ตอนที่3:เลียให้ข้าสิ

3109 Words
๓ มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังในตัวเมืองเชียงรายตั้งตระหง่านอยู่ในหุบเขา เมฆหมอกในยามเช้าเคลื่อนจากที่สูงลอยลงต่ำปกคลุมทิวทัศน์ธรรมชาติ รายล้อมกระแสลมหนาวห้อมล้อมสถานศึกษาแห่งนี้ ถนนลาดยางลัดเลี้ยวพาดผ่านไปตามตึกอาคารเล่าเรียนของแต่ละคณะสาขา ด้วยหนทางที่ยาวไกลจำต้องมีรถกอล์ฟรับ-ส่งนักศึกษาบริเวณปากทางเข้า นักศึกษาบางรายอาจจะขับขี่รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาตามสะดวก แต่สำหรับเอื้อนจันทร์นั้นมีพี่ชายสุดหล่ออย่างทิศเหนือขับมาส่งถึงหน้าตึกอาคารเรียน “อย่าโดดเรียนนะยัยเอื้อน” ทิศเหนือลดกระจกรถยนต์ลงครึ่งหนึ่ง เขาชะโงกหน้าหันมากำชับน้องสาวที่เริ่มโตเป็นสาวบานสะพรั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เข้าไปช่วยงานพ่อด้วยนะพี่เหนือ” เอื้อนจันทร์ย้ำพี่ชายกลับ “อืม...เลิกเรียนพี่มารับ ยี่สกกับน้ำว้าจะไปถนนคนเดินด้วยกันมั้ยล่ะ” ทิศเหนือเหลือบมองเพื่อนสาวคนสนิทของน้องสาวทั้งสองคนที่กำลังโบกมือหยอย ๆ อยู่ทางด้านหลัง “ไปค่ะ/ไปค่าพี่เหนือ” สองสาวรีบตอบน้ำเสียงดี๊ด๊า “โอเคตั้งใจเรียนนะสาว ๆ ห้ามพากันไปเถลไถลที่ไหนเข้าใจตรงกันนะครับ” ทิศเหนือย้ำอีกรอบ “ค่าาา...” ยี่สกในชุดนักศึกษารัดรูปกระโปรงสั้นเพียงคืบทรงเอเดินเข้ามาคล้องคอเอื้อนจันทร์ให้รีบวิ่งขึ้นตึก ก่อนอาจารย์ประจำวิชาจะล็อคห้องไม่ให้คนที่มาสายเข้าเรียน น้ำว้ารีบขยับแว่นหนาเต๊อะดันหลังเพื่อนทั้งสอง คาบวิชาหลักในวันเปิดภาคเรียนแรกไม่ได้มีการเรียนการสอนเพียงแจกจ่ายหนังสือและเอกสารประกอบการเรียนพร้อมกับการแนะนำตัวของอาจารย์ประจำคาบวิชาบัญชีทำเอานักศึกษาถึงกับตาลุกวาว เมื่ออาจารย์ใหม่ในคาบวิชามีความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ใบหน้าคมคายภายใต้แว่นตากรอบบาง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกางเกงสแล็คสีดำมันวาวยืนตระหง่านหน้าห้องมองนักศึกษาของเขาทีละคน ก่อนจะเอ่ยแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ “สวัสดีครับนักศึกษาทุกท่าน ผมอาจารย์การัญ อาจารย์ประจำภาควิชาการบัญชีนะครับ ฝากตัวด้วยนะครับนักศึกษา” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไล่มองนักศึกษาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้มท่าทางใจดี ก่อนจะสะดุดหยุดกึกมองหญิงสาวผมยาวดำขลับลอนสลวยทางด้านซ้ายที่กำลังเปิดเอกสารประกอบการเรียนดูแต่ละหน้าอย่างละเอียด “สวัสดีครับ/ค่ะ ฝากตัวด้วยครับ/ค่าอาจารย์” “เอื้อนอาจารย์มองแกปิดเอกสารก่อน” น้ำว้าสะกิดเรียวแขนของเพื่อนที่กำลังก้มหน้าก้มตาให้เงยหน้าขึ้นมาฟังอาจารย์ก่อน เอื้อนจันทร์ที่ได้ยินดังนั้นจึงลนลานปิดเอกสารพร้อมเงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่งสบตาอาจารย์ “......” อาจารย์การัญยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดคุยทำความรู้จักกับนักศึกษาเพื่อกระชับสัมพันธ์ไมตรี ไม่ให้บรรยากาศในการเรียนตึงเครียดจนเกินไป เพราะลำพังหลักสูตรเนื้อหาก็เข้มข้นจนนักศึกษาหลายคนบ่นอิดออด เกรงว่านักศึกษาจะอยากถอนตัวกลางคัน วันเปิดภาคเรียนวันแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดีพร้อมเอกสารประกอบการเรียนหลายวิชาที่อาจารย์แจกจ่าย สามสาวมานั่งรอพี่ทิศเหนือบริเวณศาลาริมสระใต้ต้นมะขามฝักใหญ่ ก่อนน้ำว้าจะขยับถอดแว่นหนาเต๊อะที่สวมใส่วางลงบนโต๊ะเผยดวงหน้าหวานซ่อนเปรี้ยว “พวกแกคิดเหมือนฉันมั้ยอาจารย์การัญน่ะหุ่นน่าเซี้ยะชะมัด ก้นก็โด่งแขนก็โตฟิตเปรี้ยะ!” น้ำว้าสยายผมไปทางด้านหลังพลางเอ่ย อันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากจะใส่เจ้าแว่นสุดเฉิ่มอันนี้หรอก เพียงแต่ว่ามันทำให้เธอดูเป็นเด็กเรียบร้อยในสายตาพ่อแม่ตระกูลสัตวแพทย์ ที่ตีกรอบให้เธออยู่ในวงล้อมนั้นมาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งที่ความเป็นจริงเธอก็แก่นเซี้ยวเฟี้ยวฟ้าวไม่ต่างอะไรจากเอื้อนจันทร์และยี่สก “ดีขนาดนั้นเลยหรอไม่ทันสังเกตอ่า” เอื้อนจันทร์ว่า “พูดอะไรให้เกียรติคนซิงอย่างยัยเอื้อนหน่อย พูดไปมันก็ไม่เข้าใจหรอก” ยี่สกเอ่ยน้ำเสียงคิกคัก ก่อนจะสะดุ้งโหยงด้วยแรงบิดใบหูจากมือนุ่มของเอื้อนจันทร์ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะร่วนของน้ำว้า “อะ...โอ๊ยเพื่อนรัก ฉันหยอกเล่นจ้า” ยี่สกโยกตัวตามแรงดึงเพื่อไม่ให้หูใบเล็กแดงเผือดกว่าเก่า ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่เมื่อเอื้อนจันทร์ผ่อนแรงและยอมปล่อยมือ “นี่แน่...ฉันซิงแล้วมันทำไมย่ะ” “ฉันหมายถึงแกคงไม่มีอารมณ์คิดถึงเรื่องอย่างว่าน่ะสิ พวกฉันสองคนแค่มองหน้าอาจารย์ก็คิดเลยเถิดไปถึงเรื่องอย่างว่าแล้วล่ะจ๊ะสาวน้อย” ยี่สกอธิบาย น้ำว้าพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย “พวกแกนี่นะกับอาจารย์ก็ไม่เว้น ฉันเป็นผู้ชายในสต็อคคงน้อยใจแย่ พูดแล้วก็เศร้าฉันดันไม่มีในสต็อคเลยสักคน หน้าตาฉันมันขี้เหร่ขนาดนั้นเลยหรอ” เอื้อนจันทร์เอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิท “ดีกรีดาวมหาลัยเอาไรมาขี้เหร่ย่ะยัยเอื้อน ถ้าแกขี้เหร่บนโลกนี้ก็คงไม่มีคนสวยแล้วล่ะ” ยี่สกหยิบล้วงมาสคาร่าขึ้นมาปัดขนตาให้งอนเด้งก่อนจะเอ่ยบอกเพื่อนตามความจริง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่อยากให้แกมีผัวจริงเหมือนยี่สกว่ามั้งเอื้อน” น้ำว้าว่าหน้าตาจริงจัง เพราะสามสาวที่คบกันเองอยู่แค่นี้ นับว่าจัดอยู่ในระดับกลุ่มสาวสวยของคณะ แต่จะมีอยู่คนเดียวที่ขายไม่ออกก็คงจะเป็นเอื้อนจันทร์ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีคนสนใจในทีเดียว มีชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันหรือรุ่นพี่จากคณะอื่นมารุมจีบช่วงแรก ทว่าไม่กี่วันก็เอาแต่หลบหน้าเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ครั้นยี่สกและน้ำว้าจะไปถามก็วิ่งหนีราวกับเห็นผี ทำให้เอื้อนจันทร์หน้าเสียจนสูญเสียความมั่นใจในตนเองไม่น้อย... “สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขาจะกั๊กหนูไว้ทำไมถึงยังไงเราก็ไม่ได้ลงเอยกันหรอกเจ้าค่า ปล่อยให้หนูได้มีกิ๊กมีก๊อก พอได้สัมผัสความใหญ่ยาวให้พอชุ่มชวยหัวใจบ้างเถิดเจ้าค่า สาธุ” เอื้อนจันทร์รีบยกพนมมือขึ้นหัว เธอแกล้งเพื่อนทั้งสองที่เอาแต่ย้ำเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการพูดกับเจ้าที่เจ้าทาง “ใหญ่ยาวเลยหรอยัยเอื้อน” “!!?!!” ทว่าพอจบประโยคเพื่อนทั้งสองที่นั่งหันหน้าเข้าสระบัวบ่อใหญ่ถึงกับขยี้ตาตัวเองย้ำหลายรอบ เงาตะคุ่มมหึมาสูงเสียดฟ้าค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากสระน้ำฟาดงวงกระทบพื้นผิวน้ำเย็นยะเยือกสีใสจนหยาดน้ำแตกกระเซ็น ราวกับต้องการระบายความขุ่นเคือง นัยเนตรสีดำทะมึนเพ่งมองมายังหญิงสาวที่กำลังนั่งหันหลังให้เขา ลำตัวยาวใหญ่เทียมทัดตึกอาคารยืนตระหง่านในบ่อสระ รายล้อมด้วยน้ำวนหมุนเป็นเกลียวสูงใหญ่ เพียงครู่เดียวเท่านั้นภาพเบื้องหน้าสลายลงหวนสู่สถานการณ์ปกติ “!!?!!” “......” สองสาวสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะพยักหน้าให้กันเชิงถามว่ามึงเห็นเหมือนกูเห็นไหม “น้ำอะไรอะ” เอื้อนจันทร์เหลียวหลังกลับไปมองเห็นเพียงสปริงเกอร์น้ำชำรุดที่ส่ายไปส่ายมาไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ จนชุดนักศึกษาของเอื้อนจันทร์เปียกชุ่มจนเห็นสายเสื้อชั้นในสีดำลายลูกไม้ “เอื้อน!” น้ำเสียงทุ้มคุ้นเคยเป็นอย่างดีตะโกนร้องเรียกน้องสาวที่กำลังสาละวนอยู่กับการโยกย้ายที่นั่ง รถเก๋งสี่ประตูสีดำเงาเคลื่อนมาจอดเทียบใกล้ฟุตบาท “พี่เหนือมาพอดีไปขึ้นรถกันพวกแก!” เอื้อนจันทร์รีบเรียกเพื่อนสนิททั้งสองที่เอาแต่นั่งเงียบมาหลายนาทีให้ขึ้นรถ เมื่อหญิงสาวเปิดประตูรถขึ้นมานั่งด้านหน้าข้างคนขับ เล่นเอาร่างอรชรสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ ผลพวงมาจากหยาดน้ำเย็นยะเยือกสาดกระเซ็นโดนตัวเธอเมื่อครู่ “ไปทำอะไรมาทำไมหลังเสื้อเปียกขนาดนั้น เดี๋ยวพี่ไปเอาเสื้อคลุมหลังรถมาให้” “นั่งริมสระแล้วสปริงเกอร์มันพังก็เลยโดนเต็ม ๆ น่ะพี่เหนือ” เธออธิบาย ทิศเหนือเปิดประตูเข้ามานั่งฝั่งคนขับอีกครั้งพลางหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำให้น้องสาว เขาเหลียวมองยี่สกและน้ำว้าที่นั่งเงียบเชียบ ตัวเกร็ง ใบหน้าถอดสีทั้งคู่ ก่อนจะเอ่ยถามน้ำเสียงเย้าแหย่ตามประสา เพราะปกติคู่นี้พูดจ้อไม่ยอมหยุด สรรหาเรื่องมาชวนคุยกันปากเขาแทบแห้ง “วันนี้ฝนตกแน่เลยสองสาวเงียบผิดปกติ” “เป็นไรเจอผีมาหรอ” ทิศเหนือพูด ในจังหวะที่รถเก๋งคันใหญ่เคลื่อนตัวขับออกไปจากบริเวณนี้ ท่อนแขนกำยำหมุนพวงมาลัยย้อนกลับไปทางเดิมที่เขาขับเข้ามาอย่างชินทาง “บรึ้ยย! หนูไม่เล่นนะพี่เหนือ” ยี่สกลูบเรียวแขนของตนที่ขนลุกขนพองยังไม่หาย เธอไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางนางไม้มาก่อน แม้จะรู้ว่าเพื่อนสนิทอย่างเอื้อนจันทร์มีสัมผัสที่หกเพราะเธอไม่เคยเห็นกับตาเนื้อ แต่ครั้งนี้เล่นโผล่มาให้เห็นเต็มสองตาขนาดนั้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วจ้า “พวกแกเห็นอะไรอะ” เอื้อนจันทร์ชะเง้อคอหันกลับมาถามเพื่อนสาวทั้งสองอย่างสงสัย “เอื้อน...พูดก็พูดเถอะนะ ถือว่าฉันขอร้องล่ะ อย่าพูดท้าทายหรือหยอกเล่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนั้นอีกนะ ครั้งที่แล้วก็กระถางแจกันตกแตก แต่ครั้งนี้มาให้เห็นเป็นเงาเลยนะแก ฉันกับยี่สกเห็นเต็มสองตา” น้ำว้ารีบเอ่ยบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือด้วยความกลัวที่ยังไม่หายดี “......” เอื้อนจันทร์เงียบหลังรู้ความจริงสาเหตุจากปากเพื่อน “ยัยเอื้อนพูดว่าอะไรหรอ” ทิศเหนือที่กำลังขับรถเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “เอื้อนก็พูดว่าจะกั๊กไว้ทำไมยังไงก็ไม่ได้ลงเอยกันอยู่ดี ปล่อยให้เอื้อนมีผู้ชายเข้ามาให้กระชุ่มกระชวยได้สัมผัสความใหญ่ยาวบ้างประมาณนี้ แต่แน่ใจนะว่าพวกแกไม่ได้อำฉันอะ” หญิงสาวเลิกคิ้วเอ่ยถามเพื่อนซ้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ แต่ดูจากสีหน้าและท่าทางของทั้งสองคงพูดความจริง “ยัยเอื้อน! แกมันเหลวไหลสมองคิดแต่เรื่องอย่างว่ายังไม่ล้มเลิกคิดเรื่องหาแฟนในวัยเรียนอีกหรอ ยังไปเชื่อเรื่องงมงายพวกนั้นอีก ถ้าไม่หยุดพี่จะฟ้องแม่” ทิศเหนือปรายหางตาดุมองน้องสาว “ทีตอนพี่เหนือเรียนเปลี่ยนผู้หญิงยังกะเปลี่ยนเสื้อผ้า แถมยังเอาเอื้อนไปเป็นไม้กันหมาอีก หวิดโดนตบไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เอื้อนก็ไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อซะหน่อย” เอื้อนจันทร์เริ่มแย้งพี่ชาย นิสัยเจ้าชู้ประตูดินของทิศเหนือก็ใช่ย่อย เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าบางครั้งก็แอบพามานอนที่บ้านโดยให้ค่าปิดปากเธอครั้งละพันสองพัน พอเบื่ออยากจะสลัดทิ้งก็ใช้เธอเป็นไม้กันหมา “ก็พี่เป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง” ทิศเหนืออ้าง “จะผู้หญิงผู้ชายสมัยนี้ก็เท่าเทียมกันแล้วนะคะพี่เหนือ ดูอย่างยี่สกกับหนูสิมีผู้ชายในสต็อคคนละเกือบสิบ ไม่มีเวลาให้อกหักเสียใจหรอกค่า สับรางสนุกจะตาย” น้ำว้าเข้าข้างเอื้อนจันทร์ “เดี๋ยวพี่จะไปฟ้องคุณอาอนันต์” ทิศเหนือยกยิ้มมุมปาก คุณอาอนันต์ที่ว่าก็คือคุณพ่อของน้ำว้า เจ้าของโรงพยาบาลสัตวแพทย์ที่คอยดูแลช้างเชือกในปางช้างของพ่อเลี้ยงแม้นเมือง นับว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อกันเลยทีเดียว “พี่เหนือขี้ฟ้อง” น้ำว้าบ่นอุบอิบก่อนจะนั่งเอนหลังตามเดิม ยี่สกหุบปากเงียบกริบกลัวจะโดนหางเลขไปด้วย “เผด็จการที่สุด!” ถนนคนเดินเชียงรายหรือกาดเจียงฮายรำลึกในเย็นวันเสาร์ บริเวณถนนธนาลัยสุดสายใจกลางเมือง บรรยากาศคึกคักเรียงรายเต็มไปด้วยร้านค้าขายสินค้าแฮนด์เมด ของตกแต่งบ้าน ของพื้นเมือง ร้านขายพรรณไม้ อาหารการกินหลากหลาย หน้าตาน่ากินกันทั้งนั้น บนถนนอัดแน่นเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างครึกครื้นเคล้าเสียงดนตรีล้านนา สามสาวเดินเกาะแขนกันอย่างเหนียวแน่น แวะร้านนู้นทีร้านนี้ทีตามประสาสาววัยรุ่น ร้านที่ดึงดูดพวกเธอให้ใช้เวลาเลือกสินค้าอยู่นานโข คงไม่พ้นร้านเครื่องประดับแฟชั่น สร้อยข้อมือคริสตัลฝังไข่มุกถูกนำมาวางทาบบนข้อมือ เอียงไปเอียงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนสาวเจ้าจะเหลียวหันกลับมามองพี่ชายด้วยสายตาออดอ้อน “เท่าไหร่” “สองพันถ้วน” “ถนนคนเดินขายสร้อยข้อมือสองพัน?” “ของแฟชั่นมันแพงไปถ้าอยากได้ไปซื้อร้านจิวเวอรี่ดีกว่าคริสตัลแท้ด้วย” ทิศเหนือเสนอความคิดเห็น เพราะของแฟชั่นตามเทรนราคาแพงเกินจริง คริสตัลที่ใช้ก็เป็นเพียงคริสตัลสังเคราะห์ที่ถูกส่งมาจากประเทศจีน พอมาขายหน้าร้านก็อัพราคาแพงเกินตัว ทิศเหนือเห็นแบบนี้เขาก็ไม่ใช่คนที่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย “ก็ได้...” เอื้อนจันทร์หน้ามู่วางสร้อยข้อมือลงบนแผงกำมะหยี่สีแดงสดตามเดิม ร้านอาหารหลากหลายเชื้อชาติวางเรียงรายละลานตา หนึ่งในนั้นมีแผงขายแมลงทอดส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบเตยและแมลงหลากชนิดทอดกรอบจนเหลืองสุกสีสวย ผสมกลิ่นพริกไทยป่นหยาบ ฉีดเหยาะด้วยซอสแม็กกี้ เชิญชวนสามสาวให้เข้าไปอุดหนุน “เอารถด่วนร้อยห้าสิบบาทค่ะ” เอื้อนจันทร์สั่งแม่ค้าเสียงหวาน พลางมองหนอนรถด่วนตัวอวบอ้วนทอดจนกรอบเหลืองทองอร่าม ราคาแพงแถมยังได้น้อยอีกต่างหาก แต่ก็ตัดใจไม่ซื้อไม่ลง “หนูเอาจิ้งหลีดห้าสิบเหมือนกันค่า” น้ำว้าเอ่ยตามหลัง เรียกได้ว่าสามสาวเป็นแฟนคลับชมรมคนรักแมลงทอดกันเลยทีเดียว “ส่วนหนูเอาดักแด้ร้อยนึงเลยค่ะ” ยี่สกน้ำลายสอมองดักแด้ไหมตัวอ้วนเหลืองทองทอดกรอบในแผงสแตนเลสสีเงินตาเป็นมัน ก่อนทิศเหนือจะควักแบงค์ม่วงออกจากกระเป๋าเงินส่งให้แม่ค้าตามหน้าที่ประจำ หนอนรถด่วนถูกส่งป้อนเข้าปากทิศเหนือโดยน้องสาวสุดน่ารัก สองพี่น้องชื่นชอบรสด่วนเป็นชีวิตจิตใจ จนบางครั้งเมื่อถึงฤดูกาลหนอนรถด่วน แม่พิไลจะคอยรับซื้อหนอนรถด่วนที่ชาวบ้านเข้าป่าไปหามาหลายกิโล ก่อนจะนำมาทอดเก็บไว้ใส่กล่องให้สองพี่น้องกินกันเป็นประจำ พวกเขาเดินร้านนู้นแวะร้านนี้จนของกินพะรุงพะรังเต็มสองมือ แต่กระนั้นมือข้างขวาของเอื้อนจันทร์ยังคงว่างถือไอศกรีมโคนรสกะทิหวานมัน คนที่แออัดบัดนี้กลับเบียดเสียดจนแทบไม่มีอากาศหายใจ แผ่นหลังของผู้คนบดบังพี่ชายของเธอจนมิด เอื้อนจันทร์ที่มัวเเต่มองของใช้จิปาถะก้าวตามพี่ชายและผองเพื่อนไม่ทันทำให้พลัดหลงอย่างไม่ทันระวัง เรียวขาหยุดชะงักกวาดสายตามองหาพี่เหนือ “ไม่น่าเอาแต่ดูร้านกิ๊ฟช็อปเลย เดี๋ยวต้องโดนพี่เหนือบ่นหูชาแน่” เธอพึมพำ เอื้อนจันทร์เขย่งมองหาพี่เหนือครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ด้วยสายตาที่เอาแต่มองหาพี่ชายทำให้หญิงสาวไม่ทันระวังเดินชนร่างกำยำของใครบางคน จนร่างบางแทบกระเด็น โชคดีที่วงแขนแกร่งคว้าหมับเข้าที่เอวเล็กไว้ทัน ทว่าอนิจจา...ไอศกรีมรสกะทิของเธอตกแหมะอยู่บนแผงอกเปลือยเปล่า อาบยอดอกสีเข้มเป็นทางยาว อึก! “ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจเดี๋ยวฉันเช็ดให้นะคะ” เอื้อนจันทร์ลนลานคว้านหาทิชชู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีเทาของตน ดวงตากลมไม่ทันเงยหน้าสบตามองเจ้าของร่างใหญ่ แต่ดูจากหน้าอกของเขาที่อยู่ในระดับศรีษระเธอก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเขาคงจะสูงยาวพอสมควร “ไม่ต้องเช็ดดอก...” เสียงเข้มเอ่ยราบเรียบ แต่ว่าน้ำเสียงของเขาฟังดูคุ้นหูคล้ายเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ฉุดให้เอื้อนจันทร์เงยหน้ามองเจ้าของร่างใหญ่ ใบหน้าของเขาคมคายสันกรามเด่นชัด ดวงตาสีดำเข้มประกายเงาวาว จมูกโด่งสัน เคลาหนาปกคลุมริมฝีปากเข้มเฉียบ ผิวกายคมเข้มไม่คล้ายคนตากแดด ผมยาวประบ่า ดูมีราศีแต่ก็เหมือนคนป่าอยู่เหมือนกัน “!!?!!” “เลียให้ข้าสิ” ว่าจบฝ่ามือหนาจับศรีษระเล็กกดลงบนยอดอกที่มีเนื้อไอศกรีมกะทิเหนียวข้นไหลเป็นทางยาว หญิงสาวที่ถูกจับใบหน้าแนบชิดแผงอกบุรุษเป็นครั้งแรกถึงกับตัวแข็งทื่อ จมูกรั้นเล็กและริมฝีปากกระจับเปรอะเปื้อนด้วยเนื้อไอศกรีมคล้ายคนกินเลอะเทอะ ฝ่ามือหนายังคงกดรั้งศรีษระเล็กแนบชิด ไออุ่นจากร่างใหญ่แผ่กระจายมาถึงหญิงสาว กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะร่างของเขาทำให้เธอถึงกับเคลิ้มหลงใหลในชั่วคราว แผงอกแกร่งขยับขึ้นลงตามท้วงจังหวะการหายใจเข้าออก ชายแปลกหน้านิ่งงันและเงียบเชียบก่อนจะได้สติผลักอกแกร่งออกห่างหมายจะตำหนิที่เขากระทำการล่วงเกินเธอ แต่เสียงร้องเรียกของพี่ชายก็ดันดังขึ้นในโสตประสาทเสียก่อน “เอื้อน! ทำไมเดินไม่ดูเพื่อนแบบนี้ พี่เดินตามหาตั้งนาน นั้นกินไอติมยังไงให้เลอะหน้าขนาดนั้น!!” เสียงบ่นของพี่เหนือลอยแว่วมาแต่ไกล แม้ตัวยังมาไม่ถึงก็ตาม เธอพูดผิดเสียที่ไหน หากพี่เหนือว่าเธอขี้บ่นเหมือนยายแก่ พี่เหนือก็คงไม่แคล้วเป็นคุณทวดซะแล้วล่ะ ครั้นหันกลับมาชายที่เคยยืนอยู่ตรงหน้าก็พลันหายไปเสียแล้ว ไม่รอให้เธอตำหนิว่ากล่าวเสียก่อน หน็อยแน่...อย่าให้เจอคราวหน้านะ ฉันเอาคืนแน่!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD