๑๖ สุรเสียงเเข็งกระด้างของชายหนุ่มเอ่ยอย่างมีนัยยะ ดวงตาคมกริบปรายหางตามองแม่หญิงทั้งสี่ด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่อบอวลไปด้วยความดุดันแฝงกลิ่นอายทมิฬ คชคณใช้กายาแกร่งดั่งหินผายืนบดบังเอื้อนจันทร์ให้ยืนหลบอยู่ทางด้านหลัง ภายในถ้ำขนาดเล็กอันเปล่งประกายเจิดจรัสเสียยิ่งกว่าถ้ำที่พวกเขาด่ำดิ่งแหวกว่ายลงมา หินงอกหินย้อยเหล่านั้นที่เปล่งประกายยามกระทบแสงแดดรำไร คือมวลอัญมณีหลากสีเป็นของมีค่าในแดนมนุษย์ ทว่าในดินแดนต้องห้ามนี้ไซร้ก็เป็นเพียงก้อนกรวดธรรมดา ที่มีมากมายจนมันไร้ค่า “พวกข้าไม่ใคร่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของผู้ใด หากไม่มีผู้ใดสอดเรื่องของพวกข้าก่อน” นางปิงเอียงศรีษระเอ่ย หญิงงามแดนลับแลนาม ปิง วัง ยม น่าน นามของพวกนางคล้ายชื่อแม่น้ำสายหลักสี่สายจากขุนเขาสู่มหานที เพราะพวกนางเป็นตัวเชื่อมโยงสำคัญแห่งดินแดนลับแล พูดให้เข้าใจโดยง่ายนั่นก็คือ...พวกนางเป็นผู้ดูแลอาลันรัจนาแห่งนี้ พวกนางทั้งสี่

