ตอนที่ 53 — เส้นบาง ๆ ระหว่างงานและหัวใจ

1205 Words
ตอนที่ 53 — เส้นบาง ๆ ระหว่างงานและหัวใจ ห้องสัมมนาขนาดใหญ่สว่าง ด้วยแสงจากโคมไฟสีขาวนวล เสียงพิมพ์แป้นคีย์บอร์ด เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิด ดังประสานกันอย่างมีชีวิตชีวา บนจอโปรเจกเตอร์ด้านหน้า ปรากฏโจทย์เชิงคำนวณทางวิศวกรรมระดับสูง ที่แต่ละประเทศต้องระดมสมองเพื่อหาคำตอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยสมาธิและแรงกดดัน — แต่ในมุมหนึ่งของห้อง กลับมีความอบอุ่นแผ่วเบา ที่แผ่กระจายออกมาอย่างประหลาด พายณรีย์ นั่งก้มหน้าครุ่นคิดอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ก เส้นผมเธอปรกแก้มบางส่วน ขณะนิ้วเรียวขยับจดสูตรและเขียนสัญลักษณ์ ทางคณิตลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว เธอหยุดชะงักเมื่อเจอสมการบางตัว ที่คลาดเคลื่อน และในจังหวะนั้น — >“ลองตรงนี้ไหมครับ…” เสียงของคนินดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู เขาเอนตัวเล็กน้อย ชี้ไปที่ตัวแปรในสมการ แล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงนิ่ง สุภาพ และมั่นใจในวิธีคิด พายณรีย์หันมามอง ยิ้มบาง ๆ อย่างยอมรับในเหตุผลของเขา >“อืม… ใช่ค่ะ ถ้าแก้แบบนี้ ค่าผลลัพธ์จะลด ความคลาดเคลื่อนลงได้เกือบครึ่ง” ทั้งคู่ก้มหน้าใกล้กัน ขีดเขียนต่อเนื่อง ราวกับพูดกันด้วยภาษาของตัวเลข บรรยากาศตรงนั้นต่างจากทีมอื่นโดยสิ้นเชิง — อบอุ่น นุ่มนวล และมีบางอย่างที่เกินกว่า “เพื่อนร่วมงาน” เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของพายณรีย์ดังขึ้น ตอนที่คนินอธิบายผิดจุดเล็กน้อย >“อาจารย์คนินก็มีพลาดเหมือนกันนะคะ” >“ก็เพราะอาจารย์พายอยู่ข้าง ๆ ไงครับ.. สมาธิผมเลยไม่อยู่กับที่” เธอเงียบ — แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพนั้น… กลายเป็นภาพ ที่สะดุดตาใครหลายคนในห้อง โดยเฉพาะ “นาริตะ” เขายืนพิงโต๊ะด้านหลัง แขนไขว้แน่น ดวงตาคมจ้องภาพตรงหน้าไม่วาง เห็นทั้งรอยยิ้มของเธอ และแววตาอบอุ่นของคนินที่มองพายณรีย์ ในแบบที่เขา เคย มองมาก่อน ริมฝีปากของนาริตะกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามา เสียงรองเท้าหนังของเขา ดังก้องในห้องประชุมจนหลายคนหันมามอง >“ขอโทษนะครับ…” เสียงทุ้มของนาริตะเอ่ยแทรกขึ้นอย่างนุ่ม แต่แฝงความเย้ยหยัน >“เห็นบรรยากาศตรงนี้แล้ว... ผมคงต้องขอขัดจังหวะนิดหน่อย” คนินหันกลับมาช้า ๆ สีหน้ายังคงสุภาพ แต่สายตาแน่วแน่ >“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ คุณนาริตะ” >“อ๋อ… เปล่าหรอกครับ แค่รู้สึกว่า ... ทีมของอาจารย์พายกับคุณคนิน... ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ” นาริตะหัวเราะในลำคอเบา ๆ >“ดูแลกันดีขนาดนี้.. ดูเหมือนคู่รักมากกว่าคู่ร่วมงาน..เลยนะครับ” เสียงหัวเราะเบา ๆ จากผู้เข้าร่วมบางคนดังขึ้น แต่พายณรีย์กลับหน้าขึ้นสี แววตาเริ่มสั่น ก่อนที่นาริตะจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น >“ผมได้ยินมาว่า แม้แต่ตอนกลางคืน… คุณคนินก็ยังอยู่เฝ้าไม่ห่างเลยสินะครับ?” คำพูดนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงทันที พายณรีย์เงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง คนินนิ่งไปเพียงครู่เดียว ก่อนยิ้มบาง ๆ >“ใช่ครับ” เสียงของเขานุ่มแต่ชัด >“เพราะอาจารย์พายไม่สบาย และผมคิดว่า การดูแลคนที่สำคัญสำหรับทีม ..ไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยผ่าน” นาริตะเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำว่า “สำคัญ” ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ที่พยายามกลบความรู้สึกในใจ >“อ๋อ อย่างนั้นหรือครับ… ฟังดูเป็นทีมที่เข้ากันได้ดีจริง ๆ” >“ขอบคุณครับ” คนินตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ไม่หลบตา >“เราทำงานด้วยกัน..เข้ากันได้ดีเสมอ — ทั้งในและนอกเวลา” คำพูดนั้น ทำเอาพายณรีย์แทบหยุดหายใจ นาริตะยิ้มค้าง แต่แววตาเย็นลงเล็กน้อย ก่อนผละออกไปอย่างเงียบ ๆ เหลือเพียงพายณรีย์ที่ก้มหน้าหลบสายตาคนิน ทั้งใบหน้าแดงซ่าน คนินหันมามองเธอแผ่ว ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา >“ผมพูดเกินไปหรือเปล่าครับ…” พายณรีย์ยังไม่ตอบ แค่ส่ายหน้าเบา ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงเต้นของหัวใจ ที่ดังจนกลบเสียงในห้องสัมมนาไปหมด เธอรู้ดีว่า…ต่อจากวันนี้ คงไม่มีทางปฏิเสธความรู้สึกของคนินได้อีกต่อไป -- ตอนที่ 54 — ระเบียงเงียบใต้หิมะโปรย เสียงพูดคุยในห้องสัมมนาค่อย ๆ จางหาย เมื่อพายณรีย์ก้าวออกมาจากบานประตู เธอเดินเรื่อย ๆ มาจนถึงระเบียงกระจกด้านนอก ที่หิมะโปรยบางเบา อากาศเย็นเฉียบ กระทบผิวหน้า แต่กลับไม่เย็นเท่าความวุ่นวายในใจ เธอพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ ทบทวนคำพูดของนาริตะที่แทงใจ และคำพูดของคนินที่ยังดังก้องในหู — >“สำหรับผม... เธอคือคนที่สำคัญจริง ๆ” หัวใจเธอสั่นไม่เป็นจังหวะ พายณรีย์ก้มหน้ามองพื้นหิมะ ที่เริ่มละลายบนพื้น ระหว่างที่มือเธอสั่นเล็กน้อย >“อาจารย์พาย...” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันกลับไป เห็นคนินยืนอยู่ในชุดสูทสีเข้ม ผมเขามีละอองหิมะติดอยู่บางเบา ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อ่านออกได้ยาก >“เมื่อครู่... ขอโทษนะครับ.. ถ้าผมพูดอะไรที่มันมากเกินไปในห้องสัมมนา” น้ำเสียงของเขานุ่ม แต่จริงใจ >“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณลำบากใจ... ผม..แค่รู้สึกว่า... ไม่ควรให้ใครมาพูดจาล้ำเส้นแบบนั้น” พายณรีย์นิ่ง เธอก้มหน้า พยายามซ่อนความวุ่นวายในใจ >“แต่..คุณคนินก็ไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น ในที่สาธารณะค่ะ มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด” >“แล้วถ้า... ผมอยากคนที่ได้ฟังให้เข้าใจถูก ล่ะครับ?” คนินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ แต่สายตาเต็มไปด้วยแรงขับ จากความรู้สึกที่อัดแน่น >“ผมรู้ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงาน... เป็นอาจารย์เหมือนกัน.. แต่ผมไม่อยากปิดบังอีกแล้ว .. ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ..” คำพูดนั้นเหมือนละอองหิมะ ที่ตกกระทบตรงกลางหัวใจ พายณรีย์หายใจติดขัด มือเธอจิกชายเสื้อสูทของตัวเองแน่น >“อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ... ตอนนี้เราอยู่ในเวลางาน” เสียงของเธอสั่น เธอพยายามรักษาความนิ่งในน้ำเสียง แต่ดวงตากลับหลบไม่พ้น คนินก้าวเข้ามาใกล้เพียงพอ ให้เธอได้ยินเสียงลมหายใจเขา >“ผมรู้ครับ... แต่หัวใจของผม ... มันไม่ได้อยู่ในเวลางานตั้งแต่วันแรก.. ที่เจอคุณแล้ว” คำพูดนั้นอบอุ่น ปนหนักแน่นจนเธอใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ พายณรีย์หลุบตาลง สูดลมหายใจแรงอีกครั้ง แล้วตอบเสียงเบา >“อาจารย์คนิน... ขอโทษนะคะ ..เราคงต้องกลับเข้าห้องสัมมนาแล้ว” เธอพูดพร้อมก้าวถอยหลัง ก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในอาคาร แต่ในจังหวะที่บานประตูปิดลง เธอกลับได้ยินเสียงเขาเอ่ยแผ่วเบาไล่หลังมา >“ไม่เป็นไรครับ... .. แค่คุณรู้ ว่ามีใครบางคน... รออยู่ตรงนี้ก็พอ” พายณรีย์หลับตาแน่นในจังหวะนั้น —
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD