ตอนที่ 62 — สายโทรศัพท์ข้ามประเทศ 📞
เสียงลมหนาวพัดลอดเข้ามาทางหน้าต่างโรงแรม
พายณรีย์นั่งอยู่ตรงริมเตียง มือถือแนบหู
ใบหน้าสะท้อนแสงไฟสีอุ่นจากหัวเตียง
เธอมองหน้าจอที่กำลัง “รอสาย” อยู่
— ชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ คือ “Tine 💙”
เธอไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงรู้สึกใจเต้นแรง
ทั้งที่เป็นเพียงการโทรหาน้องชาย
บางที... เพราะหัวใจเธอรู้ว่า ไทน์ตอนนี้
“ไม่โอเค” แน่ ๆ
เสียงปลายสายดังขึ้นเพียงสองครั้ง
ก่อนจะมีเสียงแผ่ว ๆ ตอบกลับมา
>“...พี่พาย?”
น้ำเสียงของไทน์อ่อนแรงจนพายต้องขมวดคิ้ว
เธอพูดเสียงนุ่มที่สุดเท่าที่จะทำได้
>“ใช่ พี่เองจ้ะ ไทน์เป็นยังไงบ้าง..?
กินข้าวรึยัง..?..ออกห้องบ้างไหม?”
เงียบไปครู่หนึ่ง
มีเพียงเสียงหายใจที่แผ่ว
ราวกับพยายามกลั้นความรู้สึก
>“พี่อยู่ไกลขนาดนั้น พี่ถามอย่างกับพี่รู้...”
>“รู้สิ” — พายหัวเราะเบา ๆ
>“พี่รู้หมดแหละว่าไทน์กำลังงอแง เพราะพี่ไม่อยู่”
ไทน์ไม่ตอบ
แต่เสียงสะอื้นแผ่วเบาแทรกเข้ามาแทน
พายรีบเปลี่ยนเสียง
ให้กลายเป็นน้ำเสียงอ่อนโยน
>“บอกพี่สิ... เกิดอะไรขึ้น..?..ทะเลาะกับแม่เหรอ”
เงียบไปนาน
แล้วเสียงของไทน์ก็ดังขึ้น — สั่นเครือ
>“แม่ไม่เข้าใจ... แม่ไม่เคยอยู่บ้าน
ไม่เคยฟัง ผมพยายามแล้วนะ แต่...ผมเหนื่อย”
พายหลับตา น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว
เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ฝังอยู่ในใจน้องมานานแค่ไหน
>“แม่อาจจะไม่เก่งเรื่องพูดหรือแสดงออก ..
แต่แม่รักไทน์มากนะ”
>“พี่ไม่อยู่... มันเงียบไปหมดเลยพี่พาย”
เสียงนั้นแผ่วจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
พายยกมือปาดน้ำตา
ก่อนตอบกลับด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิต
>“พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้น้องรู้สึกแบบนั้น...
พี่ไม่ได้อยากทิ้งไทน์เลย แต่เพราะพี่เชื่อว่าไทน์
โตพอที่จะดูแลหัวใจตัวเองได้แล้ว”
เงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะได้ยินเสียงไทน์สูดลมหายใจลึก
>“พี่พายจะกลับมาเมื่อไหร่นะครับ...?”
พายยิ้มบาง ๆ แม้น้ำตาจะยังเกาะอยู่ที่ขอบตา
>“อีกไม่กี่วันจ้ะ ...
แล้วพี่จะรีบกลับไปกอดไทน์แน่น ๆ เลย”
พายตอบ พร้อมหัวเราะทั้งน้ำตา
เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
เหมือนทั้งสองคนกำลังโอบกอดกันข้ามประเทศ
แม้หิมะนอกหน้าต่างจะยังโปรยปราย
____
ตอนที่ 63 — ในอ้อมแขนของความเข้าใจ 🌧️
ภายในห้องพักโรงแรมยามค่ำ
เสียงเครื่องทำความร้อนดังเบา ๆ
คล้ายจังหวะหัวใจของใครบางคนที่ยังไม่สงบ
เอกสารงานสัมมนากองอยู่บนโต๊ะกาแฟ —
รายงานที่ควรจะถูกสรุปและส่งภายในคืนนี้
แต่บรรยากาศกลับไม่ใช่เรื่องของงานอีกต่อไป
พายณรีย์นั่งพิงพนักโซฟา
สายตาเหม่อมองหิมะที่โปรยลงมานอกหน้าต่าง
เธอเงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง
คนินนั่งตรงข้าม
มองแววตาเธอที่ดูเศร้าจาง ๆ
ราวกับสะท้อนแสงจากหิมะ
>“คุณพาย...?” — เขาเอ่ยเรียกเบา ๆ
>“มีอะไรหรือเปล่าครับ ..?
ทำไมดูเหมือนคุณกำลังจะร้องไห้”
พายณรีย์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า
แต่รอยยิ้มที่ฝืนไว้ก็ไม่อาจปิดบังได้
>“แค่... คิดถึงที่บ้านค่ะ...
คิดถึงไทน์ น้องชาย ..พายรู้ว่า
เขาไม่ชอบให้แม่อยู่บ้านนาน ๆ...”
เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ
>“ทุกครั้งที่แม่กลับมา ไทน์จะเก็บตัว
ไม่พูดกับใครเลย พายกลัวว่า...
เขาจะรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว”
คนินเงียบไป
ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากมองใบหน้าเธอ
ที่เริ่มแดงเพราะกลั้นน้ำตา
เขาเพียงยื่นมือออกไป
ค่อย ๆ โน้มตัวเข้าหา แล้วโอบไหล่เธอไว้เบา ๆ
>“คุณพาย...” —
เสียงเขาแผ่ว อ่อนโยนอย่างประหลาด
>“คุณไม่ต้องเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวหรอกนะ”
คำพูดนั้น
เหมือนปลดล็อกบางอย่างในใจพายณรีย์
เธอไม่ฝืนอีกต่อไป
ร่างบางเอนเข้าซบอกคนิน
น้ำตาที่เก็บไว้นานค่อย ๆ ไหลออกมา
โดยไม่ต้องกลั้น
>“พายพยายามประคองทุกอย่างไว้ตลอดนะคะ..
ระหว่างแม่ที่ไม่อยู่บ้าน กับน้องที่อ่อนไหว...
พายต้องเข้มแข็ง ...
ต้องเป็นศูนย์กลางของบ้านตลอดเวลา”
เสียงเธอสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมอกของเขา
คนินไม่ได้พูดอะไร
เขาเพียงแค่โอบเธอไว้แน่น ลูบเส้นผมเธอเบา ๆ
สัมผัสอุ่นนั้นไม่ใช่คำพูด แต่คือ
“ความเข้าใจ” ที่แท้จริง
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้
พายณรีย์ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
น้ำตายังเปียกแก้มแต่แววตาเริ่มสงบลง
คนินใช้มืออีกข้างค่อย ๆ เช็ดรอยน้ำตานั้นออก
พลางพูดด้วยเสียงนุ่มลึก
>“บางครั้ง...คุณก็แค่ต้องมีใครสักคนให้พิงบ้าง”
พายณรีย์มองเข้าไปในดวงตาเขา —
แววตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
เรียบง่าย แต่แน่วแน่
หัวใจเธอสั่นไหวอีกครั้ง
เธออยากจะปฏิเสธ อยากจะถอยห่าง
แต่ในวินาทีนั้น...
เธอเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ
ก่อนซบลงกับอกเขาอีกครั้ง
>“ขอบคุณนะคะ...คุณคนิน”
ในอ้อมกอดนั้น ไม่มีคำพูดใดอีก
มีเพียงเสียงหิมะที่ตกกระทบกระจก...
และหัวใจสองดวงที่เริ่มเต้นในจังหวะเดียวกัน