ตอนที่8:โศกนาฏกรรม

2833 Words
๘ คุ้มโขลงกาฬวกหัตถีร่ายล้อมอัดแน่นเต็มไปด้วยเหล่าคชสารและไอยรามากหน้าหลายตาคอยช่วยจัดเตรียมงานมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ ความวุ่นวายแลรีบเร่งทำให้ไม่มีผู้ใดสนใจนางไอยราจากตระกูลฉัททันต์ นางไอยราที่ไม่ได้รับเชิญ พิณพิมาสวมผ้าคลุมผืนบางโพกศรีษระปิดบังใบหน้า ดวงตากวาดมองกลุ่มคนที่กำลังจัดเตรียมงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมสุข หญิงสาวที่ควรจะมีความสุขที่สุดในงานมงคลควรจะเป็นนางด้วยซ้ำ ริมฝีปากบางขบเม้มเป็นเส้นตรงเหยียด นางกระพริบดวงตาไล่น้ำตาคลอเบ้า “เจ้ามันน่าชังนักช่อเอื้อง!” หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาข่าวงานมงคลแพร่สะพัดทั่วทุกคุ้มโขลง นางไอยราเผือกผ่องร้อนใจออกเดินทางมาขอร้องให้แม่ทูลหัวช่วยยกนางเป็นเมียรองของท่านคชคณ นางยอมเป็นที่สองกินน้ำใต้ศอก แต่กลับถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไม่ไว้หน้าเพียงเพราะตอนนี้หญิงสาวนางนั้นกำลังตั้งครรภ์ลูกของท่านคชคณ มันจะเป็นการหักหาญน้ำใจช่อเอื้อง ทว่ากลับไม่มีผู้ใดเห็นใจนางบ้างหรือ... แผ่นหลังกว้างอันคุ้ยเคยยืนหันหลังสั่งงานเหล่าคชสารให้แบ่งหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในวันงาน หญิงสาวร่างสูงระหงผิวสีเงินยวงเดินตรงดิ่งเข้าไปหาชายผู้นั้น ชายผู้ที่นางเฝ้ารอคอยการให้อภัย เรียวแขนเอื้อมหมายไขว่คว้าท่อนแขนกำยำ รอยยิ้มกว้างฉาบบนดวงหน้า แต่กลับต้องชะงักเมื่อหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินเข้ามาเกาะลำแขนของเขา ช่อเอื้อง... “ทะ...” พิณพิมาหุบยิ้มลงทันควัน รอยยิ้มอันเปี่ยมแน่นไปด้วยความหวังสลายลง ดวงตาฉายแววริษยามองนางผู้นั้นออดอ้อนออเซาะท่านคชคณ มือทั้งสองข้างกำแน่นเข้าหากัน ก่อนจะเดินกลับหลังหันออกมา “ท่านพี่เสร็จหรือยังเจ้าคะ” ช่อเอื้องเกาะแขนแกร่งราวกับลูกลิง นางเอียงดวงหน้าถามชายหนุ่มเสียงหวาน “ยังเลยช่อเอื้อง เจ้าไปรอพี่ที่ตำหนักท่านแม่ก่อนเถิดเดี๋ยวพี่ตามไป กลางแจ้งแดดมันแรง” มือหยาบกร้านยีผมยาวสลวยของนางอย่างรักใคร่และเอ็นดู “เจ้าค่ะ” “ฟอด!” จมูกโด่งสันกดลงบนศรีษระเล็กดันให้นางเดินกลับเข้าไปในร่ม หลังมองนางสุดสายตาจึงหันมาสั่งงานต่อ ทางด้านพิณพิมาเมื่อเห็นโอกาสจึงเดินดุ่ม ๆ เข้ามากระชากท่อนแขนแกร่งให้เดินตามออกมา พญาคชสารใหญ่เห็นเพียงผมยาวสลวยสีเงินยวงของนางจึงรู้ได้ในทันทีว่านางคือพิณพิมา เมื่อรู้ว่าเป็นนางคนรักเก่าที่ได้ตัดความสัมพันธ์นมนานมาแล้ว เขาจึงสะบัดท่อนแขนออกจาการเกาะกุมของนาง นัยเนตรสีนิลขุ่นเคืองมองนางผู้ไร้กาลเทศะ หากจะให้พูดตามตรงนางเป็นไอยราที่ดื้อด้านแลยังเอาแต่ใจตนอย่างร้ายกาจ เมื่อใดหนอ...นางจักฉุดได้เสียทีว่าสิ่งที่นางทำอยู่มันเสียเวลา “ท่านคชคณ...ท่านรู้หรือไม่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าคนึงหาเพียงแต่ท่าน ข้ารอคอยเพียงท่าน” หญิงสาวเรือนผมสีเงินยวงโผกอดคชสารหนุ่มแน่น นางหลั่งรินหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจท่วมแผงอกแกร่ง “......” คชคณถอนหายใจพรืดใหญ่ เจ้าของกายานิลผลักร่างของนางออกห่าง เขาไม่ชอบให้นางอื่นมาสวมกอด ทับรอยในพื้นที่ของช่อเอื้อง เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นเวลาสิบปีแล้วจะรื้อฟื้นขึ้นมาทำกระไร “ให้ข้าเป็นเมียผู้น้องหรือเมียเก็บข้าก็ยอมทั้งนั้น ท่านอย่าใจร้ายใจดำต่อข้านักเลย ท่านก็รู้ว่าข้ารอท่านผู้เดียวตลอดสิบปีที่ผ่านมา จนตอนนี้ข้าจะเป็นนางไอยราแก่ขึ้นคานโดดเดี่ยวอยู่รอมร่อ” พิณพิมากล่าวทั้งน้ำตา “พิณพิมาข้าหมายมั่นจะมีเมียเดียว เรื่องของระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เจ้าจักแก่ขึ้นคานแล้วมาเกี่ยวกระไรกับข้า เจ้าไม่ยอมออกเรือนนั่นก็สิทธิ์ของเจ้า เหตุใดจึงเอ่ยออกมาราวกับว่าข้าบีบบังคับไม่ให้เจ้าออกเรือน” “เจ้าฟังนะพิณพิมา ข้าหมายมั่นจักมีเมียเดียว” “จะเมียเดียวได้อย่างไรแล้วข้าเล่า ข้าสัญญาจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายให้ท่านแลนางผู้นั้นเดือดร้อน ข้าขอเพียงให้ท่านเจียดเวลามาให้ข้าบ้างเท่านั้นเป็นพอท่านคชคณ ข้าจะไม่ออกหน้าออกตา ข้าสัญญา...” ไอยราเผือกทรุดเข่าลงกับพื้นกอดท่อนขาแกร่งของเขา วิงวอนขอเศษเสี้ยวความรักจากพญาคชสารนิล วินาทีนี้จะอะไรนางก็ยอมทั้งนั้น ศักดิ์ศรี ทิฐิ พังครืนลงต่อหน้า ขอเพียงนางได้อยู่เคียงข้างเขาดังเดิมจะฐานะกระไรนางก็ยอม “สิ่งที่เจ้าร้องขอข้าไม่สามารถมอบให้ได้ จะชายา เมียรองหรือเมียเก็บทุกตำแหน่งช่อเอื้องนางรวบควบทุกตำแหน่งเพียงผู้เดียว นั้นหมายความว่าไม่มีพื้นที่สำหรับเจ้าที่คิดจะเข้ามาเป็นส่วนเกินของครอบครัวข้า” พญาคชสารตอบชัดตรงทุกประเด็นทำเอานางพิณพิมาถึงกับหน้าเสียพูดไม่ออก เขาว่านางคือส่วนเกินงั้นหรือ... ประโยคนั้นเสียดแทงความรู้สึกของนางจนปวดร้าวจุกอก เสียงร่ำไห้ร้องครวญปานจะขาดใจดังขึ้น นางไอยราเผือกทรุดก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟายคล้ายคนเสียสติ พญาคชสารส่ายหน้าถอนหายใจหนักหน่วง หากจะมีผู้ผิดก็คงเป็นเขาที่เลือกคบหานางในช่วงเวลาหนึ่ง จนนำพามาซึ่งปัญหาคารางคาซัง “ฮะ...ฮึก...ฮึก” “ฮือออ” “ฮึก...ฮึก” “ไม่ว่าเจ้าจะมาขอร้องข้าหรือท่านแม่เจ้าก็จักได้คำตอบเดียวกันหนาพิณพิมา หยุดสร้างความอึดอัดให้ท่านแม่ข้าเสียที เจ้าเป็นช้างแก้วคิดจะผิดศีลข้อสามหรือ” ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาเขาชัดเจนมาโดยตลอดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางเป็นอันสิ้นสุด เหตุใดนางจึงไม่ยอมรับฟัง ดื้อด้านตั้งตนเป็นใหญ่ในความคิด ชายหนุ่มเดินหลีกหนีปล่อยให้นางจมอยู่กับความคิดของตนเอง เขาไม่ใคร่อยากเสวนากับนาง เสมือนพูดคนละภาษา แต่เดินออกมาได้มาไกลก็เห็นช่อเอื้องยืนมองด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้ม “มาตั้งแต่เมื่อใด พี่บอกเจ้าให้ไปรออยู่ในร่มไม่ใช่หรือ” คชสารใหญ่รีบมาประคองช่อเอื้องเบามือด้วยความทะนุถนอม “สักพักแล้วล่ะเจ้าค่ะ อดีตท่านพี่มากมายนับไม่ถ้วนเลยนะเจ้าคะ” ช่อเอื้องแซว นางได้ยินทุกประโยคตั้งแต่ต้นจนจบจึงรู้สึกสงสารนางผู้นั้นนัก ถึงขนาดยอมอ้อนวอนขอเป็นเพียงเมียเก็บ คงจะปักใจรักในท่านคชคณไม่น้อย “เรื่องระหว่างพี่กับนางจบลงตั้งแต่ ๑๐ ปีก่อนแล้ว มันนานมากแล้วช่อเอื้อง หัวใจดวงนี้พี่ให้เจ้ากุมเพียงผู้เดียว แม้นเจ้าอนุญาตให้นางเป็นเมียผู้น้อง พี่ก็ไม่สามารถทำตามความต้องการในข้อนี้ของเจ้าได้ แม่หญิงผู้นี้ยากรับมือนัก…” นี่ไม่ใช่เพียงคำหวานที่เขาเอื้อนเอ่ยเพื่อเอาใจช่อเอื้อง แต่มันคือความรู้สึกจากใจแท้ที่เขามีต่อนาง “ใจร้ายจริง...” ช่อเอื้องยกยิ้มมุมปาก เขาอาจจะดูใจร้ายต่อนางผู้นั้นมากก็จริงแต่หากเขายอมรับนางเป็นเมียเก็บขึ้นมาจริง ๆ ไม่แคล้วดวงใจของนางคงปวดหนึบไม่แพ้กัน “พี่มิใจดีเผื่อแผ่นางอื่นเว้นเพียงเจ้า พรุ่งนี้ก็จะได้เข้าหอร่วมเรียงเคียงหมอนครองคู่กันแล้ว พี่ไม่อยากให้มีสิ่งใดมารบกวนจิตใจเจ้า” “เจ้าค่ะ” “อีกสักพักพี่จะไปเชื้อเชิญสหายสนิทมาร่วมงาน เจ้าคงไม่ว่ากระไรพี่ดอกหนา” งานมงคลสมรสทั้งทีจะขาดบุคคลสำคัญไปได้อย่างไร อีกอย่างเขาก็ไม่ได้พบเจอพูดคุยสหายสนิททั้งสองมาเป็นเวลานาน “ผู้ใดเจ้าค่ะ ข้าไม่ยักรู้ว่าท่านพี่มีสหายสนิท” ช่อเอื้องเลิกคิ้วดกดำขึ้นอย่างงุนงง ที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นเขาไปมาหาสู่สหายตนใดจึงพลอยคิดว่าเขาคงจะไม่มีสหายสนิทกระมัง “เจ้าจะพูดว่าข้าไม่มีผู้ใดคบค้าสมาคมด้วยหรือช่อเอื้อง” คชคณหรี่สายตามองเมียรัก “ผู้ใดล่ะเจ้าคะ” นางพยายามเบี่ยงเบน “เจ้าไอยศูรย์และเจ้ากัณหกาฬ หนึ่งปกครองแดนดินนรกภูมิ หนึ่งปกครองคาบสมุทรทะเลอันดามัน” “ไม่ยักรู้ว่าท่านพี่มีสหายเกรียงไกรเพียงนี้” “แล้วผัวเจ้าไม่เกรียงไกรตรงใด” “ผู้ใดว่าท่านพี่ไม่เกรียงไกรเล่า เกรียงไกรทุกสัดส่วนเพียงนี้” ช่อเอื้องเขย่งเอื้อมขบริมฝีปากล่างของคชสารนิลอย่างเอาใจแผ่วเบา ฝ่ามือนุ่มนิ่มประคองใบหน้าเข้มรับสัมผัสดูดดื่มพะเน้าพะนอคลอเคลีย คชสารนิลโอบล้อมรอบเอวนางปล่อยให้นางเพลิดเพลินไปกับการหยอกเย้าเขา “พี่ช่อเอื้องแม่ทูลหัวเรียกให้ไปลองชุดเจ้าค่ะ อุ้ย!” แก้วเกล้าที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาถึงกับอุทานเสียงหลง ช้างพังตัวน้อยถึงกับปิดตาสนิท ทำราวไม่เห็นพวกเขาทั้งสองกำลังดื่มด่ำแนบชิดกันอยู่ “งั้นข้าขอตัวไปหาแม่ทูลหัวก่อนนะเจ้าค่ะ” “อืม...พี่จะไปเชื้อเชิญสหายเช่นกัน ดูแลตนเองให้ดีพี่จะรีบไปรีบกลับ” “เจ้าค่ะ” ช่อเอื้องแยกย้ายจากชายอันเป็นที่รักเดินลัดเลาะหนทางมุ่งตรงไปยังตำหนักของแม่ทูลหัว โดยมีแก้วเกล้าคอยติดตามเดินมาถึงครึ่งทางจึงพบเจ้าของร่างสูงระหงของนางพิณพิมายืนดักรอคอยอยู่ใต้ต้นคูณขาวบานสะพรั่งอยู่นานแล้ว ใบหน้าของนางสุดแสนเศร้าสร้อย นางลดผ้าโพกศรีษระลงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสลด “ข้าขอคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่แม่นางช่อเอื้อง” พิณพิมาเอ่ยวิงวอนต่อนาง “เจ้ามีกระไรจะคุยกับข้าหรือแม่นาง” ช่อเอื้องเอ่ยถามกลับ นางค่อนข้างระแวดระวังตนแต่อีกใจก็ยังรู้สึกเห็นใจพิณพิมาอยู่ไม่น้อย “ระ...เรื่องท่านคชคณ” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นพูดไม่เต็มเสียง “พี่ช่อเอื้องแม่ทูลหัวเรียกนะเจ้าคะ” “ข้ารู้แก้วเกล้า ข้ามีเวลาให้เจ้าครู่เดียวเท่านั้นหนา ข้าจักรับฟังความอัดอั้นตันใจของเจ้า” “ขอบใจแม่นาง” “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เถิดแก้วเกล้าประเดี๋ยวข้ามา ไม่นานดอก” ช่อเอื้องสั่งกำชับให้แก้วเกล้ารอคอยใต้ต้นคุณขาว ส่วนตัวนางและพิณพิมาเลือกเดินออกไปหาพื้นที่เงียบสงบพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว พิณพิมาเลือกเดินขนาบข้างช่อเอื้องมาบริเวณริมแม่น้ำสีทันดร แม่น้ำสายนี้ใสสะอาดมีความกว้างแลลึก แม้นเพียงฝุ่นหรือเศษตะกอนต่างก็จมดิ่งสู่ใต้ธารา มิอาจลอยเคว้งเหนือผิวน้ำ พิณพิมาสบโอกาสจึงคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนช่อเอื้องด้วยทีท่านอบน้อม “แม่นางหากเจ้าไม่รังเกียจช่วยรับข้าเป็นเมียผู้น้องของท่านคชคณได้หรือไม่ ถือว่าข้าขอร้องเจ้าเถิดหนา ข้ายอมทำทุกอย่างขอเพียงแม่นางยินยอมให้ข้าเป็นเมียผู้น้อง” พิณพิมาในขณะนี้กอดเข่ากราบกรานช่อเอื้อง สลัดความเย่อหยิ่งทั้งหมดที่มี ปราการด่านสุดท้ายนี้คือหนทางเดียวที่พอจะช่วยให้นางได้มีโอกาสเคียงคู่เขา “ลุกขึ้นเถิดพิณพิมา เจ้าเป็นถึงช้างแก้วตระกูลฉัททันต์ ไยต้องมาอ้อนวอนขอเศษเสี้ยวความรักจากผู้อื่นถึงเพียงนี้” ช่อเอื้องรั้งให้นางลุกขึ้นมาคุยกันดี ๆ ดูนางทำเหมือนนางในโรงละครไม่มีผิดเพี้ยน ความรักมันทำให้นางโง่เขลายอมลดตัวกระทำสิ่งที่ไม่สมควรเชียวหรือ “ข้ารักเขา...” พิณพิมาประกาศกร้าวต่อหน้านาง “ข้าได้ยินทุกสิ่งอย่างที่เจ้าพูดกับท่านคชคณ หากเขายืนกรานหนักแน่น แม้นแต่ตัวข้าก็มิอาจขัดท่านพี่ได้ ข้าหวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจพวกข้าบ้าง เราทั้งสองต่างหมายมั่นตั้งใจจะเป็นผัวเดียวเมียเดียวพิณพิมา” “เจ้ามิอาจขัดหรือเจ้าไม่อยากช่วยข้ากันแน่ช่อเอื้อง ทั้ง ๆ ที่ข้ามาก่อนยอมถึงขั้นเป็นเมียผู้น้องมันก็มากพอที่เจ้ามิอาจปฏิเสธคำขอร้องของข้า” ดวงหน้าเผือกผ่องแข็งกร้าวขึ้นทันตาเห็น นางกระชากท่อนแขนของช่อเอื้องรุนแรง ปฏิกิริยาของนางมาดร้ายขึ้นในทันที “อย่ามาอวดเบ่งใส่ข้า ข้ามิใช่เพื่อนเล่นเจ้า” ช่อเอื้องสะบัดท่อนแขนที่ถูกนางบีบแน่นจนแดงเผือด ดวงตากลมจ้องเขม็งนางไอยราเผือกดุดัน ไร้ความหวาดกลัว “งั้นก็ช่วยข้าสิ ช่วยข้า รับข้าเป็นเมียผู้น้อง รับข้า!” นางไอยราคลุ้มคลั่งพร่ำพรรณาให้หญิงสาวยินยอมรับนางเป็นเมียอีกคนของคชคณ น้ำเสียงของนางเดือดดาล เมื่อเห็นว่าทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ “เจ้าบ้าไปแล้วพิณพิมา หากเจ้ายังเสียสติเช่นนี้อยู่ ข้าไม่ใคร่เสวนากับคนอย่างเจ้าให้เสียเวลา ก่อนจะรักผู้อื่นเจ้าควรรักตนเองให้เป็นเสียก่อน” ช่อเอื้องถอนหายใจเหนื่อยอ่อน การพูดคุยกับหญิงสาวเช่นพิณพิมาทำให้นางแทบเสียประสาท นางถูกเลี้ยงดูมาอย่างไรจึงได้มีนิสัยแบบนี้ ช่อเอื้องพยายามเดินเลี่ยงออกมา ขืนอยู่ต่อคงไม่แคล้วต้องต่อล้อต่อเถียงทั้งวัน “กลับมาคุยกับข้าก่อนช่อเอื้อง!” “ข้าจะไปลองชุดงานมงคล ข้าไม่มีเวลามากพอให้เจ้าคลุ้มคลั่งใส่” “!!?!!” ประโยคนั้นปลุกเร้าความอิจฉาริษยาที่มีต่อช่อเอื้องให้ลุกโชนบดบังความสำนึกผิดชอบชั่วดี พิณพิมาขุ่นเคืองจนเนื้อตัวสั่น นางขยายร่างกลายเป็นไอยราขนายยาวมหึมาสีเงินยวงวิ่งชนร่างอรชรของช่อเอื้องเต็มแรง ขนายยาวแหลมคมมากพุทธคุณ เสียบเข้ากลางหลังทะลุออกทางด้านหน้าอาบเลือดแดงฉาน ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ซ่านทั่วร่างบาง บาดแผลฉกรรจ์บริเวณหน้าอกฉีกขาดน่าหวาดเสียว ร่างของช่อเอื้องลอยขึ้นเหนือพื้น ริมฝีปากอิ่มกระอักเลือดคาวท่วมออกจากปาก “อึก!” “หากมึงยอมกูโดยดีแต่ทีแรกมึงก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้อีช่อเอื้อง!” เสียงคำรามของพิณพิมาแผดลั่น เป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่นางสะบัดขนายยาวอาบเลือดโยนช่อเอื้องลงสู่แม่น้ำสีทันดร ตู้มมม! แม่น้ำใสบริสุทธิ์ที่แม้เพียงขนนกยูงอันเบาหวิวก็ไม่อาจลอยเหนือแม่น้ำสีทันดร ต้องจมดิ่งสู่ก้นบึ้งธารธารา ช่อเอื้องตกลงสู่แม่น้ำจากที่สูง ร่างครูดชะลูดขนายยาวสีเงินยวงให้ความรู้สึกชาวาบตรงกลางอก ภาพสุดท้ายที่นางเห็นคือนางพญาไอยราเผือกผ่องขนายอาบเลือดแดงฉาน ยืนจ้องมองลงใต้ผืนธาราด้วยแววตาสุดแสนจะเกลียดชัง ร่างของนางกำลังจมดิ่งสู่ก้นบึ้งที่ลึกที่สุด สายน้ำเย็นเยียบไหลทะลักทดแทนอากาศบริสุทธิ์ความรักของแม่แม้ตัวจะตายแต่กลับกลั้นใจยื้อชีวิตตนในช่วงนาทีสุดท้าย ช่อเอื้องรวบรวมพลังต้นจิตของเอื้องไอยเรศทั้งหมดปกป้องลูกน้อยในครรภ์ นำดวงแก้วนิลคชสารต้นพลังชีวิตของลูกน้อยในครรภ์ส่งขึ้นไปเหนือนภา ‘ไปหาพ่อเจ้าให้เขาปกปักษ์คุ้มภัย’ ดวงตากลมมองส่งลูกสุดสายตาจึงค่อย ๆ ดำดิ่งตามแรงโน้มถ่วงธารา พร้อม ๆ ลมหายใจที่เลือนลางเบาหวิวจนกระทั่งสัญญาณชีพของนางมอดม้วยดับลง เสมือนเปลวไฟเทียนไขดับวูบลงกระทันหัน เลือดสีสดถูกสายน้ำชำระล้างร่องรอยโศกนาฏกรรมอันเศร้าสลด ลูกแก้วนิลคชสารถูกปกปักษ์โดยพลังแห่งชีวิตเฮือกสุดท้ายของมารดา นำพาสองชีวิตที่ยังไม่ลืมตาดูโลกลอยละล่องซ่อนเร้นศัตรูหาผู้เป็นบิดา พญาคชสารที่กำลังยืนพูดคุยกับพญานาคนิลบริเวณสระอโนดาดหันขวับตามสัญชาตญาณมองลูกแก้วนิลคชสารถูกโอบล้อมด้วยพลังเอื้องไอยเรศประกายม่วงอ่อน ใจเขาหล่นตุบกองลงกับพื้น มือสากรีบคว้าลูกแก้วสีนิลสองหน่วยกำแนบอก ไม่ต้องบอกก็รู้นี่คือต้นชีวิตลูกทั้งสองของเขา “ช่อเอื้อง!” “เจ้ากาฬเมียข้ามีภัยข้าขอตัวกลับก่อน” ไม่รีรอให้สหายสนิทที่ตอบกลับ พญาคชสารเหาะเหินกลับเทือกเขาหิมาลัยเป็นการด่วน ต้นชีวิตของลูกน้อยถูกกักเก็บไว้อย่างหนาแน่น ตอนนี้เขาหวั่นใจเป็นที่สุดว่าเกิดเรื่องอะไรกับนาง เหตุใดนางจึงรวบรวมพลังทั้งหมดส่งลูกมาให้เขา “อย่าเป็นอย่างที่พี่คิดเลยหนาช่อเอื้อง...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD