๙
ครั้นพญาคชสารสีนิลทะมึนเหาะเหินกลับมายังคุ้มโขลงกาฬวกหัตถี เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นของเหล่านางรำคนสนิทดังรำพึงชวนฟังน่าหดหู่ กลางวงล้อมมีนางไอยราเผือกทรุดคุกเข่าน้ำตาอาบหน้า สายตาอันเฉียบคมของแม่ทูลหันปรายหางตามองพิณพิมาราวกับไม่ไว้วางใจนาง และไม่ยอมปักใจเชื่อสิ่งที่นางแก้ต่างให้ตนเอง แก้วเกล้าที่ยืนรอช่อเอื้องเป็นเวลานานแล้วจึงรีบเดินไปตามแม่ทูลหัวให้ช่วยออกหน้าตามช่อเอื้องกลับมา
ทว่าแม่ทูลหัวเมื่อได้ทราบว่าช่อเอื้องออกไปคุยเป็นการส่วนตัวกับนางพิณพิมาจึงร้อนอกร้อนใจ ออกมาติดตามหาช่อเอื้องเป็นการด่วน ก่อนจะพบพิณพิมาที่คร่ำครวญอยู่ริมแม่น้ำสีทันดร นางไอยราเผือกผ่องอ้างว่าช่อเอื้องเข้าใจผิดคิดว่านางและท่านคชคณลอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับ ๆ ช่อเอื้องพยายามเค้นความจริงจากนาง เมื่อไม่ได้ความจึงฉุดกระชากนางหมายจะให้ตกลงสู่แม่น้ำสีทันดร แต่ด้วยพลาดท่าจึงกลายเป็นช่อเอื้องเสียเองที่ตกลงสู่ใต้ธารา
พญาคชสารที่ได้ฟังเรื่องราวข้างต้นจึงไม่รีรอรุดไปยังที่เกิดเหตุจำแลงแปลงเป็นคชสารขนาดมหึมายืนกั้นขวางแม่น้ำสีทันดรจนเหือดแห้ง เสียงคำรามร้องเศร้าโศกของร่างใหญ่ดังกัมปนาถ ดังสะท้านทั่ว ๖ พงไพร ๗ ธารา สี่เท้าแกร่งพยายามเดินเลียบกลางแม่น้ำสีทันดรอันเหือดแห้ง ส่งผลให้หมู่มัจฉาหลากสีดิ้นพล่านด้วยสายน้ำแห่งชีวิตเหือดแห้งจนไม่สามารถเวียนว่ายได้อิสระ พญาคชสารหาร่างเมียรัก นัยเนตรสีนิลน้ำตาเจิ่งนองคลอเบ้า เมื่อครู่นางยังออดอ้อนทำตัวน่ารักใส่เขาอยู่เลย เหตุไฉนนวลน้องจึงทิ้งพี่ไปเล่าช่อเอื้อง...
‘แม้นมรณาข้าก็จักหาร่างของเจ้าให้จงได้ช่อเอื้อง’
พญาคชสารกายามหึมาออกตามหาร่างอรชรที่เคยอิงแอบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันราวคนคลุ้มคลั่ง เขาขวางกั้นตาน้ำที่หล่อเลี้ยงแม่น้ำสายหลัก จนกระทั่งแม่น้ำสายหลักทั้ง ๗ สายเหือดแห้งสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบาดาลแลมนุษย์โลก ตัวแทนชาวบาดาลขึ้นมาขอร้องแม่ทูลหัวให้ช่วยพูดกับท่านคชคณให้เห็นใจพวกเขาที แต่คนที่พึ่งสูญเสียนางอันเป็นที่รักก่อนงานมงคลสมรสดูจะไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของผู้ใดอีกแล้ว ตอนนี้ดวงใจของเขามันแหลกสลายจนแทบตรอมใจตายตามนาง
“คชคณ...นางหวนคืนสู่วัฏจักรแล้วหนา นางเป็นต้นจิตของดอกเอื้องไอยเรศ ยามดับสูญย่อมคืนสู่ธรรมชาติที่นางจากมา” นางไอยรากมลาผู้เป็นแม่เดินอยู่ริมตลิ่งปลอบประโลมบุตรชายที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงโศกา งานมงคลสมรสในวันพรุ่งนี้คงจักต้องเปลี่ยนเป็นงานขาวดำเสียแล้ว ทว่านางยังคงกักขังพิณพิมาเอาไว้ ด้วยคราบเลือดแห้งกรังบริเวณกกหูของพิณพิมา ผู้ใดอาจจะไม่สังเกตเล็งเห็นแต่มีหรือจะรอดพ้นสายตาอันเฉียบแหลมของนาง
“ข้าไม่เชื่อว่านางตายดอกขอรับ ก่อนจากกันเมื่อครู่นางยังออดอ้อนลูกอยู่เลย จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะเคืองโกรธข้า” คชคณนำพาร่างอันมหึมาสูงเสียดฟ้าเดินออกตามหาช่อเอื้องแบบไร้จุดหมายปลายทาง เขาหวังว่านี่จะเป็นเพียงแผนการตบตาหยอกเขาเล่นเท่านั้น
“เจ้าจักขวางตาน้ำอีกนานเท่าใด ใต้บาดาลถึงขั้นขึ้นมาขอร้องข้า เหล่ามนุษย์ต่างนำของเซ่นไหว้มาทำพิธีขอน้ำเป็นการใหญ่ หากการเศร้าโศกเสียใจของเจ้ามันนำพาซึ่งความทุกข์ยากแก่ผู้อื่นก็จงกลับไปสงบจิตสงบใจของเจ้าเสียก่อน”
“เมียข้าทั้งคนนะท่านแม่!” คชสารมหึมาตวาดลั่น เขาควบคุมอารมณ์ของตนเองเอาไว้แทบไม่อยู่ ทุกย่างก้าวสั่นสะท้าน กลัวที่จะยอมรับความจริงว่าเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานนั้นได้ดับสูญลงแล้วจริง ๆ
“นั่นก็ลูกสาวข้าเหมือนกันคชคณ ข้าก็ปวดใจไม่น้อยไปกว่าเจ้า แต่เจ้าทำแบบนี้ไม่ถูกความเศร้าโศกของเจ้ามันกำลังทำร้ายผู้อื่น ขึ้นมา!!!”
“ขึ้นมาเถิดลูกพ่อ ขึ้นมาไต่สวนสาเหตุการตายของช่อเอื้องให้กระจ่างแจ้งแล้วจักทำกระไรค่อยทำ” ผู้เป็นใหญ่เหนือคชสารทั้งปวงเอ่ยบอกบุตรชายเสียงทุ้ม
พญาคชสารหนุ่มเหลียวมองผู้เป็นพ่อ รอยยิ้มเจื่อนฝืนยิ้มส่งมอบให้เขา แม้ตัวท่านเอราวัณเองก็เศร้าสลดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อยไปกว่าผู้ใด ด้วยภาระหน้าที่ของบุตรชายมิอาจให้ความโศกาชักนำอยู่เหนือเหตุผล ร่างมหึมาสูงเสียดฟ้าค่อย ๆ คืนสายน้ำแห่งชีวิตกลับสู่แม่น้ำสายหลักทั้งหลาย ร่างนิลเข้มเงาวับจากหยาดน้ำชโลมชุ่มทั่วลำตัว เขาเหาะเหินลงสู่ใต้พิภพดินแดนก้นบึ้งลึกสุดแสนคณา ดินแดนนรกภูมิ
ไอยศูรย์สหายผู้ดำรงตำแหน่งพญามัจจุราชปกครองแดนดินถิ่นอบายเป็นผู้เดียวที่จะให้คำตอบแก่เขาได้ว่าดวงจิตของนางหนีไปเที่ยวเล่นที่ใด เขาจักได้หมายตามนางหวนคืนสู่เหย้าคชสาร หวนพบพานสหายเก่าแก่จึงทำได้เพียงข่มความโศกาทดแทนด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข เพราะดูสหายของเขาในตอนนี้คงจักได้พบนางอันเป็นที่รัก
คชคณวานให้ไอยศูรย์ช่วยเปิดดวงตาพญายมเฟ้นหาดวงจิตของช่อเอื้อง ก่อนจะพานพบนางลงไปจุติในครรภ์หญิงสาวชาวบ้านหมู่บ้านจำปีทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หาได้คืนสู่ธรรมชาติที่นางจากมา เมื่อได้รู้ข่าวคราวของนางคชคณหัวใจพองโต อย่างน้อยก็มีหนทางที่จะได้นำนางกลับมา เขาไม่รีรอรุดกลับคุ้มโขลงสืบหาความกระจ่างให้ช่อเอื้องเป็นการด่วน
คุ้มโขลงกาฬวกหัตถีบัดนี้รายล้อมด้วยเหล่าคชสารและไอยราจากตระกูลตั่งต่างที่ถยอยเดินทางมาตามเสียงครวญเศร้าโศกาของท่านพญาคชคณ เสียงของท่านแผดลั่นได้ยินทั่วทุกคุ้มโขลง เหตุการณ์ผิดแปลกเช่นนี้จึงรวบรวมคชสารแลไอยราจากทั่วสารทิศมารวมตัวกันที่นี่ หนึ่งในนั้นก็คือครอบครัวของพิณพิมา
บารเมษฐ์ บิดาของไอยราพิณพิมาจ้องมองบุตรสาวคนเล็กที่ดูเหมือนจะกระทำความผิดใหญ่หลวงเข้าให้แล้ว เขารู้จักนิสัยของพิณพิมาเป็นอย่างดี นางจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนหมาย และนิสัยนี้ของนางย่อมนำมาซึ่งความฉิบหาย การตายของคู่ตุนาหงันท่านคชคณส่อแววจบไม่สวย แม้คำเล่าอ้างของพิณพิมาจะกล่าวอ้างแก้ต่างให้ตนเองอย่างสวยงาม ลูกเอ๋ย...ครานี้ท่านคชคณไม่เอาเจ้าไว้แน่แท้
“ข้าไม่เชื่อดอกหนาว่าช่อเอื้องจะพยายามผลักเจ้าลงแม่น้ำ นางอาจจะเป็นคนดุดันแต่ไม่โหดเหี้ยมถึงขั้นคิดจะฆ่าแกงเจ้าแน่นอนพิณพิมา ที่ข้ายังไม่ได้สืบสาหาความก็เพราะข้าให้ความสำคัญกับนางมากกว่า เพลานี้ข้าจะใช้แว่นฟ้าทวนกาลส่องจิตใต้สำนึกย้อนดูเหตุการณ์ เจ้าอยู่กับนางสองต่อสองใช่หรือไม่”
คชคณกำกระจกโบราณกาลเป็นวัตถุบรรพกาลที่สามารถส่องสะท้อนจิตใต้สำนึกของสรรพชีวิตรวมไปถึงสามารถฉายความทรงจำที่อยู่รวมจิตใต้สำนึกออกมาเป็นมโนภาพได้ ต่อให้เขาไม่มีวัตถุบรรพกาลก็ย่อมทำนายทายทักได้แม่นยำ ว่าช่อเอื้องไม่มีทางมีจิตใจโหดเหี้ยมแลอำมหิตเพียงนั้น
“......” พิณพิมาหน้าซีดเผือด นางไม่ยักรู้ว่าคชคณมีสิ่งของชิ้นนี้ติดตัว ดวงตาแดงก่ำลอกแล่กพยายามหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองรอดพ้นจากการสืบหาความจริง
“ข้าก็เสียขวัญไม่น้อย ไยทำราวกับข้าเป็นผู้ผิดซักไซร้ข้าเช่นนี้ ข้าอยากกลับไปหาท่านแม่ข้า” พิณพิมาลุกพรวดจะเดินหนี แต่ช้ากว่าอบเชยแลซ้องมาศที่ช่วยกันกรูเข้ามาจับนางไว้ไม่ให้นางคิดหนี
“มึงปล่อยกูอีไพร่!”
“หากบริสุทธิ์ใจจริงก็ให้ความร่วมมือด้วยเถิดเจ้าค่ะ ท่านแม่ของเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยจะอยากกลับไปที่ใดอีกเจ้าคะ” อบเชยดวงตาบวมปูดจับท่อนแขนข้างขวาพิณพิมาไว้แน่น นางเพยิดหน้าให้พิณพิมามองด้านหลัง ครอบครัวของนางรวมไปถึงพี่น้องร่วมสายเลือดมากันครบ ต่างยืนมองนางด้วยสีหน้าทุกข์ร้อนใจ
“ท่านแม่ช่วยข้าด้วย ข้ากลัวไปหมดแล้ว ข้าพูดความจริงทั้งหมดแต่ไม่มีผู้ใดเชื่อข้าเลย” เสียงวิงวอนของนางขอความช่วยเหลือจากมารดา พิณเพลาผู้เป็นแม่มิอาจกล้าสบตาแม่ทูลหัวที่ส่งสายตาคาดโทษมาทางนาง
“คราบเลือดบนกกหูเจ้าหมายความว่ากระไรพิณพิมา กลิ่นอัตลักษณ์เลือดของช่อเอื้องคละคลุ้งท่วมเรือนกายเจ้า แม้นเจ้าจักชำระล้างด้วยน้ำในแม่น้ำสีทันดร เวลากระชั้นชิดเพียงนั้นคงไม่ทันเก็บรายละเอียดกระมัง ข้าน่ะจมูกดีกว่าผู้ใดหนาพิณพิมา” น้ำเสียงเฉียบขาดของแม่ทูลหัวเอ่ย ดวงตาคมดุจเหยี่ยวจิกมองพิณพิมาด้วยสายตาเคืองโกรธ
“นี่มันคราบเลือดตอนที่นางยื้อยุดฉุดกระชากข้าต่างหากแม่ทูลหัว ท่านอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีข้า”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้ว่าข้าใส่ร้ายหรือตัวเจ้ามันโป้ปด”
พญาคชสารร่ายบริกรรมคาถานำเส้นผมหนาดกดำของช่อเอื้องวางบนแว่นฟ้า มวลสารธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ มอบคลื่นความถี่ฉายมโนภาพจิตใต้สำนึกของช่อเอื้องในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตให้ทุกคนได้รับชมเพื่อความกระจ่าง
พิณพิมาที่เห็นวัตถุบรรพกาลเริ่มเคลื่อนไหวจึงกรีดร้องพยายามขัดขวางคชคณทุกวิถีทาง แม่ทูลหัวจึงสั่งให้นางกำนัลใช้เชือกร่ายคาถานาฬาคีรีสยบคชสารมัดนางเอาไว้แน่น พิณพิมาถูกกำกับด้วยมนตราศักดิ์สิทธิ์แห่งคุ้มโขลงจึงตัวแข็งทื่อ ไม่สามารถปริปากกรีดร้องได้อีก
ภาพหญิงสาวทั้งสองยืนพูดคุยอยู่ริมแม่น้ำสีทันดรปรากฎสู่สายตาทุกผู้ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานสืบหาความกระจ่าง บทสนทนาที่ทั้งคู่พูดคุยล้วนชัดเจนว่านางพิณพิมาขอร้องแกมบังคับให้ช่อเอื้องยอมรับนางเป็นเมียผู้น้อง ครั้นช่อเอื้องปฏิเสธแลทำท่าเดินหนี พิณพิมาในร่างไอยราขนายยาวจึงพุ่งชนเสียบขนายทะลุกลางอกช่อเอื้อง ก่อนจะสะบัดนางโยนลงแม่น้ำสีทันดร ในขณะที่นางหายใจรวยรินภาพเบื้องหน้าทำพญาคชสารสีนิลโกรธจนตัวสั่น
ช่อเอื้องฝืนยื้อลมหายใจสุดท้ายส่งลูกแก้วนิลคชสารต้นชีวิตของลูกน้อยทั้งสองขึ้นสู่ท้องนภา พลังชีวิตของนางทั้งหมดที่มีส่งไปปกป้องคุ้มภัยลูกน้อยจนกว่าจะถึงมือบิดา ในช่วงจังหวะที่เขายื่นมือรับลูกทั้งสองคือช่วงเวลาเดียวกันที่นางอันตรธานจางหายไป
‘ไปหาบิดาเจ้าให้เขาปกปักษ์คุ้มภัย’
ประโยคสุดท้ายของนางทำแม่ทูลหัวสะเทือนจิตใจอย่างหนัก นางปล่อยโฮออกมาสุดจะกลั้น ไร้ความเขินอายใด ๆ อีกต่อไป ความรักของมารดายิ่งใหญ่เหนือสิ่งใดเปรียบ แม้นตัวใกล้โรยรากลับฝืนอยู่เพื่อส่งลูกให้ถึงมือบิดา ภาพเบื้องหน้าประจักษ์สู่สายตาเหล่าคชสารไอยราจากทั่วสารทิศ บ้างก็ก่นด่าพิณพิมาว่าหน้าเนื้อใจเสือ พูดดีเข้าตัวพูดชั่วให้ช่อเอื้อง
“......“
พิณพิมาน้ำตาไหลพราก ด้วยต้องมนต์สะกดจึงทำให้นางไม่สามารถเปล่งเสียงทัดทาน นางเหลียวมองครอบครัว ไม่มีผู้ใดสบตานางเลยสักคน พิณเพลาผู้เป็นแม่สะอื้นไห้ก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้ใด ไม่คิดไม่ฝันว่าบุตรสาวคนเล็กที่นางเลี้ยงดูทะนุถนอมตามใจมาโดยตลอดจะกล้าเข่นฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ลงคอ มิหนำซ้ำนางผู้นั้นยังตั้งครรภ์อ่อน ๆ
“จะไม่มีผู้ใดยื่นมือให้การช่วยเหลือนาง บาปกรรมที่นางกระทำนางย่อมต้องชดใช้” บารเมษฐ์ผู้เป็นพ่อโอบบ่าสั่นสะท้านของภรรยาเอาไว้แน่น ริมฝีปากเฉียบสั่นไหวยามเอ่ย เขาเสียใจไม่แพ้กัน
“ตัดสินตามสมควรเถิดลูกพ่อ”
ท่านเอราวัณให้สิทธิ์ในการสำเร็จโทษพิณพิมาแก่เขาเพียงผู้เดียว พญาคชสารจำแลงแปลงเป็นคชสารสามเศียรสีนิลสูงเสียดฟ้ามหึมากว่าครั้งไหน ท้องฟ้าที่เคยกระจ่างแจ้ง บัดนี้ก้อนเมฆมืดครึ้มบดบังแสงสุริยัน
บรรยากาศเงียบสงัดชวนกระอักกระอ่วน เงาคชสารสามเศียรแผ่ปกคลุมทั่วพงไพร เสียงคำสาปแช่งประกาศก้องให้รับรู้ทั่วเทือกเขาหิมาลัย
“กูจักสาปแช่งมึงอีพิณพิมา มึงพรากเมียไปจากอกกู พรากแม่ไปจากอกลูกกู กูขอสาปแช่งให้มึงหมดฤทธิ์จากวงศ์ษาคชสารแก้ว เรือนร่างที่มึงภูมิใจนักหนาจักแข็งทื่อกลายเป็นหินผา รอคอยให้ช่อเอื้องเมียรักของกูหวนคืนสู่เหย้าคชสาร กาลนั้นนางจักเป็นผู้ถอดถอนคำสาป ภายหลังปลดปล่อยมึงจักถูกเนรเทศไปเป็นช้างใช้แรงให้ชาวบ้านใช้ลากซุงตลอดกาลนานเทอญ...”
คำประกาศิตสาปแช่งจากวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านคชคณจบลง ร่างของพิณพิมาที่ถูกมัดไขว้หลังค่อย ๆ ปริแตกแข็งทื่อกลายเป็นหิน ริมฝีปากอ้าดวงตาเบิกโพลงค้างอยู่เช่นนั้น พิณเพลาถึงกับทรุดเข่าร้องไห้จนตัวโยนด้วยความรู้สึกสงสารบุตรสาวจับใจ
“ผู้ใดคิดช่วยมันกูขอสาปแช่งให้มอดม้วยมรณาตามเมียรักกูไปรับใช้นางดินแดนล่าง” สุรเสียงเข้มเปล่งย้ำในเจตจำนงของตน
ลานบุณฑริกสถานที่เคยเป็นที่ฝึกร่ายรำของช่อเอื้อง ตอนนี้กลายเป็นอนุสรณ์ตราหน้าคนบาปอย่างพิณพิมา ร่างต้องคำสาปของนางถูกนำมาวางกลางที่โล่งแจ้ง กลางแดดกลางฝนให้สาสมกับความผิดที่นางก่อไว้ ด้านคชคณที่ล่วงรู้ว่าเมียรักอยู่ที่ใดจึงฝากฝังต้นจิตของลูกน้อยทั้งสองเอาไว้กับปู่ย่า รอวันเวลาที่เหมาะสมเมื่อมารดาหวนคืน เขาจักมอบลูกน้อยให้นางโอบอุ้มอีกครา ส่วนตัวเขานั้นจะไปคอยเฝ้าดูแลนางอันเป็นที่รัก รอคอยวันเวลาที่จะนำมาพานางหวนคืนสู่เหย้า
“ให้เกี้ยวเจ้าอีกสักกี่คราพี่ก็ยอมช่อเอื้อง...”