บทที่ 1 สร้อยปริศนานำพาข้ามยุคสมัย
ถนนทอดยาวในเมืองหลวงตอนนี้ล้วนประดับไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวโพลนซึ่งปกคลุมทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งบริเวณ แสงสะท้อนจากเสาไฟสองข้างทางบ่งบอกว่าราตรีกาลมาเยือนแล้ว หญิงสาวร่างเพรียวบางสวมเครื่องแต่งกายล้ำสมัย กำลังก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา มีเพียงลาดไหล่แคบที่กระเพื่อมไหวสั่นระริก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะสวยเปื้อนเขรอะคราบน้ำตาจนดูไม่จืด ขาเรียวเยื้องย่างไร้เรี่ยวแรงท่ามกลางความหนาวเหน็บ
วันนี้คือเทศกาลแห่งความรัก มองไปทางไหนก็พบแต่คนเคียงคู่ นี่ควรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตของเธอไม่ใช่เหรอ ในขณะที่เธอตั้งใจเลือกของขวัญชิ้นพิเศษเพื่อมอบแด่ชายอันเป็นที่รัก เหตุใดจึงต้องเผชิญกับภาพบาดตาบาดใจแทน
ใบหน้าแย้มยิ้มของเพื่อนสาวและชายซึ่งเธอรักสุดหัวใจ โผกอดกันท่ามกลางหิมะโปรยปราย มันกำลังปรากฏฉายชัดดั่งภาพสามมิติวนซ้ำไปมา ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดคล้ายถูกปลายมีดอันแหลมคมเสียบลึกตรงอกซ้าย เธอไว้เนื้อเชื่อใจพวกเขามาโดยตลอด เหตุใดจึงกล้าแทงเธอจากข้างหลังอย่างเลือดเย็น
เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...
หญิงสาวง้างมือขึ้น จากนั้นปากล่องของขวัญทิ้งอย่างไม่ไยดี ร่างระหงยอบกายลงพลางกอดเข่าซบหน้าสะอื้นไห้ เธอไม่กลัวความหนาวเย็นเลยสักนิด ยิ่งหนาวยิ่งดี ยิ่งกัดลึกกร่อนกระดูกให้เธอตายไปซะจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดก็ยิ่งดี
หากเธอเลือกได้ ไม่ว่าชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ๆ ขออย่าได้พานพบผู้ชายมักมากหลายใจอีก ปล่อยให้เธอไร้หัวใจ ครองตัวเป็นโสดไปเลยยิ่งดี!!
"แม่หนู มานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้ ไม่หนาวเหรอจ๊ะ" น้ำเสียงแปร่งดังขึ้นเหนือหัว
เจ้าของใบหน้างามแหงนขึ้นแช่มช้า เปลือกตาบางหรี่ลงเล็กน้อย เธอพยายามกะพริบเปลือกตาถี่เพื่อขับไล่ม่านน้ำสีใส หนำซ้ำเบื้องหลังยังมีแสงจากดวงไฟสาดสะท้อนเข้ามา ส่งผลให้เธอมองหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเท่าที่ควร ฟังจากน้ำเสียงและสังเกตลักษณะโดยประมาณ จึงพอคาดเดาได้ว่าผู้มาเยือนเป็นหญิงสูงวัย
เธอส่ายศีรษะเป็นการตอบกลับ เสียงใสเอ่ยถามด้วยความสั่นเครือพลางสูดน้ำมูกเสียงดังพรืด "ละ...แล้วคุณยายล่ะคะ ไม่หนาวเหรอ ดึกมากแล้วนะคะ"
เธอได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะแผ่วดังลอดจากลำคอ มือเหี่ยวย่นยื่นลงมาเบื้องล่างเพราะต้องการช่วยพยุงเธอยืนขึ้น หญิงสาวส่ายหน้าอีกหน "ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย หนูอยากอยู่ตรงนี้อีกสักพัก"
แม้มองไม่ชัดแต่เธอรับรู้ได้ว่าหญิงชราผู้นี้กำลังผลิยิ้มอันอบอุ่นส่งมาให้ "ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้ มีพบก็ต้องมีจาก มีรักก็ต้องมีสิ้นรัก ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตายก็ล้วนเจ็บปวดด้วยกันทั้งสิ้น"
หญิงสาวนิ่วหน้า เธอตัดสินใจหยัดกายยืนขึ้น "คุณยายหมายถึงอะไรคะ"
มือเรียวซึ่งห่อหุ้มด้วยถุงมือหนังราคาแพงยกขึ้นปาดน้ำตาที่ยังหลงเหลือทิ้ง
"นี่ของหนูใช่หรือไม่" หญิงชรายื่นบางสิ่งไปเบื้องหน้า
เธอหลุบเปลือกตาพิจารณาของในมือหญิงชราด้วยความฉงน ยังไม่ทันตอบตกลงหรือปฏิเสธใด มือเล็กก็ถูกอีกฝ่ายคว้าไว้โดยไม่ทันตั้งตัว หญิงชราวางบางสิ่งลงบนฝ่ามือเธอ หญิงสาวยกขึ้นพลิกซ้ายขวาตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ สร้อยลูกปัดอันนี้ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอน
"คุณยายคะ นี่ไม่ใช่..." เธอแหงนหน้าขึ้น "อะ...อ้าว...หายไปไหนแล้วนะ"
นัยน์ตากลมโตกวาดมองโดยรอบก็ยังไม่พบกระทั่งร่องรอย เธอสำรวจสร้อยลูกปัดสีแดงสะท้อนแสงอีกครั้ง คิ้วสวยขมวดมุ่นแทบผูกเป็นปม
"ดูไปแล้วเหมือนของล้ำค่าจากยุคโบราณเลย คุณยายคงไม่ใช่หัวขโมย แล้วต้องการโบ้ยความผิดให้เราใช่ไหม" เธอจะทิ้งก็ไม่ได้ จะเก็บไว้ก็ลังเล ท้ายที่สุดเธอจึงเลือกเก็บเอาไว้อย่างนึกปลดปลง
"ไว้ค่อยตามหาแล้วกัน คุณยายน่าจะเป็นคนพื้นที่นี้" หญิงสาวมองสร้อยลูกปัดในมือ จากนั้นถอนหายใจแผ่ว
ขาเรียวยาวสวมรองเท้าหนังหุ้มสูงถึงหัวเข่าก้าวเดินต่อไปเบื้องหน้า อยู่ ๆ เธอก็สัมผัสถึงความผิดปกติของร่างกายตน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจรัวกระหน่ำ ใบหน้างามเหยเก มือที่ยังถือสร้อยปริศนายกขึ้นขย้ำบริเวณอกซ้ายเพื่อคลายความเจ็บปวด เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกเนิบช้า กระทั่งร่างบอบบางเอนเอียงไม่มั่นคงจวบจนล้มลงท่ามกลางหิมะเย็นเยียบ
...หายใจไม่ออก นี่เราเสียใจจนใกล้ช็อกตายจริง ๆ น่ะเหรอ
เสียงหอบหายใจเข้าออกเป็นจังหวะดังสะท้อนในโสตประสาท ก่อนดวงตาดับแสงลง กลับมีชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น เขาประคองร่างบอบบางไว้บนอ้อมแขน พลางร้องเรียกชื่อของเธอด้วยความร้อนรน
"จือหลิน จือหลิน ฟื้นสิ เป็นอะไร"
เขาเขย่าตัวเธออย่างบ้าคลั่งด้วยอาการตื่นตระหนก เมื่อลองเพ่งสายตามองผ่านลาดไหล่กว้างไป เธอจึงประสานกับแววตาเย็นชาของเพื่อนสนิทซึ่งยืนไม่ห่างมากนัก นัยน์ตานั่นบ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายกำลังสาปส่งเธอ
สมควรตายไปซะ!
เปลือกตาบางปิดปรือแช่มช้า ลมหายใจหญิงสาวแผ่วโหยโรยแรงลงเรื่อย ๆ
พวกหน้าไม่อาย คนทรยศ!!
แค่ก แค่ก
"...ฮูหยิน ฮูหยินท่านได้สติแล้ว!" เสียงแหลมเล็กดีใจราวลิงโลด
หา...ฮูหยินเหรอ ฮูหยินอะไร
เปลือกตาบางขยับไหวท่ามกลางความมืดมน จากนั้นจึงเปิดปรือขึ้นแช่มช้า เมื่อเริ่มขยับตัวกลับรู้สึกร้าวระบมไปเสียหมด เสียงที่เปล่งก็ช่างแปร่งพร่าแห้งขอด "นะ...น้ำ"
"เจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวเอามาให้นะเจ้าคะ" สตรีร่างเล็กลุกพรวดพราดด้วยความเร่งร้อน ส่วนอีกคนมองผู้ป่วยซึ่งนอนซมด้วยดวงตาแดงก่ำ
เอ๋...เกิดอะไรขึ้น นี่มันที่ไหนกัน แล้วสองคนนี้ แต่งตัวก็คล้ายในซีรีส์ย้อนยุคเลย
หญิงสาวมองผู้เป็นนายกำลังสอดส่ายสายตาด้วยสีหน้างุนงง น้ำสีใสก็พานจะไหลอยู่รอมร่อ "ฮูหยิน เป็นอะไรไปเจ้าคะ"
"ฮูหยิน น้ำมาแล้วเจ้าค่ะ"
ยังไม่ทันไขข้อข้องใจ อีกคนก็วนกลับมาพร้อมถ้วยชาในมือ ตอนนี้โซนสมองกำลังตบตีกันจ้าล่ะหวั่น หญิงสาวทั้งสองดูไปแล้วอายุคงราวสิบห้าสิบหก ทั้งสองช่วยประคองกายผู้ป่วยเอนหลังพิงหัวเตียงได้สะดวก
ช่างเถอะ กินน้ำก่อน คอแห้งจะตายอยู่แล้ว
มือเรียวเอื้อมรับถ้วยชากระเบื้องเคลือบพลางกระดกดื่มจนหมด
"เอาอีก"
"เจ้าค่ะ"
น้ำชาถูกส่งเข้าปากอึกแล้วอึกเล่า อีกคนดื่มอีกคนหันไปเติมอยู่เช่นนั้นจนวุ่นไปหมด
"ฮูหยิน ท่านกระหายน้ำมากหรือเจ้าคะ ค่อย ๆ ดื่มเจ้าค่ะ"
"ไม่มีแก้วเหรอคะ นี่มันดื่มไม่อิ่มเลย"
"หา...แก้ว แก้วใดเจ้าคะ" สตรีสองนางมองหน้ากันหลุกหลิก
"โอ๊ย!...ปวดหัว"
อยู่ ๆ ภาพบางอย่างพลันปรากฏขึ้นชั่วพริบตา ทุกการกระทำและคำพูดของสตรีนางนี้กำลังฉายชัดในโสตสมองเฉกเช่นกำลังชมละครย้อนยุคเรื่องหนึ่ง ที่น่าตื่นตะลึงไปกว่านั้น ตอนนี้เธอดุจดั่งเกิดใหม่ ทว่าไม่ใช่โลกใบเดิมของตน หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วขณะ ริมฝีปากบางอ้าเผยอด้วยอาการตระหนก
คนละยุคงั้นเหรอ!?
ที่แห่งนี้คือยุคโบราณ เจ้าของร่างเดิมมีนามว่า หลิวจือหลิน นี่มันชื่อของเธอในโลกอีกด้านชัด ๆ เกิดใหม่ไม่เท่าไหร่ เรื่องโชคร้ายสูงสุดในชีวิตก็ปรากฏ หลิวจือหลินในยุคนี้คือหญิงสาวที่มีนิสัยเกรี้ยวกราด ขี้อิจฉาริษยา ซ้ำยังเป็นที่เกลียดชังของบรรดาผู้คน ล่าสุดนางลอบวางเพลิงเผาจวนโหวจนเกือบวอดเพราะสามีที่ตนรักกำลังรับอนุเข้าจวน
"นี่ข้า! ข้าคือ หลิวจือหลิน"
นิ้วเรียวชี้เข้าหาตนด้วยอาการตื่นตะลึง เมื่อถูกปลุกความทรงจำของโลกใบนี้กระทั่งวาจาที่เปล่งออกมาก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนสักนิด หญิงสาวในยุคสองพันได้หวนมาเกิดใหม่ในยุคโบราณ กระนั้นกลับหอบความทรงจำต่าง ๆ มาด้วย มีความทรงจำของโลกอีกด้าน และยังหลงเหลือความทรงจำในมิติแห่งนี้อีก
"ฮูหยิน ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ ทะ...ท่านความจำเสื่อมงั้นหรือ"
นัยน์ตากลมโตกลอกไปมาซ้ายขวา "เจ้าคือ เจียวเจียว ส่วนเจ้า ปี้อี๋"
พวกนางเอ่ยตอบโดยพร้อมเพรียง "ใช่แล้วเจ้าค่ะ" จากนั้นเหลียวมองหน้ากันอย่างงุนงง
นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมความทรงจำเหล่านี้ โอ้แม่เจ้า เราย้อนเวลามาเกิดใหม่ที่ยุคโบราณหรือเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะ...
หลิวจือหลินควานหาบางอย่างสะเปะสะปะ ใจของนางเต้นระรัวแทบกระโจนออกนอกอก เรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร นางคงไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่
"ฮูหยิน กำลังหาสิ่งใดอยู่เจ้าคะ" เจียวเจียวเอ่ยถาม
"สร้อยลูกปัดสีแดง ที่นี่มีหรือไม่"
ปี้อี๋ค่อย ๆ ชี้ปลายนิ้วไปยังลำคอขาวผ่อง "ถ้าหมายถึงสร้อยเส้นนั้น ฮูหยินก็สวมติดกายอยู่ตลอดอย่างไรเจ้าคะ"
ท่าทีกระวีกระวาดสงบลง หลิวจือหลินลดสายตามองสร้อยซึ่งคล้องอยู่บนลำคอแช่มช้า "นี่มัน....สร้อยที่คุณยายให้มาจริงด้วย!"
เจียวเจียวกล่าวด้วยท่าทีประหม่า "เอ่อ...ฮูหยิน คุณยายใดเจ้าคะ นั่นสร้อยลูกปัดปะการังเพลิงที่บิดาของท่านมอบให้ในวันแต่งงานมิใช่หรือ"
หลิวจือหลินแหงนหน้ามองสาวใช้ทั้งสอง พวกนางพลางหลุบตามองต่ำเดี๋ยวนั้น หลิวจือหลินถอนหายใจแผ่ว ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นดุจสายฟ้าฟาด แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่า ไฉนจึงกลายมาเป็นหญิงสาวที่แต่งงานมีสามีด้วยเล่า หนำซ้ำยังเป็นผู้ชายมักมากอีกด้วย
สวรรค์รังแกกันสนุกเหลือเกิน!