- หน้าร้านกาแฟ –
พาฝันรีบก้าวออกจากร้านกาแฟ
สูดลมหายใจลึก พยายามสงบใจตนเอง
ทำไมเขาต้องมาโผล่ตรงนี้ด้วย…
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังตามมาไม่นาน
ภาคิน ก็ก้าวออกมา จ้องมองแผ่นหลังเล็กของเธอ ก่อนจะเรียกด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
“พาฝัน…” ภาคินเรียก
พาฝันหยุดเดิน แต่ไม่หันกลับไป
ภาคิน เดินเข้ามาใกล้
“ทำไม…คุณถึงไม่ตอบข้อความผม ไม่แม้แต่จะรับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ คุณโกรธผมใช่ไหม?”
พาฝัน เงียบไปสักพัก ก่อนพูดเบา ๆ
“ฉันเรียนหนัก…ไม่มีเวลา”
ภาคิน เสียงเข้มขึ้น
“อย่าหลอกตัวเองเลยพาฝัน มันไม่ใช่เรื่องเรียน คุณกำลังหนีผมอยู่ต่างหาก”
พาฝัน หันขวับ สบตาเขาด้วยแววตาเจ็บปวด “เพราะฉันไม่อยากเจ็บอีก!
ภาคิน คุณไม่เข้าใจเหรอ? ฉันไม่อยากต้องไว้ใจใคร แล้วสุดท้ายโดนหักหลังซ้ำอีก!”
ภาคิน ก้าวเข้ามาใกล้จนแทบชิด
“แล้วถ้าผมไม่ยอมล่ะ? ถ้าคุณยังไม่ยอมเปิดใจ…ผมจะไปขออนุญาตพ่อคุณเอง จะขอดูแลคุณอย่างจริงจัง”
พาฝัน เบิกตากว้าง ตกใจ
“คุณบ้าไปแล้วภาคิน! อย่ามาทำอะไรแบบนี้สิ ฉันไม่ต้องการ!”
ภาคิน มองเธอแน่วแน่ ไม่หลบตา
“แล้วคุณคิดว่าผมต้องการอะไร?
พาฝัน เสียงสั่น ถามออกไปทั้งน้ำตาคลอ
"คุณมีทุกอย่าง จะหาผู้หญิงที่ดี ๆ กว่าฉันสักร้อยสักพันก็ยังได้ ”
ภาคิน ค่อย ๆ ยกมือขึ้น จับไหล่เธอเบา ๆ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ
“เพราะผู้หญิงคนนั้น…คือคุณ พาฝัน”
--------
ค่ำคืน – คอนโดพาฝัน
เสียงเคาะประตูดังถี่ ๆ
จนพาฝันสะดุ้งตื่น เธอสวมเพียงชุดนอนเนื้อบางพริ้วไหว ผมยาวสยายหอมสะอาด ร่างบางก้าวไปที่ประตูด้วยความงัวเงียและระแวง
เมื่อเปิดออก —
ภาคิน ยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าขาวซีด ดวงตาพร่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
ภาคิน? …คุณเมามากเลยนะ”
พาฝันเอ่ยออกมาเสียงหลง
ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ร่างสูงก็โผเข้ามาสวมกอดแน่น ร้อนแรงและเปราะบางในเวลาเดียวกัน
ภาคิน เสียงแหบพร่า เพ้อหนัก
“ทำไม…ทำไมคุณไม่เลือกผม…พาฝัน…คนอย่างผมมันไม่มีดีตรงไหนเหรอ…”
เขาซุกหน้าลงกับไหล่เธอ ฝ่ามือสั่นไหวกอดเธอแน่นขึ้น ก่อนริมฝีปากจะกดจูบซ้ำ ๆ ไปทั่วแก้มและลำคอราวกับตัดพ้อ
พาฝัน รีบผลักอกเขา
“ภาคิน! หยุดนะ คุณไม่มีสติเลย”
ภาคิน ไม่ฟัง ยังคงเพ้อทั้งน้ำตา
“ผมอยากให้คุณยอมเปิดใจ…ผมเหนื่อยแล้วพาฝัน…เหนื่อยที่ต้องทำเหมือนไม่เป็นอะไร ทั้งที่ในหัวใจ....อึก…ผม...”
น้ำตาหยดร้อนคลอออกจากหางตาของเขา
ร่วงลงบนไหล่บางของเธอ พาฝันยืนนิ่ง
ตกใจกับความเปราะบางที่เธอไม่เคยเห็นจากผู้ชายคนนี้มาก่อน
พาฝัน เสียงสั่น
“คุณ…คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไร ปล่อยฉันเถอะนะภาคิน”