By: ศิวะ
“คุณศิวะครับ ลูกน้องเราโดนยำเละมาอีกแล้วครับ”
ไอ้อามเดินเข้ามารายงานผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล
นี่เป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ไอ้อัถมันกระทืบลูกน้องผมจนน่วม ที่ผ่านมาผมใช้วิธีประนีประนอมกับมันมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังคงดื้อด้านไม่ยอมย้ายออกไปง่าย ๆ
ย่านพระนคร ตำแหน่งดี ๆ ที่กลุ่มการค้าหมายปอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าแย่งชิงเพราะแถบนั้นเจ้าที่เขาแรง ยุคสมัยนี้เป็นยุคแกร่งแย่งชิงดินแดน ใครมีอิทธิพลมากกว่าก็ย่อมอยู่เหนือกว่า น่าแปลกใจที่ยุคสมัยนี้ยังมีพวกอันธพาลครองเมืองหลงเหลืออยู่ แถมไอ้นักเลงคนนี้มันยังเป็นหนุ่มอยู่ด้วย ผมได้เห็นรูปมันคร่าว ๆ หล่อเหลาเอาการเลยล่ะ ผู้ชายร่างกำยำ มีรอยสักลวดลายแปลกตาที่ต้นแขนด้านซ้าย สันจมูกโด่งลับกับดวงตาสีดำประกายน้ำตาล ยิ่งส่งให้มันดูน่าหลงใหล ไม่น่าล่ะ สาว ๆ ในย่านนี้ถึงได้คลั่งไคล้ มันนัก
“มันเปิดอ่านจดหมายรึเปล่า”
“ไม่เลยครับคุณศิวะ ลูกน้องเราบอกว่ามันปาลงพื้นพร้อมกับถุยน้ำลายใส่ หนำซ้ำมันยังเอาบุหรี่จี้ที่นิ้วกลางฝากมาให้คุณศิวะด้วยครับ”
พูวววว!
ผมพ่นควันบุหรี่สีขาวออกไปนอกหน้าต่าง ตาก็จับจ้องไปที่วิวทิวทัศน์ด้านนอกด้วยท่าทางสบาย ๆ
ผมไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรกับสิ่งที่มันทำ เพราะพอเดาได้ว่าต้องลงเอยแบบนี้
ไอ้อัถมันหัวลั้นไม่ยอมอ่านข้อเสนอที่ผมส่งไปให้ มันคงไม่รู้ว่าไอ้มังกรขยายเขตแดนมาประชิดอีกฝั่งของมันแล้ว ผมอุตส่าห์เจรจากับมันดี ๆ ไม่อยากให้ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะรู้ดีว่าถ้าไอ้มังกรมันเอาจริง ย่านพระนครได้แหลกเป็นจุลแน่
“เท่าที่มึงไปสืบมา ไอ้อัถมันเป็นคนยังไง”
ผมหันไปถามไอ้อาม พร้อมกับใช้มือดีดปลายบุหรี่ให้เถ้ามันปลิวลงไปสู่เบื้องล่าง
“มันเป็นคนเด็ดขาดมากครับ ใครที่ลองดีกับมันไม่ตายดีซักราย แต่มันไม่ได้ข่มเหงรังแกชาวบ้านมั่ว ๆ นะครับ มันคอยช่วยเหลือทุกคนในย่านนั้นตลอด คนแถวนั้นเขาเทิดทูนมันจะตาย น่าจะมีบุญคุณอะไรกันซักอย่างกับคนในย่านนั้นครับ”
มันคงเป็นคนพระนครแต่กำเนิดสินะ ยิ่งมันเป็นคนหัวรั้น มันก็ยิ่งยากต่อการเจรจา ผมคงประมาทมันน้อยเกินไปที่คิดว่าส่งลูกกระจ๊อกไปต่อรองก็ได้ สงสัยงานนี้ผมคงต้องลงไปจัดการเองซะแล้ว
“ไปเตรียมเงินใส่กระเป๋าให้ฉัน”
“เอาเท่าไหร่ครับคุณศิวะ”
“สิบล้าน”
“โห!! สิบล้านเลยหรอครับ มันจะไม่มากเกินไปหรอครับคุณศิวะ”
ไอ้อามทำตาโต เมื่อได้ฟังดูจำนวนตัวเลขที่ค่อนข้างสูง
“หึ สิบล้านมันก็ไม่เอาหรอก เชื่อฉันสิ ฉันแค่ถือไปเป็นพิธีเท่านั้นแหละ ฉันแค่อยากลงไปเจอหน้ามันซักหน่อย มันจะเก่งซักแค่ไหนกันเชียว กะอีแค่นักเลงหัวไม้”
“คุณศิวะอย่าประมาทมันนะครับ ไอ้นี่มันไม่ธรรมดา ผมได้ยินคนเขาลือ กันว่า 20 รุม 1 ยังเอามันไม่ลง”
“น่าสนใจแฮะ เตรียมเงินให้พร้อม เย็นนี้ฉันจะไปเยี่ยมมันซักหน่อย”
“ได้ครับ”
ไอ้อามโค้งหัวก้มให้ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ผมขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ตั้งแต่อายุ 18 จนตอนนี้จะ 30 แล้ว เพิ่งเคยเจอเจ้าถิ่นที่ดื้อด้านขนาดนี้ แต่ยังไงซะผมก็ต้องชิงย่านพระนครมาให้ได้ก่อนที่ไอ้มังกรมันจะลงมือ ไม่งั้นผมลำบากแน่
ไอ้มังกร มันเป็นมาเฟียที่โหดเหี้ยม ผมเคยปะทะกับมันอยู่หลายต่อหลายครั้ง ชนะบ้างแพ้บ้าง แต่คราวนี้ผมจะปล่อยให้มันชนะไม่ได้ เพราะถ้ามันชนะเมื่อไหร่ อย่าว่าแต่ย่านพระนครเลย ทุกเขตในย่านนี้จะราบเป็นหน้ากลอง
ที่ผมต้องผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่ในทุกวันนี้ เพราะอยากจะปกป้องชาวบ้านที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ผมไม่ชอบการใช้อำนาจในการข่มเหงผู้อื่น ผมจึงปฏิญาณตนกับตัวเองมาโดยตลอด ว่าจะไม่หลงในแสงไฟ ไม่ติดใจในกลิ่นของอำนาจ แม้วันนี้ผมจะอยู่จุดที่สูงกว่าพื้นอยู่หลายไมล์ แต่ผมก็จะไม่เหยียบย่ำคนที่อยู่ต่ำกว่า
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะเจรจาดี ๆ กับไอ้อัถ ยิ่งมารู้ว่ามันก็มีอุดมการณ์เดียวกันกับผม มันยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าผมกับมันสามารถเจรจากันได้
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงค่ำ ผมกับไอ้อามพร้อมกับลูกน้องอีก 5-6 คน เดินทางมาที่รังของไอ้อัถ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามาเหยียบเขตแดนนี้ ที่นี่ดูเจริญกว่าที่คิด เห็นไอ้อามบอกว่าไอ้อัถมันดูแลที่นี่ดี บริหารทุกอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ไม่นาน รถสีดำคันหรูก็มาจอดเทียบโรงเรียนลักษณะแปลก ๆ แห่งหนึ่ง
“ถึงแล้วครับคุณศิวะ”
“หือ? พาฉันมาโรงเรียนทำไม”
ผมเอ่ยถามคิ้วขมวด เมื่อกี้ผมบอกมันชัดแล้วนะว่าจะมาหาไอ้อัถ แล้วมันพาผมมาที่นี่ทำไม
“ก็นี่ล่ะครับบ้านของพวกมัน พวกมันใช้โรงเรียนเก่าต่อเติมเป็นบ้านครับ” ไอ้อามรีบรายงาน
ผมมองดูโรงเรียนเก่าที่ถูกแต่งแต้มทาสีใหม่ทั้งหลัง ทั้งสีแดงสีเหลืองสีน้ำเงิน สลับมั่วกันไปหมด ถึงจะยังทาสีไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดี แต่มองดูก็เก๋ไปอีกแบบ ไม่ได้ดูแย่
“ทำไมเงียบจังวะ มาถูกที่รึเปล่า?”
“มาถูกที่แน่นอนครับคุณศิวะ ก่อนหน้านี้ผมเข้ามาสอดส่องดูยังเห็นพวกมันเดินขวักไขว่กันเต็มบ้าน”
พวกมันหายหัวไปไหนกันหมดนะ?
“เดี๋ยวผมลงไปดูเองครับ”
ไอ้อามเสนอก่อนจะเปิดประตูรั้วเข้าไปสอดส่องที่ด้านใน
มันชะเง้อดูอยู่นานสองนานก่อนจะวิ่งกลับมาที่เดิม
“ไม่มีคนอยู่ซักคนเลยครับคุณศิวะ”
อะไรกัน ก่อนหน้านี้พวกมันไม่เคยออกไปไหนเลยไม่ใช่หรอ แล้วทำไมอยู่ ๆ วันนี้ถึงหายไปไหนกันหมด
“กระจายลูกน้องออกไปสอดส่องดู ตามหามันให้เจอ ฉันต้องเคลียร์วันนี้เท่านั้น มันยืดเยื้อมานานเกินไปแล้ว”
ผมว่าพร้อมกับเอนตัวพิงเบาะหลังด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
ผมไม่เคยต้องลงมาเจรจาอะไรให้ยุ่งยากแบบนี้ ผมอุตส่าห์ลดตัวลงมาคุยกับมันดี ๆ แล้ว แต่ก็ยังหาตัวมันยากอีก มันไม่ใช่เรื่องเลยที่คนระดับผมต้องมาเสียเวลาทิ้งแบบนี้