กรงสวาทมาเฟีย
Ep.4
________________________________________
เมื่อเห็นผู้จัดการสาวเรียกชื่อชายหนุ่มเจ้าของงานด้วยสีหน้าซีดเผือก ทำให้เอสเธอร์อดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับมามองเจ้าของใบหน้าหล่อคมคายที่ยืนพิงกำแพงอยู่ด้านหลัง
"...." ดาราสาวชะงักไปเมื่อได้สบตากับมาเฟียหนุ่ม นัยน์ตาสีฟ้าครามของเขาช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ใบหน้าหล่อเหลาดึงดูดจิตใจฝ่ายตรงข้ามได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
"สวยกว่าในรูปเยอะเลยนิ" ริมฝีปากหยักได้รูปขยับพูดประโยคที่สร้างความเขินอายให้คนฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเอาเอสเธอร์และแจนนี่งุนงงกับท่าทีของเขาไม่น้อย "โชว์ให้ดี ฉันจับตาดูเธออยู่" คาลไลน์กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไป
"คะ..คนนี้น่ะเหรอที่ว่าเป็นเจ้าของงาน" เอสเธอร์เอ่ยถามผู้จัดการสาว ขณะที่ดวงตากลมโตยังคงจับจ้องแผ่นหลังกว้างของมาเฟียหนุ่มที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเธอเองก็คงจะถูกใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับชาวยุโรปของเขาดึงดูดเข้าให้อย่างจัง
"ใช่ หล่อใช่ไหมล่ะคุณคาลไลน์น่ะ"
"อื้อหล่อ"
"เธอรู้ไหมว่าสาวๆ แทบจะทั่วโลกอยากไปนอนอยู่ใต้ร่างบนเตียงของเขากันทั้งนั้น"
"ทำไมเหรอคะ? แค่หล่อก็ทำให้ยอมพลีกายง่ายๆ เลยเหรอ" คิ้วเรียวได้รูปขมวดเชิงเป็นคำถามด้วยความสงสัย เพราะแม้เธอจะยอมรับว่าเขาหล่อแต่ไม่เห็นจะรู้สึกอยากไปนอนอยู่ใต้ร่างเขาเหมือนคนอื่นๆ เลยสักนิด
"ไม่ใช่แค่หล่อนะ คุณคาลไลน์ทั้งรวยทั้งเก่ง เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ และที่สำคัญเลยคือมีข่าววงในเข้าเม้าท์กันมาว่าคุณคาลไลน์น่ะเบื้องหลังเป็นมาเฟียด้วยล่ะ"
"มะ..มาเฟียเหรอคะ..ยุคสมัยนี้แล้วยังมีพวกแหกกฏหมายแบบนั้นอยู่อีกเหรอ" ความลุ่มหลงในตอนแรกที่มีให้ค่อยๆ จางหายไปเมื่อได้รู้ว่าเบื้องหลังของเขาอาจจะเป็นพวกอยู่เหนือกฏหมาย เอสเธอร์เป็นคนที่รักความถูกต้องมาเสียกว่าอะไรดี หากคาลไลน์เป็นมาเฟียจริง ต่อให้หล่อเหลาแค่ไหนเธอก็ไม่มีวันสนใจเสียหรอก
"เธอร์พูดแบบนี้ได้ยังไง เรายังไม่รู้แน่เลยนะว่าเขาเป็นจริงๆ รึเปล่า" ผู้จัดการสาวรีบยกมือขึ้นมาปิดปากของร่างบางทันทีที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้น คนอย่างคาลไลน์ต่อให้ไม่ได้เป็นมาเฟียแต่เขาก็ดูน่ากลัวเกินไปสำหรับเธอ
"โธ่พี่แจน! ดูทรงก็รู้แล้วอีตานั่นอะ ชิ! อุตส่าห์ชมว่าหล่อ ไม่รู้รึไงว่าคนอย่างเอสเธอร์น่ะไม่ชมใครง่ายๆ หรอกนะยะ! กระดากปากจริงๆ ถ้ารู้ว่าเป็นมาเฟียแต่แรกนะไม่ชมหรอก!" ดาราสาวโวยวายยกใหญ่หลังจากริมฝีปากอวบอิ่มได้รับอิสระ เธอเอามือขยี้ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเช็ดมันด้วยทิชชู่แล้วหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาทาทับแทน
"เฮ้อ..." แจนนี่ส่ายหน้าให้กับความดื้อรันของดาราสาวอย่างเหนื่อยหน่าย เธออยากให้เอสเธอร์ระวังตัวและระวังปากมากขึ้นกว่านี้ เพราะถ้ายิ่งคาลไลน์เป็นมาเฟียจริงๆ แล้วเกิดได้ยินในสิ่งที่หล่อนพูดเมื่อครู่ล่ะก็มันคงไม่เป็นเรื่องดีแน่
"หึ" คาลไลน์แค่นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน เมื่อได้ยินดาราสาวกล่าวถึงตนอย่างเสียๆหายๆ ดวงตาคมลอบมองเธอผ่านกระจกใสจากข้างนอกห้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ เสียงแข็ง "มึงให้คนจับตาดูเธอไว้ให้ดี อย่าให้ไปเที่ยวพูดกับใครว่ากูเป็นอะไร"
"ครับนาย" อีธานก้มหน้ารับคำสั่งของมาเฟียหนุ่มด้วยความสงสัยไม่น้อย ปกติแล้วคนอย่างคาลไลน์ไม่เคยปล่อยให้คนที่ต่อว่าเขาขนาดนี้ได้มีโอกาสหายใจอยู่บนโลกเลยสักครั้ง "ทำไมนายถึงไม่จัดการเธอเหรอครับ"
"มึงเป็นลูกน้องหรือเป็นนายกู" มาเฟียหนุ่มกดเสียงต่ำลงทำเอาอีธานหน้าซีดเผือก
"ขอโทษครับนาย"
"ทำตามที่กูบอก"
"ครับ"
ว่าจบมาเฟียหนุ่มก็เดินออกจากบริเวณห้องแต่งตัวแล้วกลับเข้าไปภายในงานเปิดตัวรถยนต์คันหรูรุ่นใหม่ของตัวเอง เพื่อจับตารอดูเธอ...ผู้หญิงที่กล้ารังเกียจเขา..ทั้งที่เธอคือคนแรกที่เขาสนใจเป็นพิเศษ
ครืด~ ครืด~
แรงสั่นสะเทือนของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังแผดเสียงร้องอยู่บนโต๊ะทำงาน ทำให้รามิลละสายตาจากแฟ้มเอกสารตรงหน้าแล้วเอื้อมหยิบมันขึ้นมากดรับสาย
"ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญมึงรู้ใช่ไหมว่าไม่ควรโทรหากู" เสียงทุ้มต่ำพูดกับปลายสายอย่างไม่สบอารมณ์ รามิลไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาที่เขาทำงาน
(ไอ้คาลไลน์มันกำลังจัดงานเปิดตัวรถยนต์คันใหม่ แล้วยังจ้างดาราสาวที่กำลังมีกระแสในโซเชียลมาแสดงโชว์ให้มันอีก มันเจาะจงว่าต้องเป็นเธอโดยเฉพาะด้วยครับ)
"มึงไปสืบมาว่าดาราคนนั้นเป็นใคร ไอ้คาลมันต้องกำลังสนใจผู้หญิงคนนั้นอยู่แน่ๆ"
(นายจะอึ้งมากกว่านี้อีกถ้าผมบอกว่าวันนี้มันมางานเพื่อดูโชว์ของเธอด้วยตัวเอง)
"ดี กูจะแย่ง"
_________________________________________
To be continued
พี่มิลกร้าวใจมากค่ะ555555 เอาล่ะค่ะใครทีมพี่คาลทีมพี่มิลกันบ้าง55555555555??