ๆ กังๆ “สะ..สวัสดีค่ะ”
พลันคุณคนนั้นหันเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้ากัน วูบหนึ่งความหล่อเหลาของเขาทำให้ฉันชะงักไป แต่ก็รีบดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ใช่.. เขาเป็นคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาและงดงามมาก ราวกับเจ้าชายที่อยู่ในนิทานก็ไม่ปาน
“ชื่อเจ้าขาใช่ไหม” นี่คือประโยคแรกที่หลุดออกจากปากเขา
“ชะ..ใช่ค่ะ..จัทร์เจ้าขา..เอ่อ..ไม่มีนามสกุล” ก็ฉันเป็นเด็กกำพร้านี่เนอะ..จะไปมีนามสกุลได้ยังไง
“ฉันชื่อติณนภพ เรียกติณท์เฉย ๆ ก็ได้” เขาแนะนำตัวอย่างเรียบง่าย ทว่าฉันกลับรู้สึกประหม่าและกดดันอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ค่ะคุณติณท์..” รับคำเขาแล้วก็ต้องเงียบไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ครั้นคุณติณท์เองก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นด้วย
อา..อึดอัดจัง
แต่แล้วเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้บรรยากาศภายในห้องปกคลุมด้วยความเงียบนานมากนัก สุ้มเสียงทุ้มก็ดังลอดผ่านช่องว่างริมฝีปากออกมาอีกครั้ง “จริง ๆ เธอเรียกฉันว่าพ่อก็ได้นะ” ฉันชะงักและรู้สึกราวกับร่างกายถูกแช่แข็งจนไม่อาจขยับไปไหนได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
มะ..เมื่อกี้นี้เขาพูดว่าอะไรนะ..
แต่ต่อมาก็ได้รับคำตอบที่ทำให้หายเคลือบแคลงใจลงอยู่บ้าง
“เพราะฉันกับ..เอื้อมดาวตั้งใจจะรับเธอมาดูแลในฐานะลูกบุญธรรม” คุณติณท์แอบเว้นระยะการพูดเล็กน้อยในตอนเอ่ยถึงพี่เอื้อมดาว
ลึก ๆ แล้วเขาก็คงจะยังทำใจไม่ได้สินะ..
“เอ่อ..นะ..หนูขอเรียกว่าคุณป๋าแทนได้ไหมคะ” เรียกพ่อแล้วฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยชินปากน่ะ
“จะเรียกอะไรก็ได้ตามใจเธอ แล้วนี่อายุเท่าไหร่นะ”
“ยี่สิบแล้วค่ะ”
“อยากเรียนหนังสือไหม?” อยากสิ อยากเรียนมากที่สุด แต่จะใครจะกล้าพูดกันล่ะ ฉันน่ะขี้เกรงใจคนเป็นที่หนึ่ง
“นะ..หนูคงไม่..”
“กฎของข้อหนึ่งของฉันที่เธอควรรู้เอาไว้ก็คือฉันไม่ชอบคนโกหก”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว คำตอบที่ว่า ‘หนูคงไม่มีความรู้มากพอที่จะเรียน’ ก็ถูกกลืนลงคอไปอย่างรวดเร็ว
“อยากเรียนค่ะ” และนี่คือคำตอบที่ฉันได้พูดออกไป ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะทำให้คุณป๋าพอใจอยู่ไม่น้อย
“ฉันจะส่งเธอเรียนหนังสือ เริ่มจากการจ้างครูมาติวพื้นฐานให้เธอเรียนที่บ้านก่อน จากนั้นค่อยเข้ามหา’ ลัย โอเคไหม?”
คุณป๋ายื่นข้อเสนอที่ดีขนาดนี้มาให้ มีเหรอคนอย่างฉันจะไม่รับ
“โอเคค่ะ ขอบคุณคุณป๋ามากนะคะที่เมตตาหนู” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณเขาจากใจจริง แม้การแสดงออกทางสีหน้าและแววตาของคุณป๋าจะดูไม่ค่อยชอบใจฉันสักเท่าไร แต่เขาก็ทำดีกับฉันมาก
ดังนั้นฉันจึงไม่อาจไปรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือคาดหวังให้เขารักฉันเหมือนลูกแท้ ๆ ได้
“เธอควรที่จะขอบคุณเอื้อมดาวให้มาก ๆ เพราะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เอื้อมดาวขอฉันเอาไว้ก่อนตาย ฉันก็แค่มีหน้าที่ทำให้เธอที่จากไปแล้วสบายใจ” พอได้ฟังคุณป๋าพูดแล้วฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเข้าไปใหญ่ที่ได้มารู้จักกับคนดี ๆ อย่างพี่เอื้อมดาว
สัญญาเลยว่าทั้งชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณของเธอ..
“ค่ะ แต่ยังไงหนูก็ต้องขอบคุณคุณป๋าด้วยอยู่ดี” เพราะถึงแม้พี่เอื้อมดาวจะฝากฝังฉัน แต่คุณป๋าก็ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้จริงไหมล่ะ? แต่เขาก็เลือกที่จะทำ
ฉันต้องสำนึกในบุญคุณของเขาให้พอ ๆ กับสำนึกในบุญคุณของพี่เอื้อมดาว
“ฉันให้คนจัดห้องไว้ให้แล้ว อยู่ที่นี่อย่าทำตัวดื้อ และที่สำคัญ..” คุณป๋าลากเสียงยาวแล้วเงียบลงไปครู่หนึ่ง “อย่าแต่งตัวล่อแหลม เพราะฉันมันเป็นพวกความอดทนทางเพศต่ำ..”