ตอนที่ 16 : ให้เวลาล่อลวง

2925 Words
16 ดวงตะวันลอยเคลื่อนผ่านทิวเขาตั้งโด่ตรงเหนือศรีษระบ่งบอกเวลาเที่ยงตรง ความเย็นที่เคยปลอบประโลมเรือนร่างร้อนรุ่มแปรเปลี่ยนเป็นไอร้อนที่ยากจะข่มตาหลับขับตานอน ความง่วงงุนอ่อนเพลียยังคงหลงเหลือแต่ไอร้อนที่แผดเผาด้านนอกทำให้กระดังงาต้องลืมตายันกายลุกขึ้นมา ชั่วขณะความปวดเนื้อปวดตัวก็ถาโถมจนเธอแทบลืมสติจนร่างกายโอนเอน บริเวณที่ขัดยอกหน่อยเห็นทีจะเป็นช่วงเอว ช่วงใจกลางความเป็นสาวก็ดูเหมือนจะเจ็บจนบวมเป่งแสบคัดความผิดดปกติของร่างกายถูกสมองอันชาญฉลาดคิดไปเองกลบจนมิดจึงคิดว่าคงเกิดจากฝีมือตนเองได้ลงมือทำร้ายร่างกายจนได้รับการกระทบกระเทือน หากเฉลียวใจฉุกคิดว่าศรีษระและเนื้อตัวส่วนนอกต่างหากที่ได้รับบาดเจ็บเธอคงเต้นแร้งเต้นกาถามหาความรับผิดชอบจากผู้กระทำ “เราเอาหัวโขกไม่ได้เอาร่างโขกซะหน่อย ทำไมมันปวดระบมเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวขนาดนี้” กระดังงาบ่นพึมพำ “ทำไมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรผิดปกติ” สายตาก็กวาดหาสิ่งผิดปกติบนร่างกายแต่กลับไม่พบร่องรอยผิดปกติเหนือความคาดหมาย หลงเหลือเพียงร่องรอยฟกช้ำดำเขียวที่เธอลงมือทำร้ายตนเอง จึงผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ดวงตาเฉี่ยวก็มองหาเตียนคำที่มักจะผลุบๆ โผล่ๆ คอยดูแลเธอไม่ห่าง “พี่เตียนคำ” “พี่เตียนคำอยู่หรือเปล่า!” “......” ไร้วี่แววและเสียงตอบกลับเช่นเคย กระดังงาใจหายวาบรีบคว้าอบเงินขึ้นมา ก่อนจะพบว่าอบเงินถูกร่ายมนตราสะกดกักขังเตียนคำปิดการรับรู้ทุกช่องทางของผีที่เธอเลี้ยงเอาไว้ หญิงสาวรีบร่ายบริกรรมคาถาคลายมนต์สะกด ทันทีที่ได้รับอิสระร่างโปร่งแสงก็รีบปรากฎกายเบื้องหน้าถลาเข้ามาสำรวจนางน้อยของตนด้วยความร้อนใจ กลัวว่าหญิงสาวจะบุบสลายกลายเป็นผุยผงในเงื้อมมือเสือสมิงผู้ร้ายกาจตนนั้น “นางน้อยเจ็บตรงไหนปวดตรงไหนบ้างหรือเปล่า อ้ายขาลผู้นั้นได้ทำร้ายนางน้อยหรือไม่” เตียนคำผลุบซ้ายโผล่ขวาสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด ท่าทางกระวนกระวายใจเป็นที่สุด หากมุมเข้าไปใต้ร่มผ้าได้ก็คงจะมุมเข้าไปนานแล้ว “กระดังงาสบายดีแค่ปวดเนื้อเมื่อยตัวนิดหน่อยจ๊ะ พี่เตียนคำไม่ต้องเป็นห่วง กระดังงาถึกทนออกปานนี้ ทำไมกระดังงามานอนในห้องนี้ได้ล่ะ อ้ายขาลไม่อาละวาดตายเลยหรือ” หญิงสาวหรี่ดวงตาถามเตียนคำ “บุหงาขอร้องไว้ ผ้าผ่อนเนื้อตัวก็ได้บุหงาจัดการให้ทั้งหมด แต่อ้ายขาลผู้นั้นนะสิพอคนกลับไปกันหมดก็เดินผ่านเหลือบมองเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงพี่เตียนคำตกใจก็เลยหลบเข้าไปอยู่ในอบเงิน แต่ดันโดนขังเสียได้ ทำตัวน่าชังนัก!” เตียนคำกระแทกน้ำเสียงยามเล่าเรื่องราว เธอตั้งอกตั้งใจฟ้องเจ้านายสาวทำให้กระดังงารู้สึกเห็นใจไม่น้อย “คงหงุดหงิดไม่มีที่ลงกระมังที่ต้องยอมยกเรือนนอนห้องนี้ให้กระดังงาก็เลยมาลงที่พี่เตียนคำ ขอโทษแทนเค้าด้วยก็แล้วกันนะพี่” “จะขอโทษแทนทำไมนางน้อยไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย ต้องตาเฒ่าหน้าโหดปากร้ายผู้นั้นต่างหากที่ต้องมากราบขอโทษพี่เตียนคำ” เตียนคำเชิ่ดใบหน้าส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ โดนขังมาทั้งคืนมีหรือจะไม่ขุ่นเคือง นางอยากจะสับอ้ายสมิงร้ายผู้นั้นให้เละเป็นหมื่นๆ ชิ้นให้สาสมแก่ใจ “เกรงว่าพี่เตียนคำคงจะรับคำขอโทษของอ้ายขาลไม่ไหวหรอกถ้าเค้ามากราบกรานขอโทษ” หญิงสาวอมยิ้มกับท่าทีกระฟัดกระเฟียดของผีเลี้ยง “นินทากระไรข้ากันอยู่” น้ำเสียงเข้มคำรามจากด้านนอกเล็ดลอดเข้ามาด้านใน ก่อนเงาร่างมหึมาจะเยื่องย่างเข้ามาภายในห้องหับ กวาดสายตามองหนึ่งคนหนึ่งผีที่ปิดปากหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน “!!?!!” “ขอบคุณที่ให้กระดังงายืมห้องนะจ๊ะเดี๋ยวจะรีบเก็บของไปปูนอนที่เดิมคืนนี้จ๊ะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะถึงคราวซวย เธอกลัวว่าเขาผู้นี้จะเฉดหัวเธอและพี่เตียนคำออกจากเรือนจึงยอมสงบเสงี่ยมเจียมตัวชั่วคราว ก็เพราะว่าเธอพึ่งไปสร้างเรื่องมาจึงกินปูนร้อนท้อง “ไม่ต้องย้าย บุหงาขอที่ซุกหัวนอนให้เอ็งข้าไม่กล้าขัดน้องข้า ประเดี๋ยวน้องข้าจะมาหน้าบูดหน้าบึ้งใส่ข้าอีก ข้าถือว่าทำบุญเลี้ยงนกเลี้ยงกา” พญาขาลเอ่ยเสียงเข้ม เขาปั้นสีหน้าเคร่งขรึมดุดันตามเดิม ก่อนจะหันไปเอ่ยปากหาเรื่องเตียนคำ “ทำไมข้าขังเอ็งแล้วเอ็งไม่พอใจรึ?” “แหม่...ผู้ใดจะกล้าล่ะเจ้าคะ เตียนคำมิกล้าขุ่นเคืองอ้ายขาลดอกเจ้าคะ มอบที่ซุกหัวนอนให้ก็นับว่าบุญโขแล้ว มิกล้าอาจเอื้อมมากไปกว่านี้เจ้าคะ” เตียนคำยืดคอยาวเหยียดเอ่ยตอบพญาขาลด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทั้งที่ภายในใจนั้นสุดแสนจะขยาดหวาดกลัวพญาขาลผู้นี้ “ข้าได้ยินแว่วๆ ว่าอยากจะให้ข้ากราบขอโทษด้วยหรือเตียนคำ ผีกะเยี่ยงเอ็งจองหองสามหาวเหลือเกินหนา ลองให้ข้านำเอ็งไปถ่วงน้ำในลำคลองสักวันสองวันดูไหมเล่า เรือนข้าอาจจะร้อนแต่น้ำคลองนั้นเย็นสบายดีหนา” พญาขาลเจ้าคิดเจ้าแค้นยังคงจดจำวาจาประโยคที่เตียนคำเอ่นขานเขา เสือสมิงร้ายบ้างล่ะ เสือเฒ่าบ้างล่ะ จึงคิดยอดรวมหนี้เก่าหนี้ใหม่ “พี่เตียนคำพูดเล่นจ๊ะ ไม่มีใจอยากจะให้อ้ายลดตัวลงมากราบกรานขอโทษหรอกจ๊ะ ปวดเมื่อยมั้ยจ๊ะเดี๋ยวกระดังงานวดให้อ้ายขาลดีมั้ย” กระดังงาเสียวสันหลังวาบกับอาการเอาแน่เอานอนอารมณ์ไม่คงที่ของชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้เหลือเกิน หนึ่งวันร้อยแปดอารมณ์หากตามอารมณ์เขาไม่ทันมีหวังว่าจะโดนงับหัวเข้าสักวัน “รีบแก้ตัวให้กันเพียงนี้ ข้าจะหาเรื่องผีเลี้ยงของเอ็งลงได้อย่างไร มานวดให้ข้า!” ข้อเสนอถูกอกถูกใจเช่นนี้มีหรือพญาขาลจะหลบเลี่ยง “นางน้อยยังปวดเนื้อปวดตัวจะไปนั่งนวดให้อ้ายขาลได้อย่างไร” เตียนคำถลึงตาใส่นางน้อย “อย่าให้ข้ารู้สึกว่าเลี้ยงพวกเอ็งไว้แล้วเสียข้าวสุกโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะเอ็ง...ข้าไม่ชอบให้เรือนข้ามีกลิ่นอายชั่วร้ายของผีชั้นเลว ข้ายอมให้เอ็งติดตามนางก็นับว่าใจกว้างมากแล้ว” นิ้วชี้สากชี้ไปที่เตียนคำ “ในเรือนนี้ไม่มีใครมีกลิ่นอายชั่วร้ายได้เท่าท่านแล้วล่ะจ๊ะ” กระดังงาขมุบขมิบปากพึมพำ ทว่าพญาขาลกลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำที่นางเอื้อนเอ่ย ใจก็อยากจะปราดเข้ามาบีบคอเนียนให้แหลกลาญคามือ อีกใจก็สงบจิตสงบใจไม่อยากลงมือให้เรือนเเปดเปื้อนหยาดโลหิตของนาง “เจ้าค่า! อ้ายขาลใจกว้างดั่งมหาสมุทร” เตียนคำเหน็บแนมสมิงร้าย ดวงตากรอกขึ้นลงอย่างไม่สบอารมณ์ นี่คงเป็นหนแรกที่นางยั้งปากไม่ได้ ก็เจ้าสมิงตนนี้มันร้ายเกินเยียวยาน่ะสิ ชังนัก! น่าชัง! “หึ...รักกันเหลือ!” กระดังงาจำต้องหอบร่างอ่อนระโหยโรยแรง ปวดร้าวเนื้อตัวทั่วร่างกลั้นใจฮึดสู้มาบีบเนื้อจับเส้นเอ็นให้พญาขาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากไม่จำใจสละตนมีหวังพี่เตียนคำคงจะถูกเขาหาเรื่องจับถ่วงน้ำเป็นแน่ จึงกำชับให้พี่เตียนคำหลบหลีกสายตาเอาเรื่องอยู่ในอบเงินตลอดทั้งวัน ยามนี้ชายหนุ่มวัยกลางคนนอนปิดเปลือกตาตะแคงข้าง ยกท่อนแขนค้ำยันศรีษระสบายใจไร้กังวล เห็นท่าทางสบายใจไร้ทุกข์ของเขาแล้วมันน่าหมั่นไส้ จนออกแรงบีบนวดเอาเป็นเอาตายแต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจพญาขาล ส่วนคนที่ลำบากเห็นที่จะไม่ใช่ใครอื่นก็คือเธอ นอกจากจะผ่อนแรงเบาไม่ได้แล้วยังต้องออกแรงเพิ่ม “ผ่อนแรงทำไม เก่งกาจถึงขั้นเผชิญหน้ากับอ้ายห่าก้อมไม่คิดกลัวตาย กะอีแค่ออกแรงนวดทำหน้าอย่างกับข้าใข้เอ็งไปขุดบ่อส้วม” น้ำเสียงแดกดันเอ่ย ขณะเจ้าตัวยังคงนอนเหยียดบนฟูกโดยมีร่างละมุนบีบนวดอย่างเอาเป็นเอาตาย “ก็ตอนเผชิญกับพญาห่าก้อมกระดังงาไม่ได้ใช้แรงนี่จ๊ะ กระดังงาใช้ปาก” อยากจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวแสร้งรู้สึกผิดสักวันสองวันเสียหน่อย แต่ดูจากสถานการณ์แล้วหากเธอไม่ตอบโต้ไม่แคล้วว่าวันนี้ทั้งวันจะต้องตกอยู่ภายใต้ฝีปากอันเฉียบคมที่พร้อมจะเชือดเฉือนเนื้อหนังของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นแน่ “ใช้ปาก?” เขาทวนคำ พลันนึกถึงเหตุการณ์ค่ำวานยันรุ่งสากที่เขาเคี่ยวกรำหญิงสาวจนนางสะอื้นไห้ร้องขอวิงวอนให้ผ่อนผันเพราะนางอยากจะนอน ดูเหมือนนางจะไม่ทันระแวดระวังสังเกตว่าตนเองได้มอบความบริสุทธิ์เข้าปากเสือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และประโยควาจาคำว่าใช้ปากของนางก็ทำให้เขานึกถึงยามที่นางครอบครองแก่นกายมหึมา ยามเขาบังคับให้นางฝืนกลืนกินน้ำรักของเขา ช่างน่าขบขันนัก “ใช้ปากอย่างไรคงไม่ได้ใช้ปากไปทำเรื่องอย่างว่ากับผีดอกกระมัง” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเย้ยหยัน “ไม่คิดเลยว่าอ้ายขาลก็มีช่วงเวลาโง่เขลาเหมือนกัน ให้กระดังงาใช้ปากกับส่วนนั้นของผี มันจะได้จริงหรือจ๊ะ” หญิงสาวหน้าระรื่นหลอกด่าสมิงร้ายต่อหน้าต่อตา “ผู้ใดมันมอบความกล้าให้เอ็งหลอกด่าข้าต่อหน้ากัน” น้ำเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยขึ้น เปลือกตาหนาที่เคยปิดเปลือกตาแน่นสนิทเบิกกว้าง ฉายแวววาวโรจน์โชติช่วงยิ่งนัก “หืม...ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะจ๊ะหรือว่าหวั่นไหวกับกระดังงา อยากให้กระดังงาใช้ปากกับส่วนนั้นของอ้ายขาลแทนหรอแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้” น้ำเสียงเย้ายวนดังขึ้นฝ่ามือที่เคยบีบนวดเคลื่อนมาลูบไล้แผงอกแกร่งกำยำปกคลุมด้วยไรขนอ่อน ริมฝีปากอิ่มคลอเคลียใบหูหนาจนพญาขาลรู้สึกเย็นเกลียวทั่วร่าง มีเพียงเขาผู้เดียวที่ยังคงจดจำรสรักวาบหวามของคืนวานได้ นางต่างหากเล่าช่างโง่เขลา! ใช้ปากปรนเปรอส่วนนั้นของเขาอยู่นานสองนาน มิหนำซ้ำยังถูกเขาบังคับให้กลืนกินน้ำรักของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้หยาดหยดเดียว เด็กโง่หนอเด็กโง่... “หึ...” คิดได้ดังนั้นก็พลอยทำให้ชายหนุ่มวัยกลางคนที่มักจะแผลงฤทธิ์สุขสำราญใจ “แน่ใจหรือว่าจะใช้ปากกับส่วนนั้นของข้า สภาพเอ็งตอนนี้เหมือนซากศพเดินได้ก็ไม่ปาน มีแรงยั่วยวนข้าเพียงนี้ก็นับว่าหลงเหลือเรี่ยวแรงไม่น้อย บีบนวดให้ข้า ข้าจะให้ทองก้อนเอ็งเอาไปขายซื้อเสื้อผ้าของใช้” “หืม?” กระดังงาชะงักค้างเติ่งอยู่ในอากาศ หัวคิ้วขมวดงุนงงกับความใจดีที่ผิดแปลกแตกต่างจากเดิมในทุกๆ วัน ดวงหน้างดงามพิลาสล้ำหลงเหลือร่องรอยฟกช้ำดำเขียว ชะโงกศรีษระดูฟ้าดูฝนว่าวันนี้จะมีลมพายุพัดโหมกระหน่ำจนหมู่บ้านคุ้มงามจมลงใต้สายธารหรือเปล่าหนอ หรือว่าเขาไปกินยาผิดสำแดงมาจึงได้เกิดอาการเลอะเลือนผิดปกติ ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่นในน้ำใจไมตรีกึ่งร้ายกึ่งดีของเขา “หยุดความคิดแปลกประหลาดพิสดารของเอ็งเสีย หน้าเอ็งในยามนี้เหมือนแม่หมูตกคลอกเหลือจะทน ข้าไม่อยากเห็นสีหน้าท่าทีโง่งมของเอ็ง” วาจาเสียดสีเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กระดังงารีบหดคอกลับมาบีบนวดเอาใจสมิงเฒ่าตัวร้ายต่อ “เอิ่ม...คือ...คือว่า” ริมฝีปากเล็กอ้าๆ หุบๆ อยู่อย่างนั้น คิดชั่งตวงอยู่ในใจหากเอ่ยปากออกไปจะโดนไล่เตลิดออกจากเรือนหรือไม่ เธออยากจะถามว่าเขาคิดจะถอดถอนคำสาปแช่งให้หมู่บ้านชุมโจรหรือไม่ หรือจะต้องเอาใจอย่างไรเขาจึงจะถูกอกถูกใจ “หากเป็นคำถามโง่ๆ ก็อย่าคิดได้เอ่ยออกมาทำลายบรรยากาศผ่อนคลายของข้า หน้าเอ็งมันฟ้องหมดแล้วว่าจะเอื้อนเอ่ยกระไร” พญาขาลปรายหางตาเหี้ยมเกรียมมองหญิงสาว “กระดังงาแสดงออกมาหมดเลยหรอจ๊ะ” เธอขมวดหัวคิ้วทำท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “......” ครานี้เขาไม่ตอบ ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจพรืดใหญ่ ปานว่าหญิงสาวทำให้เขาเหนื่อยหน่ายใจเป็นอย่างมาก กระดังงาจึงเลือกที่จะสงบเสงี่ยมเจียมตัว หมายมั่นคิดหาวิธีที่จะปีนป่ายขึ้นเตียงขอร้องอ้อนวอนเขาอีกสักครั้ง แต่คนที่หมายมั่นตั้งใจว่าจะสงบเสงี่ยมดันรู้สึกปวดเคล็ดบริเวณช่วงเอวไล่ลงไปจรดเรียวขาขาว ดิ้นขลุกขลักขยับไปมาอย่างไม่สบายตัว ไม่ถึงนาทีก็เปลี่ยนท่านั่งไปแล้วสิบกว่าท่า ชายหนุ่มวัยกลางคนชำเลืองมองอากัปกิริยาไม่สบายตัวของนางพลางกระตุกยิ้มมุมปาก เขาแสร้งทำไขสือไม่รู้เรื่องราวต้นสายปลายเหตุถึงที่มาของอาการปวดเคล็ดขัดยอกของนาง เอ็งเจ็บปวดแต่ข้าสุขสมสบายกายยิ่งนัก! “เป็นกระไรของเอ็งอีกมีตัวอะไรกัดช่วงล่างเอ็งหรืออย่างไร ขยับอยู่นั่นข้ารำคาญ” คนบอกรำคาญใบหน้าคมคร้ามกลั้นมุมปากไม่ให้เผลอกระตุกยิ้ม “วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรมันปวดเอวเหมือนเอวจะเคล็ดเลยจ๊ะ ตอนหามกระดังงากลับมาคงไม่หมั่นไส้เอาตัวกระดังงาไปกระแทกกับของแข็งมาใช่มั้ยจ๊ะ” “แค่นั้นรึ!?” พญาขาลหว่านแหถาม มิหนำซ้ำยังตอบไม่ตรงคำถามอีกต่างหาก “มันก็ไม่แค่นั้นหรอกจ๊ะแต่อ้ายขาลเป็นผู้ชายจะให้พูดต่อหน้าก็คงไม่เหมาะ แต่ถ้าอ้ายขาลเป็นผัวกระดังงาแล้วให้พูดตรงๆ ก็คงไม่เคอะเขิน งั้นเรามาทำเรื่องอย่างว่าเป็นผัวเมียกันเลยดีมั้ยจ๊ะ” หญิงสาววกวนเข้ามาเรื่องอย่างว่า แววตาระยิบระยับเจ้าเล่ห์มองเหยื่อ “เอ็งมีความสามารถกระไรจะมาปีนขึ้นเตียงข้า อาศัยแค่หน้าตาก็พอดูได้ เนื้อตัวก็มอมแมมสกปรก อายุหรือก็น้อยกว่าข้าเอ็งเป็นโหลนข้ายังได้เลย” เขาหลอกถามทั้งขันทั้งฉิวหญิงสาวอ่อนประสบการณ์ ที่แสดงออกว่าตนเองนั้นเชี่ยวชาญช่ำชองเรื่องอย่างว่า ทฤษฎีก็ได้อยู่ดอกแต่พอปฏิบัติจริงกลับสะอื้นไห้ใต้ร่างเหมือนจิ้กจอกน้อยอ้อนวอนร้องขออิสระคืน นางจำไม่ได้แต่เขาจำได้ “ใครอยากเป็นโหลนของอ้ายขาลกัน กระดังงาจะเป็นเมีย!” เสียงเล็กค้านเสียงเเข็ง “หึ...ข้าไม่ชอบไก่อ่อนอย่างเอ็ง” “อ้ายขาลเรียกใครไก่อ่อน ไม่ชิมจะรู้ได้ไงว่าเป็นไก่ชนหรือไก่อ่อน อย่างกระดังงาเค้าเรียกไก่ชนต่างหาก รสชาติกลมกล่อมละมุนละไมได้ชิมแล้วจะติดใจนะจ๊ะ” หญิงสาวเอียงคอเถียง เสนอตัวเองเต็มกำลังประหนึ่งว่าหากเขาได้เชยชิมคงจะลุ่มหลงมัวเมาหนักหนา ส่วนมือไม้ก็เริ่มซุกซนแกล้งสัมผัสปัดป่ายไปโดนยอดอกสีเข้มของเขา ‘ข้าชิมมาแล้วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเอ็งเป็นไก่อ่อนหรือไก่ชน กระดูกอ่อนขบคราเดี๋ยวก็ม้วนทอดลงท้องเขาเช่นนี้ยังจะมีหน้ามาต่อปากต่อคำอีก’ เขากระหยิ่มยิ้มย่องในใจ แสร้งเข็นเรือตามน้ำรอดูลิเกของนาง “ข้าให้หนึ่งชั่วยาม” “หืม!?” “เอ็งเอาแต่พูดว่าอยากจะปีนป่ายขึ้นเตียงข้า ข้าขอชมเสียหน่อยจะเป็นไรไปเดี๋ยวเอ็งจะถือว่าข้าแล้งน้ำใจไม่ให้เอ็งแสดงความสามารถ หนึ่งชั่วยามหากเอ็งยังหาวิธีปีนป่ายขึ้นเตียงข้าไม่ได้ วันพรุ่งก็ขึ้นเขาไปเก็บฟืน” “จะไปยากอะไรกันละจ๊ะ แต่สัญญามาก่อนว่าหากไม่ถูกใจหรือว่ากระดังงารุกแรงแตะต้องเนื้อตัวของสงวนอ้ายขาล อ้ายขาลจะไม่ไล่กระดังงาออกจากเรือน” “ในสายตาเอ็งข้าเป็นคนใจไม้ไส้ระกำเพียงนั้น” “จะใช่ที่ไหนละจ๊ะในสายตากระดังงาอ้ายขาลใจกว้างดั่งท้องมหาสมุทร จะคิดเล็กคิดน้อยกับว่าที่เมียตนเองได้ไง แต่มันก็ต้องกันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรอจ๊ะกว่าอ้ายขาลจะยอมให้กระดังงาขึ้นเรือน ยากเย็นแสนเข็ญจะตาย” กระดังงาชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อม อีกทั้งยังยัดเยียดตนเองใช้คำว่าว่าที่เมียอย่างไม่กระดากปาก มือไม้ก็เริ่มซุกซน ศรีษระถูไถหัวไหล่แกร่งออดอ้อนไปมาเหมือนลูกแมวน้อยตัวหนึ่ง “เอ็งเห็นเนื้อตัวข้าเป็นผ้าขี้ริ้วหรือถึงได้เอาใบหน้าอัปลักษณ์มาเช็ดๆ ถูๆ ข้า” พญาขาลปั้นหน้าบึ้งตึง แต่ในเมื่อเขามอบโอกาสให้นางแล้วมีหรือที่คนฉลาดเฉลียวอย่างนางจะไม่คว้าเอาไว้ ริมฝีปากเล็กอุ่นร้อนไม่ตอบโต้เพียงใช้สัมผัสปิดปากที่มักจะเปล่งวาจาว่าร้ายตนเองในทันที!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD