ตอนที่ 20 : ยาปลุกกำหนัดทำงาน NC

3239 Words
20 บรรยากาศยามดวงตะวันคล้อยตกดิน แสงสีส้มเหลือบทองเปล่งประกายอยู่เหนือมวลนภาช่างงดงามจับใจ สลับมองหญิงสาวหน้าตาพริ้มเพราสองเเขนจับราวเหล็กไว้มั่น สายลมกระโชกแรงพัดเศษฝุ่นเศษดินปะทะหน้างามจนมอมแมมดูสกปรก เนื้อตัวสั่นคลอนกระตุกตามแรงบิดคันเร่งของตรีศูล ในขณะที่พญาขาลนั่งขาพาดสูงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ยามพวกเขาสองคนนั่งขนาบข้างเคียงคู่ให้ความรู้สึกผู้หนึ่งดั่งเหล็กกล้ามั่นคง ส่วนอีกผู้ลู่ลมเหมือนบุปผาที่สามารถเบ่งบานและเติบโตในสภาพอากาศเลวร้ายได้อย่างสมบูรณ์ กว่าจะกลับมาถึงเรือนผมเผ้าของกระดังงาก็ชี้โด่ชี้เด่เหมือนรังนกที่แม่นกใช้ฟักไข่ในฤดูการขยายพันธุ์ “นี่ยาต้มพ่อข้ากำชับให้เอ็งต้มกินทุกวันทุกหกโมงเย็น” ตรีศูลยื่นห่อกระดาษด้านในบรรจุยาห่อสมุนไพร “อืม ขอบใจเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จตามไป” กระดังงาพยักหน้าเข้าใจ กลับมาถึงเรือนร่างระหงก้าวเท้าเหยียบบันไดขั้นสุดท้ายกลับผงะจนเกือบจะหงายหลังตกขั้นบันได โชคดีที่ชายหนุ่มวัยกลางคนรับเอาไว้พอดิบพอดี เขาไม่ทันอ้าปากตวาดใส่เหมือนเช่นเคยพลันเหลือบไปเห็นข้าวของในเรือนถูกรื้อค้นทำลายกระจัดกระจายก็รีบหุบปาก เพราะนี่คือสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวผงะแตกตื่นถึงเพียงนี้ “โจรขึ้นบ้านหรออ้ายขาล” กระดังงายกมือทาบหน้าอก สีหน้าแตกตื่นหวาดระแวงเป็นอย่างมาก กลับกันใบหน้าคมคร้ามแสยะยิ้มเยือกเย็น กลิ่นกายของผู้บุกรุกสุดแสนจะคุ้นเคย ไยเขาจะไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือระบายอารมณ์ใส่ข้าวของเหล่านี้จนพังยับเยิน อีกทั้งข้าวของเหล่านั้นหาใช่ของเขา ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นของนางโจรหน้าหนาทั้งสิ้น ดูท่าพิษรักแรงหึงของสตรีจะรุนแรงกว่าที่เขาคาดการณ์ เวียงหวัน! “ก็ขึ้นอยู่ทุกวัน” “จ๊ะ!” หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เขายังมีแก่ใจมาค่อนขอดเธอ นับถือแล้วจ้าตาเฒ่า! หญิงสาวไม่รีรอรีบก้าวเท้าเข้ามาสำรวจเรือนนอนของตนเองที่ยึดมาจากพญาขาลโดยสมบูรณ์ ดวงหน้างามขรึมลงจนเห็นดวงตาเฉี่ยววาวโรจน์ขุ่นเคือง เสื้อผ้าอาภรณ์ที่น้าบุหงามอบให้ถูกฉีกทึ่งทำลาย ฟูกนอนหมอนมุ้งถูกกรีดลากยาวจนไส้ในเทกระจาดระเนระนาด ไม่เพียงเท่านั้นหยกก้อนยักษ์มูลค่าสูงถูกทุบทำลายกลายเป็นก้อนกรวด วินาทีนี้ป้อมปราการที่เคยแข็งแกร่งเย่อหยิ่งพังทลายครืนลงมา สองขาที่เคยยืนหยัดผ่านร้อนผ่านฝนผ่านหนาวมาได้ด้วยตนเองกับทรุดสะอื้นไห้ราวกับบิดามารดาลาโลกนี้ ความหวังที่จะนำหยกก้อนนี้ไปขายเพื่อซื้อข้าวสารอาหารแห้งให้มารดาถูกทำลายย่อยยับ มีหรือที่หญิงสาวร่างระหงผู้นี้จะสามารถอดกลั้น หยาดน้ำตาสีใสไหลทะลักออกมาราวกับทำนบเขื่อนแตก เสียงสะอื้นไห้กัมปนาถอยู่ภายในเรือนนอนจนพญาขาลนิ่วหน้าย่างก้าวเข้ามาดูเหตุการณ์ “!!?!!” “ฮะ...ฮึก” “ฮือออ!” “แตกหมดเลย แตกหมดแล้ว” “ฮืออออ!” “นางน้อย...” เตียนคำรีบโผล่ออกมาจากอบเงินหมายจะปลอบประโลมนางน้อยของตนเอง ทว่า...เห็นร่างกำยำสันทัดยืนกอดอกปราดมองมาทางกระดังงาจึงหดคอรีบหายหลุบเข้าไปในอบเงินดังเดิม “จะร้องทำไมข้าหนวกหู แตกก็แตกช่างมัน ไปเอามาใหม่จะกี่ชิ้นก็ไปเอามาเรื่องแค่นี้จะร้องไห้ฟูมฟายเหมือนพ่อแม่เอ็งตายไปทำไม! เก็บน้ำตาไปร้องไห้ในงานศพ!” พญาขาลถอนหายใจพรืดใหญ่ ประโยคนั้นทำเอาหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาร้องไห้เอาเป็นเอาตายถึงกับหูผึ่ง กระนั้นร่างระหงยังคงสะอึกสะอื้นน่าสงสารจับใจ หันขวับมองชายหนุ่มวัยกลางคนตาเป็นประกายเหมือนจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์พร้อมหุบสมบัติของปู่โสมเฝ้าทรัพย์ สองมือเช็ดคราบน้ำตาแบบขอไปทีรีบเร่ง พลางเอ่ยถามย้ำให้แน่ชัดว่าที่เขาพูดมาเป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอไม่ได้หูฝาด “หืม...กี่ชิ้นก็ได้หรอจ๊ะ” “จะไปเอาก็รีบไปเอาก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ” สิ้นสุดประโยคพริบตาเดียวพญาขาลก็รู้สึกว่ามีสายลมหนึ่งสายพาดผ่านเขา หางตาเห็นเงาร่างอรชรวิ่งหน้าตั้งพรวดพราดออกไปพร้อมเสียงฝีเท้าตึกตักเร่งรีบปรี่ตรงเข้าไปในเรือนนอนของเขา เสียงกุกกักหาสมบัติดังแว่วลอยมาจากภายในห้องนานสองนาน ก่อนร่างระหงจะหอบทรัพย์สมบัติเต็มอ้อมกอดสีหน้าระรื่นพึงใจ ใต้ตาของนางแดงก่ำบวมเป่งบ่งบอกว่านางยังคงสะอื้นไห้เสียใจอาวรณ์นักหนา แม้ว่าจะมีสิ่งของใหม่ทดแทนก็ตามแต่ หากเขาไม่หยิบยื่นโอกาสที่สองให้นางไม่แคล้วว่าคืนนี้จะต้องทนฟังเสียงสะอื้นไห้ปานบิดามารดาตายตกของนางทั้งคืน “ขอบใจจ๊ะอ้ายขาล” “หึ...” พญาขาลกระตุกยิ้มไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด สงบจิตสงบใจได้พักใหญ่กระดังงาก็หอบร่างสังขารมาเก็บกวาดเศษซากที่กระจัดกระจายบนเรือนสะอาดหมดจดภายในระยะเวลาอันสั้น ก่อนจะลงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้หอมกรุ่นดังเดิม ยังพอมีวาสนาที่เธอเลือกซื้อเสื้อผ้าผืนใหม่มาจากตลาดทำให้เธอไม่ต้องใส่อาภรณ์ผืนเก่า แต่น่าเสียดายเสื้อผ้าอาภรณ์ของน้าบุหงามีแต่เนื้อผ้าดีผืนสวยจนเธอตัดใจไม่ลง สีหน้าสลดหมองหม่นจนพญาขาลขึงตาส่ายหน้าเอือมระอากับความขี้งกของเธอ กิจวัตรประจำวันเหมือนเช่นเคยก็คือไปช่วยน้าบุหงาทำกับข้าว แต่ด้วยอากัปกิริยาเศร้าซึมของเธอทำให้น้าบุหงาซักไซร้สอบถามถึงได้ความว่ามีผู้บุกรุกขึ้นมาทำลายข้าวของของเธอโดยเฉพาะและจากข้อสันนิษฐาน เวียงหวันถูกขีดเส้นใต้ตัวสีแดงตัวเบ่อเริ้ม ตัวบุหงาก็เจ็บแค้นเคืองโกรธก่นด่าแทนกระดังงาจึงรีบรุดขึ้นเรือนมอบอาภรณ์ผืนใหม่ให้หญิงสาวเต็มตระกร้า ในขณะที่สองสาวนั่งพูดคุยทำกับข้าวกันอยู่ในครัว เสียงของสิบทิศและศิลา ลูกชายฝาแฝดของน้าบุหงาก็ร้องเสียงหลงยินดีประหนึ่งมีญาติสนิทมาเยี่ยมเยียน บุหงาเช็ดมือสองข้างชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นผู้มาเยือนรัศมีเปล่งประกาย จึงกวักมือเรียกสาวน้อยหน้าตาใสซื่อที่กำลังโขกพริกแกงเป็นจังหวะออกมาด้วยดูให้หายสงสัย “เสียงเจื้อยแจ้วอะไรอยู่ข้างนอก กระดังงาออกมาไปกับน้ากัน เด็กพวกนี้ไม่รักษากิริยามารยาทกันบ้างเลย กระโตกกระตากเป็นม้าดีดกะโหลกขายหน้าจริงๆ” “จ๊ะ” ในสายตาของกระดังงาผู้มาเยือนเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ผิวพรรณผ่องเนียนไร้ตำหนิราคี หล่อเหลาชนิดที่ว่ายืนขนาบข้างมวลบุปผาเหล่ามวลหมู่ความงามนั้นยังอับเฉาให้กับรูปโฉมเป็นหนึ่งของชายหนุ่มผู้นี้ ตั้งแต่เกิดมากระดังงาไม่เคยเห็นชายใดรูปโฉมเบียดความงามเยี่ยงเขามาก่อน เธอพยายามเก็บสีหน้าแววตาชื่นชมให้มิดบังคับสายตาไม่ให้ล่อกแลก ตรีศูลเป็นหลานรักของพญาขาล แน่นอนว่าสิบทิศและศิลาย่อมเป็นหลานรักขององค์กัลป์หรืออานิลของพวกเขา ส่วนเจ้าคชคณนั้นเผื่อแผ่ความรักให้สามหน่อเท่าเทียมกัน นับตั้งแต่ได้เมียหวนสู่อกก็หายหน้าหายตาไปนานแรมปี อานิลของสิบทิศและศิลานับว่ามีรูปโฉมโดดเด่น อบอุ่น นุ่มนวลแฝงความองอาจของนักรบ และเยือกเย็นด้านชาเสมือนพระเกจิผู้ทรงศีลกินเจ อีกอย่างเจ้าหมอนี่เลือกเดินเส้นทางครองตัวรักษาพรหมจรรย์ นับว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกมอบรูปโฉมโดดเด่นเป็นหนึ่งในใต้หล้าให้เขาครอบครองแต่ไม่รู้จักสอนวิธีการใช้รูปโฉมให้เป็นประโยชน์ หญิงนางใดแลเห็นเป็นต้องชะม้อยชะม้ายส่งสายตาให้ แต่กลับถูกสายตาเย็นยะเยือกดุจสายธารน้ำแข็งหวดส่งกลับมาทุกคราจนน่าหน้าแหกเป็นที่น่าหวาดประหวั่นพรั่นพรึง “แลดูอดอยากปากแห้งแท้หนอ” “เช็ดน้ำลายหน่อย” เสียงแหบพร่าเอ่ยเหน็บแนมหญิงสาวที่กำลังตะลึงอึ้งอ้าปากค้างกับรูปโฉมของบุรุษเบื้องหน้า หญิงสาวจึงมองค้อนพญาขาลที่กำลังนอนเหยียดบนตั่งตัวยาวหนหนึ่ง “อะไรกันกระดังงาก็แค่แสบตากับรัศมีที่มันระยิบระยับเหมือนมีดาวมีเดือนแผ่กระจายออกมาก็เท่านั้นเอง ในใจกระดังงาอ้ายขาลก็ยังเป็นที่หนึ่งอยู่ดีจ๊ะ” หญิงสาวรีบเดินไปหาพญาขาลที่นอนเหยียดบิดขี้เกียจบนตั่งตัวยาว มือไม้บีบนวดคลายเส้นให้อย่างรู้งาน “อ้ายหน้าตายผู้นั้นเป็นใครกันหรอจ๊ะ” “หนึ่งในสหาย ผู้นำพญานาคตระกูลกัณหาโคตมะ แต่อย่าฝันสูงมันถือครองพรหมจรรย์” พญาขาลรีบดักคอ “กระดังงาไม่คิดจะถวายตัวให้อ้ายผู้นั้นเสียหน่อย อยากถวายตัวให้อ้ายผู้นี้ต่างหาก สงสัยคืนนี้จะต้องกราบเบญจางคประดิษฐ์ปีนขึ้นเตียงให้ได้แล้ว” ว่าแล้วก็คลอเคลียเขาเหมือนแมวน้อยออดอ้อนหนักหน่วง ไม่สนใจสายตาเอือมระอาหลายคู่ที่ทอดมองสองชายหญิงพลอดรักกันโดยไม่สนใจสายตาประชาชี “อย่ามาเบียดข้าร้อน!” พญาขาลถอนหายใจพรืดใหญ่เบี่ยงหลบ มือสากดันศรีษระเล็กที่เอาแต่ถูไถสีข้างของเขาจนแทบถลอกออกห่างอย่างรำคาญใจ “พญาขาลเจ้ามีเมียแล้วหรือไยข้าไม่ยักรู้ข่าวคราว” น้ำเสียงละมุนละม่อมของผู้มาเยือนเอ่ยถามอย่างรู้สึกแปลกใจระคนตกใจ “มะ...” “ใช่จ๊ะ ฉันชื่อกระดังงานะจ๊ะเป็นเมียรักของอ้ายขาลจ๊ะ” กระดังงารีบตะครุบปิดปากพญาขาลที่กำลังจะอ้าปากด่ากราดปฏิเสธด้วยความรวดเร็ว เธอพยักหน้ายืนยันว่าตนเองนี่แหละเมียอ้ายขาลจอมเกรี้ยวกราดตัวจริงเสียงจริง ดวงหน้างามพิลาสล้ำฉีกยิ้มกว้างอ่อนหวานทำท่ารักใคร่กลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชายหนุ่มวัยกลางคนเต็มประดา “ข้าดันหลังแอบสนับสนุนนังหนูใจกล้าผู้นี้ให้กำราบสมิงแก่ขี้โมโหรอดมาจนถึงทุกวันนี้นับว่าไม่ธรรมดา เจ้าคิดเห็นอย่างไร” ไอยศูรย์ป้องปากกระซิบกระซาบข้างใบหูสหาย เขาตีหน้าเรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ไม่วายเพยิดหน้าไปทางคู่รักข้าวใหม่ปลามัน “ช่างเป็นคู่รักที่สวรรค์สรรสร้างโดยแท้เหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก” ชายหนุ่มผู้มีรูปโฉมโดดเด่นยิ้มมุมปาก นัยน์ตาดำขลับเพ่งสำรวจหญิงแปลกหน้าที่สามารถเข้าใกล้พญาขาลได้ในระยะหนึ่งเมตรโดยไม่โดนเขาสวบ “ไสหัวเอ็งกลับไปโรงครัว ข้าหิวแล้วหรือจะให้ข้าฉีกเนื้อหนังกินเนื้อเอ็ง” พญาขาลกัดฟันกรอดข่มขู่ กระดังงาเสียวสันหลังวาบลุกพรวดเข้าไปในโรงครัวแต่โดยดี ก่อนจากไปมิวายบ่นอุบอิบตามประสา “จ้าจะเร่งมือทำให้ประเดี๋ยวนี้เลยจ้า” สิ้นสุดมื้ออาหารเย็นกระดังงาก็รีบกลับเรือนมาต้มยาสมุนไพรที่สามีน้าบุหงาคะยั้นคะยอให้เธอดื่มบำรุงร่างกายเป็นประจำทุกวัน ยาต้มขมปี๋หวานปลายร้อนๆ ถูกเป่าให้หายร้อนควันโขม่งก่อนจะกระดกดื่มจนหมดถ้วย ก่อนจะขึ้นเรือนไปนั่งประจำที่คอยบีบนวดแก้อาการปวดเมื่อยให้พญาขาลที่กำลังนอนเหยียดอยู่บนฟูกอย่างเอาเป็นเอาตาย “ดีมั้ยจ๊ะ” น้ำเสียงจ๊ะจ๋าเอ่ยถามครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาคร้านจะตอบจึงหลุบสายตาลงต่ำ หากไม่ติดว่าฝีมือบีบนวดของนางจับจุดได้ดีคงไล่ตะเพิดไปนานแล้ว “......” เขาคร้านจะตอบจึงแสร้งหลับพักสายตา ปล่อยให้หน้าที่บีบนวดสร้างความผ่อนคลายกลายเป็นภาระของนางเพียงผู้เดียว แต่ไม่รู้ว่าทำไมนวดไปนวดมา ฝ่ามือนุ่มนิ่มที่เคยเย็นเฉียบกลับร้อนระอุราวกับน้ำร้อนลวก มือไม้ปลาหมึกที่เคยจับเส้นบัดนี้เปลี่ยนมาลูบไล้เรือนกายกำยำอย่างใจกล้า ลมหายใจกระท่อนกระแท่นยั่วยวนร้อนแรงขาดช่วงหอบหนัก สติสัมปชัญญะพร่าเลือนหลงเหลือเพียงเปลวไฟแห่งความต้องการล้นพ้น ริมฝีปากอิ่มจรดจุมพิตลงบนท้ายทอยแกร่งครู่เดียว ก็ลากลิ้นเล็กฉาบเลียวนเวียน ส่งผลให้ร่างกายกำยำขนลุกเกลียวทั่วทั้งตัว พญาขาลเปิดเปลือกตาเหลือบมองอากัปกิริยาร้อนแรงของกระดังงา “อีกแล้วหรือ!? เอ็งไปสรรหายาต้มปลุกกำหนัดพวกนี้มาจากที่ใด” พญาขาลคำรามหงุดหงิดเมื่อเห็นแววตาของนางเป็นประกายแวววับระยิบระยับเหมือนมีน้ำใสกลิ้งกลอกอยู่ภายในบ่งบอกถึงความต้องการเรื่องอย่างว่า “อ้ายขาล...” กระดังงาเอ่ยขานเสียงหวาน “กระไร!” พญาขาลตวาดลั่น หวังให้นางคืนสติ ร่างระหงพลิกลำตัวนั่งคล่อมโถมทับร่างแกร่ง ไม่พูดพร่ำทำเพลงริมฝีปากอิ่มจู่โจมชายหนุ่มอุกอาจ พญาขาลรีบร่ายมนตราสะกดเตียนคำให้อยู่ภายในอบเงิน บดบังการรับรู้ของนางเป็นการด่วน รสจุมพิตเร่าร้อนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการระหว่างชายหญิง เพียงสัมผัสริมฝีปากหนาร่างระหงก็สั่นระริกเสมือนแตะต้องของต้องห้าม ริมฝีปากของนางบดขยี้ปากหนาของเขาแนบแน่น ดูดกลืนลิ้นสากปนเอาใจ กระทั่งเสียงคำรามครางต่ำดังเล็ดลอดออกมา “......” ร่างกำยำสันทัดตวัดโอบอุ้มร่างระหงขึ้นมาเดินตรงดิ่งเข้าเรือนนอนของหญิงสาว เชิงเทียนถูกดับจนคนทั้งคู่ตกอยู่ในความมืดมิดหลงเหลือเพียงความสว่างหม่นแสงของดวงจันทรา พญาขาลรู้ดีกว่าผู้ใดว่ายาปลุกกำหนัดของนางจะทำให้นางสติเลอะเลือนคิดว่าตนเองอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ ครั้นตื่นเช้ามาก็ลืมเหตุการณ์วาบหวามหมดสิ้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะกระอักกระอ่วนยามเผชิญหน้านาง มิหนำซ้ำนางยังหลงคิดว่าตนเองยังคงครองพรหมจรรย์รักษาความบริสุทธิ์คิดอยากปีนป่ายขึ้นเตียงเขาได้อีก น่าขันนัก! มือหยาบกร้านกระชากปลดเปลื้องอาภรณ์ขวางกั้นกีดกันพวกเขาทั้งสองออกอย่างเร่งรีบ ใบหน้าคมคร้ามเคลื่อนสู่ที่ต่ำใจกลางของสงวนหญิงสาว เรียวขาถูกบีบบังคับแยกห่างออกจากกัน เนินเนื้ออวบอูมขาวเนียนอมชมพูเผยสู่สายตาคมกริบทุกซอกทุกมุม ส่วนปลายเกสรชุ่มฉ่ำเคลือบด้วยหยาดน้ำหวานสีใส ทว่าความเก้อเขินยังคงหลงเหลือจึงรีบหุบกลับมา “ตะ...แต่แบบนี้กระดังงาไม่เคยนะ” หญิงสาวละล่ำละลัก “ปากพูดออกมาหน้าไม่อายว่าจะจับข้าเป็นผัว ไยครานี้กระดากอายเสียเล่า ใจปลาซิวแท้สาวน้อย” มือสากออกแรงแยกเรียวขาขาวออกห่างกันอีกครั้ง ไม่รีรอให้นางเคอะเขินเป็นรอบที่สอง ริมฝีปากหนาประกบดูดดันกลีบบุปผาอูมอวบแนบแน่น กลิ่นกรุ่นกายสาวปลุกความต้องการดิบเถื่อนจนเอ่อล้น ความรู้สึกแปลกใหม่ทำหญิงสาวสะดุ้งเฮือกขยำฟูกนอนสุดแรงเกิด ใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างที่ไม่เคนเป็นมาก่อน ลิ้นสากร้อนฉาบโลมลงบนเกสรชูชันเต่งตึงหยอกเย้าขบเม้มจนยากจะทานทนต่อความเสียวซ่านที่ได้รับ ร่างระหงเกร็งกระตุกทุกครายามเขาขบเม้มออกแรง ลิ้นร้อนระอุรุกรานเข้าไปภายในสาวอันคับแคบและบีบรัด เสียงหวานครวญครางผะแผ่วเป็นเชื้อเพลิงก้อนใหญ่ให้ผู้รุกรานฮึกเหิม ดูดกลืนหยาดน้ำหวานอยู่นานจนร่างระหงอ่อนระทวย ทรวงอกอวบอิ่มไม่เคยได้รับการยกเว้นถูกบีบเคล้นหยอกเย้ายอดปถุมถันจนเต่งตึงสู้มือ ฝ่ามือหยาบสะบัดฟาดลงบนอกอิ่มคราแล้วคราเล่าอย่างสุดหักห้ามใจ รสรักครานี้ทั้งดุเดือด ดิบเถื่อน และรุนแรงจนหญิงสาวหวาดผวาอยากจะกระถดหนีแต่ก็ไม่เป็นผล ปากหนาครอบครองอกอวบขาวดูดดุนจนแดงเถือกแต่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้นางรู้ตัวยามตื่น ก่อนจะพลิกร่างที่หอบหายใจหนักนอนนอนคว่ำ ยกชันสะโพกกลมกลึงขึ้นมารับท่วงท่าถนัดถนี่ ความเป็นชายใหญ่โตผงาดโตเต็มลำชำแรกเนื้ออ่อนสาวสู่ภายในเชื่องช้าให้นางคุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมใหญ่โตของเขาเสียก่อน ครั้นนางคุ้นชินแล้วจึงเบียดเสียดตัวตนมิดด้ามทีเดียวรวด ทำให้เขาได้ยินเสียงหลงร้องครางยาว ภายในเนื้ออ่อนอุ่นตอดรัดจนชายหนุ่มนิ่วหน้าคิ้วขมวดอดทนอดกลั้นจนเกือบจะเสร็จภายในระยะเวลากระชั้นชิด ใบหน้าคมคร้ามหน้าดำคร่ำเครียดที่เกือบจะเสียเชิงชาย จึงบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงเต็มแรงระบายความอึดอัดคับแคบที่กำลังตอดรัดเขาอย่างจำใจ “อ่าาา!” “มะ...มันอึดอัด” กระดังงาพึมพำ “แล้วยังอยากจะเป็นเมียข้าอยู่ไหมเล่าเพราะข้าจะอึดและอัดเอ็งแบบนี้ทุกครา” พญาขาลแสยะยิ้มกระซิบข้างใบหูเล็ก “จะ...จริงหรอ” “ข้าเคยโป้ปดเอ็งด้วยหรือข้าจะให้เอ็งทดลองดูก่อน อย่าพึ่งขาดใจตายเล่า” ปลายผมยาวนุ่มสลวยถูกกระชากรั้งขึ้นเป็นมั่นเป็นเหมาะให้ยันกายลุกนั่งชันเข่า ขณะเอวสอบกำลังขยับเขยื้อนเข้าออกรุนแรงและหนักหน่วงทุกจังหวะท่วงท่า รสรักของเขาดุดันและโหดร้ายต่อผิวเนื้อนุ่มของสงวนนางโดยแท้ กระนั้นเสียงเนื้อเนินกระทบกระทั่งสอดประสานรวมเป็นถึงยังคงก้องกังวาลสนั่นหวั่นไหว ผสานเสียงครวญครางราวคนจะขาดใจตายของหญิงสาว ทำให้บุรุษสองผู้โผล่ศรีษระขึ้นมาสบตากันเงียบเชียบ “นางจะตายหรือไม่เหตุใดร่ำร้องปานถูกเชือดเยี่ยงนั้นเล่า ยาปลุกกำหนัดเอ็งออกฤทธิ์รุนแรงเกินไปหรือเปล่า ข้าทนฟังไม่ไหวแล้วพาข้ากลับไปเถิดพาข้ามาเสียผู้เสียคนจริงๆ” ชายหนุ่มผู้มีรูปโฉมโดดเด่นใบหน้าร้อนผ่าว สองปรางแก้มสากแดงระเรื่อจรดใบหูหนา ประโยควาจาของหญิงชายในเรือนนอนล้วนผ่านหูของเขาจนกระดากอาย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่าจึงไม่รู้ว่ายิ่งรุนแรงยิ่งสุขสม “มันไม่มีผู้ใดขาดใจตายเพราะร่วมรักหลับนอนดอกหรือเอ็งอยากได้ข้าจะจัดให้สักชุด เรื่องแบบนี้สมควรเรียนรู้เอาไว้” ไอยศูรย์ยิ้มกรุ่มกริ่ม “ข้าจะเอาไปใช้กับผู้ใด ข้าถือครองพรหมจรรย์!” องค์กัลป์ถลึงตาใส่สหาย “อ้ายสมิงตนนั้นก็เคยรังเกียจเดียดฉันท์สตรีแล้วยามนี้เป็นอย่างไรเล่าเอ็งก็ดูเอาเถิด ควบนังหนูนั่นจนเรือนสะเทือน” ไอยศูรย์กระหยิ่มยิ้มย่อง เหลือบมองเรือนสั่นสะท้านเหมือนตั้งระนาบอยู่บนพื้นดินสั่นไหว “บ้ากาม” องค์กัลป์ส่ายหน้าเอือมระอา อยากจะสวดมนต์ภาวนาให้นังหนูผู้นั้นมีชีวิตรอดปลอดภัยจนถึงรุ่งสางด้วยเถิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD