CHAPTER 02
หมอแอบกิน
ระหว่างการทานอาหารของพวกเขา หมอเมฆส่งสายตาเย้ยหยันและพูดจาเชิงเล่นเชิงจริงกับภภีมหลายต่อหลายที คนตัวเล็กจึงรู้สึกว่ามันมากเกินไป
ตุ้บ
ปืนสั้นสีดำถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะกระจกอย่างจงใจโดย มาเฟียหนุ่ม เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดลามปาม ภภีมพูดดีๆเหมือนคนอื่นไม่เป็นหรอก มีเพียงสองคนที่เขาจะพูดลงท้ายว่าครับด้วยก็คือพ่อและแม่ ของเขา นอกนั้นเขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะเป็นรองใครจนถึงขั้นต้องพูดคุยด้วยถ้อยคำไพเราะ
แค่มานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็ลดตัวลงมาแค่ไหนแล้ว
อำนาจของอาวุธสีดำเงานั้นทำให้หมอเมฆสงบปากสงบคำได้ทันที
ต่างฝ่ายต่างนั่งกินข้าวเงียบๆ มาเฟียหนุ่มฝืนกินไปครึ่งจานก็ต้องวางช้อนและยกน้ำดื่มจนหมดแก้ว ตอนนี้เขาอยากจะถามสิ่งที่สงสัยออกไปใจจะขาด แต่ต้องรออีกฝ่ายกินข้าวเสร็จก่อน ก็ไม่รู้ทำไมคนอย่างเขาต้องมานั่งรอด้วย ทว่าคนกวนประสาทอย่างหมอเมฆถามไปก็คงไม่ตอบเขาจะตอบต่อเมื่อ เจ้าตัวอยากจะตอบเท่านั้น
“กินช้าจังวะ รีบๆกินมีอะไรจะถาม”
หน้าหล่อเปรยตามองไปยังคนตัวเล็กเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สันกรามขยับขึ้นลงตามจังหวะการเคี้ยวก่อนจะกลืนอาหารลงคอแล้ววางช้อนส้อมลง มือเรียวเอื้อมจับแก้วน้ำยกขึ้นดื่มโดยที่ตาคมยังคงจ้องมอง มาเฟียหนุ่มไม่ละสายตา
“ว่าไงครับ มีอะไรจะถามผมเหรอ?”
ร่างกายกำยำเอนหลังพิงพนักโซฟา ขาเรียวยกขึ้นไขว่ห้างทำท่า ตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่คนตัวเล็กกำลังจะถาม ซึ่งถ้าคิดไม่ผิด ก็คงจะเป็นเรื่องเดียวกับที่เขาคิดอยู่ในหัวตอนนี้นั่นแหละ เรื่องที่ทำให้ภภีมมานั่งตรงหน้าเขาตอนนี้ เรื่องที่เขาตั้งใจทำให้มันเกิด
“เนี่ย!! ดูนี่!!”
ภภีมจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดบนแล้วเปิดรอยแดงที่คอให้หมอเมฆดู หน้าเนียนผินหันไปอีกฝั่งเพื่อให้หมอเมฆได้เห็นรอยแดงชัดๆ โตๆกันแล้วคงไม่ต้องมานั่งบอกว่ารอยคิสมาร์กแบบนี้มันเกิดจากอะไร
“อื้ม ขาวดีนะครับ”
หากแต่เป้าสายตาของเขากลับไม่ได้จดจ้องที่รอยแดงนั้นด้วยซ้ำ ผิวหน้าอกขาวเนียนที่โผล่พ้นร่มผ้ามันสะดุดตามากกว่า
“ไอ้หมอ!! กูให้ดูนี่!! รอยเชี่ยเนี่ย มึงทำรึเปล่าหมอ?”
“โทษทีนะ ผมสายตาสั้น”
ไม่ทันที่ภภีมจะตั้งตัว หมอเจ้าเล่ห์อย่างหมอเมฆก็หยัดตัวขึ้นแล้วใช้แขนเท้าโต๊ะ หน้าหล่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซอกคอขาวก่อนจะหรี่ตามองเหมือนว่าตัวเองสายตาสั้นเสียเต็มประดา
“จะตอบได้รึยัง”
มาเฟียหนุ่มย่นคอหนีเมื่อรู้สึกว่าหมอเมฆเข้ามาใกล้เขามากเกินไป สายตาเจ้าเล่ห์ที่จดจ้องมายังคอของเขาเปลี่ยนมาสบตาร่างบางสลับกับ ริมฝีปากอิ่มที่ภภีมรู้ตัวว่าโดนมองด้วยสายตาโลมเลียก็ถึงกับต้องเม้มปากแน่นก่อนที่เขาจะผลักหน้าอกแกร่งให้ถอยห่าง
ผลัก!
ร่างสูงยักไหล่เป็นคำตอบแล้วจัดการเก็บจานทั้งสองไปไว้ในห้องครัว สองขาก้าวเดินเชื่องช้าพร้อมทั้งในใจนับเวลาเป็นวินาทีอย่างใจเย็น เขาจัดการล้างจานฆ่าเวลาก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางที่ตัวเขานั้นได้วางแผนไว้
เพียงไม่กี่นาทีเสียงมาเฟียหนุ่มที่โวยวายตามหลังเมื่อก่อนหน้านี้ก็หายไป เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าหล่ออีกครั้งเมื่อทุกอย่างช่างง่ายดายกว่าที่คิด วันนี้เขายิ้มมากกว่าปกติเพราะอะไรที่เขาวางแผนไว้มันแทบจะไม่มีอุปสรรคอะไรมากวนใจเลย
เจ้าของเสียงที่โวยวายเสียงดังเมื่อครู่สงบลงพร้อมกับร่างที่นอนไร้สติอยู่บนโซฟา เขาย่างก้าวเข้าไปหาเหยื่อเชื่องช้าก่อนจะช้อนร่างบางขึ้น แนบอก จุดหมายคือเตียงนุ่มสีแดงสดภายในห้องนอนคนตัวเล็กถูกวางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน สายตาคมมองโลมเลียไปทีละส่วนของร่างกาย
ใบหน้าเรียวที่ได้รูป ดวงตาลึกและจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอวบอิ่ม สันกรามอันน่าหลงใหล ผิวพรรณภายนอกดูสุขภาพดี จนอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ร่มผ้าบดบังอยู่จะน่ามองขนาดไหน
หากจะว่าเขาล่อลวงภภีมก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ในเมื่อถามว่าวางยาในอาหารหรือไม่ เขาก็ตอบว่าวาง แต่มาเฟียหนุ่มไม่เชื่อเอง
“แมนขนาดนี้ น่าจะซิงว่ะ หึ!”
เสียงนุ่มเอ่ยพึมพำกับตัวเองขณะที่ไล่สายตามองไปยังร่างไร้สติบนเตียงกว้าง สองมือจัดการถอดกางเกงของตัวเองออกจนเหลือแต่ร่างกายเปล่าเปลือย ไม่รีรอที่เขาจะคลานขึ้นเตียงและขึ้นคร่อมร่างบางก่อนจะจรดริมฝีปากไปยังสันกรามและไล่ลงมายังลาดไหล่
มือเรียวยกขึ้นปลดเข็มขัดและตามมาด้วยตะขอกางเกงของร่างบาง หน้าหล่อผละจากผิวเนียนแล้วหยัดตัวขึ้นนั่ง จัดการถอดกางเกงยีนส์สีเข้มออกจากร่างกายเหยื่อจนไร้ซึ่งพันธนาการช่วงล่าง
จะว่ารสนิยมทางเพศเขาแปลกก็ได้ แต่เขาชอบที่จะร่วมเพศโดยที่เขาเป็นฝ่ายรุกเท่านั้น และยิ่งไร้สติแบบนี้เขายิ่งชอบเพราะเขาจะได้ทำ ทุกอย่างได้ตามใจตัวเอง สืบเนื่องมาจากหลายๆครั้งที่เขามีอะไรกับผู้หญิงแบบที่มีสติกันทั้งคู่ รสชาติเซ็กส์มันจัดจ้านเสียจนเขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้เป็นฝ่ายคุมเกมเองสักเท่าไร ซึ่งเขาไม่ชอบ แต่นี่ก็ไม่ใช่การมีเซ็กส์ ครั้งแรกกับผู้ชายด้วยกันหรอกนะ หมออย่างเขาผ่านมาพอสมควร
“มาสนุกกันดีกว่า คนสวยของผม”
หน้าหล่อผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมเอ่ยประโยคชวนสยิวออกไป เขาถกเสื้อเชิ้ตของมาเฟียหนุ่มขึ้นไปจนสุด ทำให้เห็นยอดอกสีน้ำตาลอ่อนโผล่พ้นร่มผ้า ไม่ต้องประวิงเวลาคิดนาน เขาเคลื่อนตัวเองไปยังหว่างขาเรียวของคนไร้สติแล้วโน้มลงไปใช้ปากครอบครองยอดอกนั่น ลิ้นอุ่นชื้นตวัดเลียสลับดูดเม้มจนตุ่มไตเริ่มแข็งตัว มันกระตุ้นให้อารมณ์อย่างว่าปะทุขึ้นมาจน แก่นกายของเขาแข็งชัน มือเรียวจับส่วนแข็งขืนของตัวเองรูดขึ้นลงเพื่อเตรียมพร้อม
ริมฝีปากเรียวดูดดึงยอดอกทั้งสองข้างจนหน้าอกบางชุ่มไปด้วยน้ำลาย ความเงียบของบรรยากาศภายในห้องมันทำให้เขาเพลิดเพลินกับร่างกายของคนตัวเล็กโดยไม่มีสิ่งรบกวน ปลายลิ้นอุ่นค่อยๆไล้ลงมายังหน้าท้องแบน ไล้เลียวกวนบริเวณรอบสะดือสวยโดยที่มือด้านล่างก็ทำหน้าที่รูดขึ้นและลงในส่วนแข็งขืนของตัวเองไม่หยุด และในตอนนี้แก่นกายที่แข็งชันมันอยากจะเข้าไปในพื้นที่อุ่นจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
น่าแปลก..ที่ร่างกายนิ่งไม่ไหวติงมันทำให้เขามีอารมณ์ได้มาก ขนาดนี้ ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบขวดเจลหล่อลื่นในลิ้นชักข้างหัวเตียงมาเทใส่ปลายนิ้วกลางและนิ้วนาง ก่อนจะใช้นิ้วทั้งสองลูบประโลมไปยังช่องทาง คับแคบขึ้นลง สายตามองไปยังใบหน้าหวานที่หลับพริ้มสลับกับเบื้องล่างที่เขากำลังสร้างความชุ่มชื้น นิ้วเรียวค่อยๆสอดเข้าไปช้าๆ สัมผัสได้ถึงความคับแน่นภายในได้ชัดเจน
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นมันจะดีขนาดไหน ทั้งอุ่น ทั้งแน่นขนาดนี้...
เขาใช้นิ้วเบิกทางเข้าไปจนพื้นที่ภายนอกและภายในมันชุ่มชื้นพอที่จะเอาส่วนแข็งขืนเข้าไปได้ ต่อมาจึงจัดการจ่อแก่นกายเข้าที่ปากทางคับแคบแล้วดันเข้าไปช้าๆ ทว่ามันแน่นจนเข้าได้เพียงส่วนหัวเท่านั้น
“ไม่อยากให้ผมเข้าไปเหรอครับ?..”
เอ่ยถามร่างบางด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน คนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวจาก
ฤทธิ์ยาสลบก็ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม ทว่าในสายตาของร่างสูงนั้นมันคือการสมยอมต่างหาก
“ถึงคุณไม่ให้ผมเข้า แต่ผมก็จะเข้าไปอยู่ดี!”
พรึ่ด
เขาสวนเอวเข้าไปทีเดียวจนสุด ความคับแน่นภายในของคนตัวเล็กเป็นที่พอใจของร่างสูงพอสมควร รอยยิ้มร้ายประดับใบหน้าอีกครั้ง สายตามองคนเบื้องหน้าด้วยความสมเพช โดยที่เบื้องล่างของเขาก็ยังทำการขยับเข้าออกด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ไม่สนว่าร่างบางจะเจ็บแค่ไหนหากตอนนี้ยังมีสติอยู่
ก็มาหาเอง ถือว่าเสนอตัว แล้วทำไมต้องแคร์ด้วยจริงไหม?
เขาเอื้อมหยิบเจลหล่อลื่นอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงความฝืดของช่องทางเข้าออก เจลจำนวนหนึ่งถูกเทลงบนผิวบอบบางที่ขณะนี้เริ่มมีอาการบวมช้ำเล็กน้อย ลูบให้ชุ่มชื้นจนทั่วแล้วจัดการกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างไม่ออมแรงแม้แต่น้อย
ภายในห้องที่เงียบเมื่อครู่ไม่ได้เงียบอีกต่อไปแล้วเมื่อเสียงเนินเนื้อของพวกเขาดังกระทบกันเป็นจังหวะถี่เร็ว สองแขนแกร่งดันขาเรียวทั้งสองข้างให้อ้าออกกว้างขึ้นอีก ริมผีปากเรียวส่งเสียงซี้ดซ้าดตามห้วงอารมณ์หวิว เขาเผยอปากขึ้นเล็กน้อยเพื่อพรูลมระบายความกระสันเสียว มือเรียวเอื้อมไปเขี่ยยอดอกสีน้ำตาลนุ่มให้กลับมาแข็งอีกครั้งก่อนจะโน้มลงไปไล้เลีย ยอดอกด้วยห้วงอารมณ์ที่ใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มที
“คุณทำผมเสียวจนแทบบ้า”
สิ้นเสียงกระเส่าของร่างสูง เขาก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปใน
ช่องทางคับแคบจนหมด แก่นกายใหญ่ค่อยๆถอดถอนออกมาอย่างเชื่องช้าด้วยความรู้สึกดีและสมเพชคนเบื้องหน้าในคราเดียวกัน
เขาทรุดตัวลงนอนข้างๆคนตัวเล็กโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง เมื่อรู้สึกหายเหนื่อยจึงจัดการเก็บหลักฐานให้เรียบร้อย คราบเหนอะหนะตรงห่วงสีสวยที่ขณะนี้บวมช้ำถูกทำความสะอาดอย่างเบามือ ตามมาด้วยการจัดแจงเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
หมอเมฆยืนเต็มความสูงก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอวไว้หมิ่นเหม่ แล้วเขาก็ต้องรังสรรค์งานศิลปะหลังเสร็จกิจเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา กระดานใหญ่พร้อมกระดาษและดินสอหลายขนาดถูกวางไว้บนแท่นวาดภาพ เขาจัดการวาดภาพตอนร่วมเพศกับมาเฟียหนุ่มด้วยความบรรจง ภาพที่เขากำลังวาดมันคือภาพที่อยู่ในหัวของเขา จากมุมที่เขาเห็น จากความรู้สึกที่เขาได้รับเมื่อครู่
วาดทุกอย่างออกมาไม่ผิดเพี้ยนจากความจริงแม้แต่น้อย...
ภาพชายสองคนกำลังร่วมเพศกันต่างอารมณ์ หน้าตาเรียบนิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวของร่างที่นอนบนเตียง เชื่อมด้วยอวัยวะใหญ่ของร่างกำยำที่มองไปยังคนเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มร้าย ใช้เวลานับชั่วโมงที่เขานั่งท่ามกลางความเงียบแล้ววาดภาพแห่งความสุขด้วยดินสอจนผลงานมันออกมาเป็นที่ถูกใจของเจ้าของเป็นอย่างมาก
ภาพที่เพิ่งวาดเสร็จถูกเก็บไว้ในลิ้นชักลับภายในตู้เสื้อผ้า ภายในเก๊ะนั้นมีภาพประเภทนี้อีกนับสามสิบภาพด้วยกัน มีทั้งการร่วมเพศกับชายและหญิง ไม่รู้ว่าเขาเริ่มทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว หากจะเก็บหลักฐานเป็นรูปถ่ายมันก็คงจะไม่น่าจดจำ แต่ถ้าเป็นผลงานที่เขาสร้างสรรค์เองกับมือแล้วล่ะก็ มันมีค่ามากกว่าภาพถ่ายฉาบฉวย
พวกนั้นเสียอีก
“อยากรู้จัง ว่าผมจะได้กินคุณอีกไหม?”
เขาหันไปถามคนที่นอนหลับใหลด้วยความสงสัยพลางเก็บอุปกรณ์วาดรูปทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง
“แต่ผมไม่ชอบกินของซ้ำนะ”
ทิ้งท้ายประโยคที่ไม่น่าฟังสักเท่าไรไว้ท่ามกลางความเงียบก่อนที่เขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ทิ้งให้ร่างบางนอนหลับใหลอยู่บนเตียงตามลำพัง หากหมดประโยชน์แล้วก็จะไม่ได้รับความสนใจจากร่างสูงอีกต่อไป
______________________
ร่างเล็กลืมตาตื่นงัวเงียกลางดึก ท่ามกลางห้องที่มืดและห้องที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขารู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตัวเองแน่นอน เขาหันหน้าไปมองคนที่นอนข้างๆด้วยความสงสัย หากนึกย้อนไปคนที่เขาอยู่ด้วยเป็นคนสุดท้ายคือหมอเมฆนั่นเอง และทันทีที่คิดได้มาเฟียหนุ่มจึงยกเท้าขึ้นถีบร่างสูงแรงจนกระเด็นตกเตียง
“โอ๊ย เจ็บจังวะ”
อาการเจ็บแสบที่บั้นท้ายมันแล่นแปลบเข้ามาจนตัวเขาเองสะดุ้งโหยงพร้อมกับใช้มือจับสะโพกไว้ กลายเป็นว่าเจ็บทั้งหัวไหล่ซ้ายที่โดนยิง เจ็บทั้งบั้นท้ายที่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ใบหน้าที่งัวเงียเมื่อครู่เหยเกด้วยความเจ็บที่จู่โจมเขาโดยที่เจ้าตัวยังไม่ทราบสาเหตุ
“ตื่นแล้วก็กลับไปได้แล้วนะ”
เสียงทุ้มที่ติดจะหงุดหงิดเอ่ยกับมาเฟียหนุ่มก่อนที่เขาจะหยัดตัวขึ้นมานอนบนเตียงอีกครั้งท่ามกลางความมืด
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้หมอ ทำไมกูเจ็บแบบนี้”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ จู่ๆคุณก็บ่นง่วงแล้วหลับไป”
มาเฟียหนุ่มยู่ปากพร้อมครุ่นคิดตามที่เจ้าของห้องบอก เขาเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงทำลายความมืด และเมื่อแสงไฟสว่างขึ้นมานั้น หมอเมฆก็ยกผ้านวมผืนหนาขึ้นมาปิดหน้าทันทีเช่นกัน
“กูไม่เชื่อหรอก กูทำอะไรกูระวังตัวเองเสมอ ไม่มีทางที่กูจะมาง่วงต่อหน้าคนที่ไม่รู้จักอย่างมึงแน่ไอ้หมอ!!”
ความโมโหทำให้ภภีมโวยวายเสียงดังจนคนที่อยากจะเข้าสู่ห้วงนิทราต้องเปิดผ้าห่มมามองด้วยความขุ่นเคือง ร่างสูงถดตัวลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงพร้อมทั้งขยี้ตาไปด้วย
“เฮ้ออออ คุณทำผมเพลียมากนะ ผมว่าคุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ผมก็ต้องพักผ่อนเหมือนกันพรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้า”
“ก็ตอบมาสิวะว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับกู ไม่มีใครอยู่เฉยๆแล้วมันจะเจ็บตัวขนาดนี้หรอกนะโว้ย มึงลักลอบ...”
“ผมเปล่าทำอะไรคุณ หยุดโวยวายแล้วกลับไปได้แล้ว”
“ใครจ้างมึงมา? มึงเป็นพวกใครไอ้หมอ? ใครสั่งให้มึงมาทำร้ายกู ใช่ไหม?”
“ห้ะ? พูดบ้าอะไรเนี่ย”
ความหวาดระแวงทำให้มาเฟียหนุ่มรีบลงจากเตียงและเดินถอยหลังห่างจากร่างสูงทันที สายตากราดมองรอบห้องหาอาวุธคู่ใจแต่ก็ไม่เจอ คนตัวเล็กค่อยๆเดินถอยหลังออกจากห้องนอนมาท่ามกลางความมืดโดยสายตายังคงจดจ้องไปที่ร่างสูงบนเตียงกว้างนั่น
เคร้ง...ตุ้บ
“โอ้ยยยย ซี๊ดดดดด”
เขาสะดุดเข้ากับโซฟาก่อนจะหงายท้องลงนอนบนเบาะหนังนุ่ม ทว่าความนุ่มที่รองรับร่างบางก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บบริเวณตรงนั้นได้ สักเท่าไรนัก บวกกับการกระแทกทำให้เจ็บแผลที่ถูกยิงเพิ่มเป็นทวีคูณ แต่ตรงนั้น..จะว่ามันเจ็บตลอดเวลาก็ไม่ใช่แต่มันก็เจ็บเวลาขยับตัว มันรู้สึกหน่วงตรงนั้นแปลกๆ เอาเป็นว่ามันไม่ปกติสำหรับความรู้สึกของร่างบางแน่นอน
“เป็นอะไรไหมคุณ”
เพราะความเป็นหมอทำให้เขาต้องดีดตัวลุกจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงเล็กร้องโอดโอยอยู่ด้านนอก เขารู้อยู่เต็มอกว่าร่างบางเป็นอะไร สองเท้ารีบวิ่งออกมาตามเสียงร้องพร้อมทั้งเปิดไฟให้สว่างโร่ ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปช่วยพยุงร่างที่นอนอยู่บนโซฟานั้น มาเฟียหนุ่มก็ตั้งตัวได้เสียก่อน ปืนที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาถูกจ่อมาที่หมอเมฆโดยมือข้างซ้ายของมาเฟียหนุ่ม ความโมโหของเขามันมากพอที่เขาจะลั่นไกปืนปลิดชีวิตคนตรงหน้าได้ในตอนนี้
“กูจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ว่ามึงทำอะไรกู”
ร่างสูงมองคนตรงหน้าก็นึกตลก ในหัวกำลังคิดอยู่ว่าเจ้าตัวไม่รู้จริงๆเหรอว่าการที่เจ็บบริเวณนั้นมันต้องเกิดจากสาเหตุใดบ้าง หรือจริงๆอาจจะรู้แต่ไม่ยอมรับกันแน่
ถ้าคิดจะหลอกตัวเองเขาจะช่วยหลอกด้วยอีกคน จะแกล้งทำเป็น ไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกันว่าเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกายกันมาแล้ว จะทำเสมือนว่าไม่รู้มาก่อนว่าคนตัวเล็กตรงหน้าตกเป็นเมียเขาแล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
เขาส่งยิ้มกว้างให้มาเฟียหนุ่มแล้วย่างกรายเข้าไปหากระบอกปืนช้าๆ จากรอยยิ้มสดใสเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นการแสยะยิ้มแทน ใบหน้าก้มลงเล็กน้อยทว่าสายตาคมก็ช้อนมองร่างบางอย่างสมเพชและไม่วางตา
กึก
เสียงปลายกระบอกปืนชนหน้าอกแกร่งที่เจ้าของร่างตั้งใจเดินเข้ามาหาอย่างท้าทาย และมีหรือที่มาเฟียหนุ่มจะปล่อยเวลาล่วงเลยให้ร่างสูงกดยิ้มเยาะเย้ยได้นาน นิ้วเรียวจัดการลั่นไกปืนทันที
แก๊ก
แก๊ก
“บ๋อแบ๋นะครับ หึๆ”
“ไอ้หมอ มึง!!!”
ผัวะ!!
ด้ามปืนขนาดพอดีมือกระแทกลงบนหน้าหล่อในเวลาต่อมา ก่อนหน้านี้เจ้าของห้องอย่างหมอเมฆได้จัดการเอากระสุนออกจากกระบอกปืนเรียบร้อยแล้ว คนอย่างเขาก็ไม่ยอมตายเหมือนกัน ความรอบคอบของเขาทำให้เขาไม่ตกเป็นรองใครง่ายๆ
“โชคดีนะครับ”
เขาพูดตามหลังคนที่กำลังเร่งเดินออกจากห้องของเขาออกไป คิดไปคิดมาแล้วก็ไม่เคยเจอเหยื่อที่ไหนดื้อและห่ามได้เท่าภภีมเลยสักครั้ง สมมุติว่าถ้ามีโอกาสได้ร่วมเพศกันอีกก็คงจะตื่นเต้นน่าดู หากทำให้คนดื้อด้านอย่างภภีมสมยอมเขาแต่โดยดีแบบที่มีสติครบกันทั้งคู่มันคงจะเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ในหัวพร่ำคิดแต่เรื่องอย่างว่าจนลืมความเจ็บที่เพิ่งโดนกระทำเมื่อครู่ จู่ๆรอยยิ้มอ่อนโยนก็ผุดขึ้นบนใบหน้าเขาซะอย่างนั้น เพียงแค่นึกถึงใบหน้าหวานที่เพิ่งจากไปกำลังนอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงของเขา จะว่าเอ็นดูก็ไม่ได้เอ็นดูอะไรหรอก เขาทั้งสองคนมันควรจะจบลงตรงนี้และไม่ควรเจอกันอีกด้วยซ้ำ เหลือไว้เพียงความทรงจำที่นึกถึงเมื่อไหร่ก็เกิดรอยยิ้มจะดีกว่า เด็กดื้อแบบนั้นมันก็มีค่าสำหรับเขาแค่นี้แหละ