ตอนที่ 53 — เส้นบาง ๆ ระหว่างงานและหัวใจ
ห้องสัมมนาขนาดใหญ่สว่าง
ด้วยแสงจากโคมไฟสีขาวนวล
เสียงพิมพ์แป้นคีย์บอร์ด
เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิด
ดังประสานกันอย่างมีชีวิตชีวา
บนจอโปรเจกเตอร์ด้านหน้า
ปรากฏโจทย์เชิงคำนวณทางวิศวกรรมระดับสูง
ที่แต่ละประเทศต้องระดมสมองเพื่อหาคำตอบ
บรรยากาศเต็มไปด้วยสมาธิและแรงกดดัน —
แต่ในมุมหนึ่งของห้อง กลับมีความอบอุ่นแผ่วเบา
ที่แผ่กระจายออกมาอย่างประหลาด
พายณรีย์ นั่งก้มหน้าครุ่นคิดอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ก
เส้นผมเธอปรกแก้มบางส่วน
ขณะนิ้วเรียวขยับจดสูตรและเขียนสัญลักษณ์
ทางคณิตลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
เธอหยุดชะงักเมื่อเจอสมการบางตัว
ที่คลาดเคลื่อน และในจังหวะนั้น —
>“ลองตรงนี้ไหมครับ…”
เสียงของคนินดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู
เขาเอนตัวเล็กน้อย ชี้ไปที่ตัวแปรในสมการ
แล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงนิ่ง สุภาพ
และมั่นใจในวิธีคิด
พายณรีย์หันมามอง ยิ้มบาง ๆ
อย่างยอมรับในเหตุผลของเขา
>“อืม… ใช่ค่ะ ถ้าแก้แบบนี้ ค่าผลลัพธ์จะลด
ความคลาดเคลื่อนลงได้เกือบครึ่ง”
ทั้งคู่ก้มหน้าใกล้กัน ขีดเขียนต่อเนื่อง
ราวกับพูดกันด้วยภาษาของตัวเลข
บรรยากาศตรงนั้นต่างจากทีมอื่นโดยสิ้นเชิง —
อบอุ่น นุ่มนวล และมีบางอย่างที่เกินกว่า
“เพื่อนร่วมงาน”
เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของพายณรีย์ดังขึ้น
ตอนที่คนินอธิบายผิดจุดเล็กน้อย
>“อาจารย์คนินก็มีพลาดเหมือนกันนะคะ”
>“ก็เพราะอาจารย์พายอยู่ข้าง ๆ ไงครับ..
สมาธิผมเลยไม่อยู่กับที่”
เธอเงียบ — แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
ภาพนั้น… กลายเป็นภาพ
ที่สะดุดตาใครหลายคนในห้อง
โดยเฉพาะ “นาริตะ”
เขายืนพิงโต๊ะด้านหลัง แขนไขว้แน่น
ดวงตาคมจ้องภาพตรงหน้าไม่วาง
เห็นทั้งรอยยิ้มของเธอ
และแววตาอบอุ่นของคนินที่มองพายณรีย์
ในแบบที่เขา เคย มองมาก่อน
ริมฝีปากของนาริตะกระตุกขึ้นเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามา
เสียงรองเท้าหนังของเขา
ดังก้องในห้องประชุมจนหลายคนหันมามอง
>“ขอโทษนะครับ…”
เสียงทุ้มของนาริตะเอ่ยแทรกขึ้นอย่างนุ่ม
แต่แฝงความเย้ยหยัน
>“เห็นบรรยากาศตรงนี้แล้ว...
ผมคงต้องขอขัดจังหวะนิดหน่อย”
คนินหันกลับมาช้า ๆ สีหน้ายังคงสุภาพ
แต่สายตาแน่วแน่
>“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ คุณนาริตะ”
>“อ๋อ… เปล่าหรอกครับ แค่รู้สึกว่า ...
ทีมของอาจารย์พายกับคุณคนิน...
ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ”
นาริตะหัวเราะในลำคอเบา ๆ
>“ดูแลกันดีขนาดนี้..
ดูเหมือนคู่รักมากกว่าคู่ร่วมงาน..เลยนะครับ”
เสียงหัวเราะเบา ๆ จากผู้เข้าร่วมบางคนดังขึ้น
แต่พายณรีย์กลับหน้าขึ้นสี แววตาเริ่มสั่น
ก่อนที่นาริตะจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
>“ผมได้ยินมาว่า แม้แต่ตอนกลางคืน…
คุณคนินก็ยังอยู่เฝ้าไม่ห่างเลยสินะครับ?”
คำพูดนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงทันที
พายณรีย์เงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง
คนินนิ่งไปเพียงครู่เดียว ก่อนยิ้มบาง ๆ
>“ใช่ครับ”
เสียงของเขานุ่มแต่ชัด
>“เพราะอาจารย์พายไม่สบาย
และผมคิดว่า การดูแลคนที่สำคัญสำหรับทีม
..ไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยผ่าน”
นาริตะเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำว่า “สำคัญ”
ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ที่พยายามกลบความรู้สึกในใจ
>“อ๋อ อย่างนั้นหรือครับ…
ฟังดูเป็นทีมที่เข้ากันได้ดีจริง ๆ”
>“ขอบคุณครับ”
คนินตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ไม่หลบตา
>“เราทำงานด้วยกัน..เข้ากันได้ดีเสมอ —
ทั้งในและนอกเวลา”
คำพูดนั้น ทำเอาพายณรีย์แทบหยุดหายใจ
นาริตะยิ้มค้าง แต่แววตาเย็นลงเล็กน้อย
ก่อนผละออกไปอย่างเงียบ ๆ
เหลือเพียงพายณรีย์ที่ก้มหน้าหลบสายตาคนิน
ทั้งใบหน้าแดงซ่าน
คนินหันมามองเธอแผ่ว ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา
>“ผมพูดเกินไปหรือเปล่าครับ…”
พายณรีย์ยังไม่ตอบ แค่ส่ายหน้าเบา ๆ
แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงเต้นของหัวใจ
ที่ดังจนกลบเสียงในห้องสัมมนาไปหมด
เธอรู้ดีว่า…ต่อจากวันนี้
คงไม่มีทางปฏิเสธความรู้สึกของคนินได้อีกต่อไป
--
ตอนที่ 54 — ระเบียงเงียบใต้หิมะโปรย
เสียงพูดคุยในห้องสัมมนาค่อย ๆ จางหาย
เมื่อพายณรีย์ก้าวออกมาจากบานประตู
เธอเดินเรื่อย ๆ มาจนถึงระเบียงกระจกด้านนอก
ที่หิมะโปรยบางเบา อากาศเย็นเฉียบ
กระทบผิวหน้า
แต่กลับไม่เย็นเท่าความวุ่นวายในใจ
เธอพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ
ทบทวนคำพูดของนาริตะที่แทงใจ
และคำพูดของคนินที่ยังดังก้องในหู —
>“สำหรับผม... เธอคือคนที่สำคัญจริง ๆ”
หัวใจเธอสั่นไม่เป็นจังหวะ
พายณรีย์ก้มหน้ามองพื้นหิมะ
ที่เริ่มละลายบนพื้น ระหว่างที่มือเธอสั่นเล็กน้อย
>“อาจารย์พาย...”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
เธอหันกลับไป เห็นคนินยืนอยู่ในชุดสูทสีเข้ม
ผมเขามีละอองหิมะติดอยู่บางเบา
ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อ่านออกได้ยาก
>“เมื่อครู่... ขอโทษนะครับ..
ถ้าผมพูดอะไรที่มันมากเกินไปในห้องสัมมนา”
น้ำเสียงของเขานุ่ม แต่จริงใจ
>“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณลำบากใจ...
ผม..แค่รู้สึกว่า...
ไม่ควรให้ใครมาพูดจาล้ำเส้นแบบนั้น”
พายณรีย์นิ่ง เธอก้มหน้า
พยายามซ่อนความวุ่นวายในใจ
>“แต่..คุณคนินก็ไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น
ในที่สาธารณะค่ะ มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”
>“แล้วถ้า...
ผมอยากคนที่ได้ฟังให้เข้าใจถูก ล่ะครับ?”
คนินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
แต่สายตาเต็มไปด้วยแรงขับ
จากความรู้สึกที่อัดแน่น
>“ผมรู้ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงาน...
เป็นอาจารย์เหมือนกัน..
แต่ผมไม่อยากปิดบังอีกแล้ว ..
ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ..”
คำพูดนั้นเหมือนละอองหิมะ
ที่ตกกระทบตรงกลางหัวใจ
พายณรีย์หายใจติดขัด
มือเธอจิกชายเสื้อสูทของตัวเองแน่น
>“อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ...
ตอนนี้เราอยู่ในเวลางาน”
เสียงของเธอสั่น
เธอพยายามรักษาความนิ่งในน้ำเสียง
แต่ดวงตากลับหลบไม่พ้น
คนินก้าวเข้ามาใกล้เพียงพอ
ให้เธอได้ยินเสียงลมหายใจเขา
>“ผมรู้ครับ... แต่หัวใจของผม ...
มันไม่ได้อยู่ในเวลางานตั้งแต่วันแรก..
ที่เจอคุณแล้ว”
คำพูดนั้นอบอุ่น
ปนหนักแน่นจนเธอใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
พายณรีย์หลุบตาลง สูดลมหายใจแรงอีกครั้ง
แล้วตอบเสียงเบา
>“อาจารย์คนิน... ขอโทษนะคะ
..เราคงต้องกลับเข้าห้องสัมมนาแล้ว”
เธอพูดพร้อมก้าวถอยหลัง
ก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในอาคาร
แต่ในจังหวะที่บานประตูปิดลง
เธอกลับได้ยินเสียงเขาเอ่ยแผ่วเบาไล่หลังมา
>“ไม่เป็นไรครับ...
.. แค่คุณรู้ ว่ามีใครบางคน... รออยู่ตรงนี้ก็พอ”
พายณรีย์หลับตาแน่นในจังหวะนั้น —