CHAPTER 02
“ขอบคุณมากนะคะคุณหนูเมเบล วันและเวลาถ่ายแบบเดี๋ยวคุณเอลลี่จะประสานไปนะคะ”
“ค่ะ”
ฉันตอบคุณเมแกนสั้น ๆ ก็เดินนำหน้าฮาร์ดินบอดี้การ์ดที่ฉันยังโกรธแค้นเขาอยู่
ฮาร์ดินเปิดประตูรถให้ฉันแต่ฉันไม่ได้ขึ้นฝั่งที่เขาเปิดให้ ฉันเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วเปิดประตูรถฝั่งนั้นด้วยตัวเองก่อนจะขึ้นไปนั่งแล้วปิดลงด้วยตัวเองเช่นกัน
ฉันได้ยินเสียงฮาร์ดินหัวเราะอยู่ในคอ เขาเคาะนิ้วลงกับหลังคารถเป็นจังหวะเฉื่อยชาแล้วปิดประตูรถแล้วเดินมานั่งตำแหน่งคนขับรถของตัวเองไป
ระหว่างนั่งรถกลับคอนโดไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมา ถ้าจะมีคงมีเพียงสายตาของฮาร์ดินที่ลอบมองฉันผ่านกระจก เป็นแววตาที่กวนประสาทจนฉันต้องหยิบมือถือมาเล่นฆ่าเวลาจวบจนฮาร์ดินเลี้ยวรถเข้ามาในคอนโด
“ต้องให้ผมอุ้มคุณหนูไปส่งมั้ยครับ?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทพอสมควร
ฉันเงยหน้าจากมือถือแล้วจ้องบอดี้การ์ดที่ถือดีด้วยแววตาไม่พอใจ
“ไอ้บอดี้การ์ดหน้าโง่”
ด่าเสร็จก็เก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วส่าวเท้าขึ้นลิฟต์เพื่อมุ่งตรงขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันที
ห้องฉันอยู่ชั้น 4 เลขห้อง 413 แต่เวรกรรมมีจริงเชื่อเถอะ!
ประตูลิฟต์กำลังจะปิดแต่มือหนาของใครบางคนกั้นเอาไว้ก่อน
“รอด้วยสิครับ”
เป็นฮาร์ดินที่อยู่คอนโดเดียวกันกับฉันเช่นกัน
ฮาร์ดินไม่ใช่คนฐานะธรรมดาแต่กลับอยากเป็นบอดี้การ์ดทั้งที่นิสัยไม่มีทางผ่าน!
แต่เวรกรรมคือฮาร์ดินอยู่ห้อง 414 ซึ่งมันตรงกันข้ามกับห้องฉัน
ฮาร์ดินกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาในลิฟต์ที่มีแค่เขากับฉัน
ฉันขยับให้ตัวเองชิดริมมากที่สุด ไม่สบตา ไม่มอง ทำเหมือนบอดี้การ์ดเลว ๆ คนนี้ไร้ตัวตน
“เมื่อกี้คุณด่าผม?”
เสียงเท้าเดินเข้ามาใกล้ ฉันกำกระโปรงตัวเองเอาไว้แน่น ริมฝีปากเชิดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่มองเขาไปอย่างท้าทาย
“ฉันมีสิทธิ์ตำหนิบอดี้การ์ดของคู่หมั้นตัวเอง”
ฮาร์ดินยืนห่างกับฉันประมาณสองก้าว
พูดจบฉันก็ดึงมือตัวเองมากอดอกเอาไว้แน่น
“งั้นเหรอครับ? “
เสียงฮาร์ดินถูกกลืนไปพอ ๆ กับเสียงลิฟต์เปิด ฉันรีบส่าวเท้าเดินออกจากลิฟต์ไปอย่างรวดเร็วโดยมีฮาร์ดินเดิมตามหลังด้วยการก้าวเดินปกติแต่กลับตามฉันทันเพราะเขาขายาว
ปึ่ก!
“อ๊ะ..”
ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจที่จู่ ๆ ฝ่ามือหนาของฮาร์ดินก็ดันประตูที่ฉันกำลังเปิดออกให้ปิดลงไปอีกครั้งหนึ่ง
“นี่!”
ฉันพยายามระงับอารมณ์แต่ก็เผลอส่งเสียงขึ้นมาเมื่อถูกฮาร์ดินหาเรื่องไม่เลิก
“คุณด่าผม”
ฮาร์ดินกระซิบคำพูดเดิมที่ฉันเมิน ฉันขูดเล็บลงไปกับบานประตูที่อยู่ตรงหน้าโดยมีฮาร์ดินยืนซ้อนหลัง เขาขยับริมฝีปากชิดใบหูแล้วกระซิบจนไอความร้อนเป่ารดจนฉันขนลุกชัน
“ปล่อย..”
“ไม่”
ฮาร์ดินกุมมือฉัน เขาเปิดประตูห้องฉันแล้วดันฉันเข้าไปโดยมีเขาเดินตามมาติด ๆ
“อย่าเข้ามานะ”
คำสั่งของฉันไม่มีค่าพอให้เขาฟังเพราะเจ้านายเขาให้ท้ายและให้อิสระฮาร์ดินในการดูแลฉันฮาร์ดินเลยกลายเป็นบอดี้การ์ดที่มีอำนาจเหนือฉันไปโดยปริยาย
“ผมไม่มีความจำเป็นอะไรต้องฟังคุณ”
ฮาร์ดินกดฉันแนบบานประตูห้องแล้วเขาก็ค้ำแขนทั้งสองข้างเพื่อกักขังกัน
เขาโน้มใบหน้าลงมาระดับเดียวกัน ใบหน้านั้นเลิกคิ้วแล้วกระตุกยิ้มด้วยรอยยิ้มกวนประสาท
“ฉันจะฟ้องพี่คริสให้ไล่นายออก”
“คุณคิดว่าคุณคริสจะฟังใครครับ”
ฉันกัดปากล่างเพื่อระงับอารมณ์ สองมือที่เป็นอิสระขยุ้มเล็บลงไปกับหน้าอกแกร่งที่อยู่ตรงหน้ากัน
“คุณขยุ้มหน้าอกผมอยู่ ถ้างั้นผมก็คงขยุ้มหน้าอกคุณได้ ถูกต้องมั้ยครับ?”
ฉันรีบชักมือตัวเองกลับทันที
“นายมันโรคจิต ไอ้โรคจิต”
ฮาร์ดินบิดยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ เขาขยับนิ้วโป้งขึ้นมาคลึงริมฝีปากฉันเบา ๆ
“คุณด่าผมอีกแล้วนะครับคุณหนูเมเบล”
ใบหน้าหล่อเลวนั้นขยับเข้ามาใกล้ทั้งที่นิ้วโป้งยังลูบไล้ริมฝีปากฉันอยู่
“ฮาร์ดิน ออกไป”
ฉันดันปลายคางคนตรงหน้าเพื่อให้ริมฝีปากเขาขยับออกไป
Rrtt
ในระหว่างที่เรามองตากันอยู่เสียงมือถือฮาร์ดินก็ดังขึ้น
ฉันผลักเขาออกแล้วเดินมานั่งบนโซฟารับแขกแต่ไอ้บ้านั้นเดินตามเข้ามานั่งข้าง ๆ ฉัน เขายังไม่รับสายแต่กลับอุ้มฉันขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง
“นี่! ฮาร์ดินปล่อย”
ฉันดิ้นแต่ฮาร์ดินกลับรวบเอวฉันเอาไว้แล้วกัดใบหูฉันเบา ๆ เมื่อฉันเริ่มพยศหนักขึ้น
“ครับคุณคริส”
เขากดรับสายปลายสายแล้วเปิดสปีกเกอร์โฟนก่อนจะวางไว้บนโต๊ะหน้าเราสองคน
“ (ฮาร์ดิน วันนี้นายไปรับเมเบลมาวันเกิดฉันด้วยนะแม่บ่นฉิบหายให้พามาให้ได้ โคตรรำคาญ บอกว่ารักไม่ชอบบังคับให้หมั้นบ้าบออะไรไม่รู้) ”
ปลายสายบ่นอย่างไม่พอใจ คู่หมั้นเขาที่ฟังอยู่อย่างฉันร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“ได้ครับคุณคริส”
“ (อื้ม รับมาแล้วนายก็ดูแลแล้วกันฉันไม่ว่างดูแล ไม่อยากดูแลด้วย นายจัดการทุกอย่างได้เลย แค่นี้แหละ) ”
เสียงกดวางสายดังขึ้น ฉันเหมือนคนที่ถูกไม้หน้าสามอัดใส่กลางหน้า มันชา และค่อย ๆ ไต่ระดับเป็นความเจ็บปวด
เสียงหัวเราะดังชิดริมหู ฮาร์ดินกอดฉันแน่นขึ้นแล้วเขาก็กระซิบถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“คุณคงได้ยินด้วยหูของคุณเองแล้วนะครับ คุณหนู”
การเน้นย้ำจากฮาร์ดินยิ่งทำให้ฉันโกรธ
ฉันจิกเล็บลงไปบนท่อนแขนที่รวบเอวฉันเอาไว้อยู่ จิกเล็บแล้วจิกมันขึ้นซ้ำ ๆ เพื่อระบายความโกรธที่อยู่ในใจ
“คุณทำร้ายร่างกายผมอีกแล้ว”
“นายสะใจมากใช่มั้ยที่เห็นฉันถูกทิ้งขว้าง”
ฉันพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองน้ำตาไหล
“ใช่ครับ คุณดูน่าสมเพชดีเวลาถูกทิ้ง”
น่าสมเพชงั้นเหรอ
หงุดหงิดชะมัด
ฉันกัดปากจนแสบร้อนแล้วเลือกที่จะยกมือฮาร์ดินขึ้นมาแล้วกัดเพื่อระบายความโกรธของตัวเอง
“เอาสิครับ คุณทำได้ผมก็ทำได้เหมือนกัน”
“ฉันเกลียดนาย”
เสียงพูดฉันแผ่วเบาแต่คนใกล้แน่นอนว่าต้องได้ยิน พูดจบฉันก็หันหน้าไปฝั่งเขี้ยวลงไปยังกึ่งกลางหน้าอกฮาร์ดินที่กระดุมเสื้อปลดอยู่สองเม็ด
กัดลงไปจนจมเคี้ยวแต่เขากลับไปร้องสักนิด
“คุณเคยโดนเอาคืนมั้ยครับ”
“อ๊ะ.. นี่..”
ฮาร์ดินดันฉันลงไปโซฟาขนาดใหญ่ที่สามารถนอนได้ทั้งตัว
เขากดฉันจมโซฟาแล้วขึ้นมาคร่อมฉันอยู่ข้างบน
ฉันดิ้น แต่พอดิ้นมือก็ถูกเขารวบขึ้นเหนือหัวด้วยมือเขาเพียงข้างเดียว
“ผมชอบเอาคืนด้วยสิ”
แววตาฮาร์ดินเจ้าเล่ห์ เขาขยับใบหน้าลงมาแล้วบิดยิ้มร้ายก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาฉันออกไปสองเม็ดเหมือนที่เขาใส่อยู่
“ฮาร์ดดิน ปล่อย”
ฉันเริ่มหวาดหวั่น แววตาแสดงออกถึงอาการสั่นไหวที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่
“ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อผมเอาคืนคุณเรียบร้อยแล้ว”
สายตาฮาร์ดินแน่วแน่ เขาขยับใบหน้าลงมาถึงกลางหน้าอกฉันแล้วค่อย ๆ ฝั่งเขี้ยวตัวเองลงไปบนหน้าอกฉันเหมือนที่ฉันเคยทำกับเขา
“จะ เจ็บ..”
ฉันน้ำตาเล็บเพราะความเจ็บทำให้ร่างกายเกร็งไปทุกสัดส่วน
ฮาร์ดฝั่งลงไป เขาเน้นซี่ฟันจนจมเขี้ยวแล้วผละออกก่อนจะขยับไปทำเหมือนเดิมในบริเวณใกล้เคียงกัน
“จะ เจ็บ อึก..”
ฉันกำมือที่ถูกรวบขึ้นบนเข้าหากัน ขอบตาร้อนผ่าวเพราะหยดน้ำตาไหลรินจากความปวดร้าวที่ได้รับ
“คุณบอกว่าคุณเจ็บ แล้วตอนที่คุณทำคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าผมก็เจ็บ?”
ฮาร์ดินจ้องหน้ากันด้วยสายตาที่จริงจัง
ฉันหันหน้าหนีเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการจ้องมองแต่กลับถูกฮาร์ดันจับหันกลับมาสบตาเขา
แววตาฮาร์ดินดุดันมากขึ้นเมื่อถูกขัดใจ
“ผมถามทำไมคุณถึงตอบผมไม่ได้”
“......”
“หรือเพราะความจริงแล้วคุณก็เลวร้ายไม่ต่างจากคู่หมั้นตัวเองที่ยอมทนเพียงเพราะต้องการหมั้นเพื่อพยุงธุรกิจของครอบครัวตัวเอง”
แววตาฉันสั่นสะท้าน ฉันจ้องลึกลงไปนัยน์ตาคู่ดุคู่นั้นแล้วยกหัวขึ้นไปกัดซอกคอเขาหนัก ๆ หนึ่งครั้งแล้วทิ้งตัวลงเหมือนเดิม
“เป็นหมาหรือไงถึงชอบกัด”
‘การกัด’ เป็นการระบายอารมณ์ของฉันตั้งแต่เด็ก เมื่อไหร่ที่รู้สึกอยากระเบิดอารมณ์ฉันจะกัดตัวเองเพื่อระงับเอาไว้
ส่วนตอนนี้ฉันเลือกที่จะกัดฮาร์ดินเพื่อระงับความโกรธที่มีต่อเขา
“เดี๋ยวผมจะลองเป็นหมาเหมือนคุณบ้าง”
“อึ่ก..”
ฉันสะดุ้งจนตัวเกร็ง
ฮาร์ดินกัดซอกคอฉันเหมือนที่ฉันทำ เขาไล่กัดไปทั่วซอกคอก่อนจะขบเม้มตรงรอยกัดนั้นจนฉันแสบไปทั่วต้นคอ
“ฮาร์ดิน ปล่อย “
พอฉันดิ้นฮาร์ดินก็กดตัวเองลงมาจนฉันดิ้นไม่ได้ พอฉันหันหน้าหนีก็เหมือนเป็นการยินยอมให้เขาซุกไซร้ซอกคอฉันได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
“อะ อื้อ..”
จากแค่ซุกไซร้ตรงซอกคอฮาร์ดินเริ่มขยับขึ้นไปขบกัดใบหูฉันจนใบหน้าฉันร้อนผ่าว
“ฮาร์ดิน พอได้แล้ว..”
ฮาร์ดินเปลี่ยนจากกุมมือฉันไว้เหนือหัวเปลี่ยนเป็นสอดนิ้วทั้งสิบของเราให้ประสานเข้าหากันแล้วเขาก็กดมือฉันลงข้างลำตัว
ฮาร์ดินผละใบหน้าออกมามองหน้ากัน แววตาเขาร้อนระอุกว่าทุกครั้ง
“ยะ ยอมแพ้แล้ว”
ฉันยอมยกธงขาวเพราะฮาร์ดินโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อฉันยอมริมฝีปากร้ายนั้นก็เหยียดยิ้มอย่างพอใจ
คนเลว..
“รีบแต่งตัวนะครับ ถึงเวลาผมจะมารับ”
ฮาร์ดินลุกขึ้นยืน เขาต้องมองฉันที่ค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นมานั่งแล้วรีบจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง
“อื้ม..”
ฉันตอบเพียงเท่านั้นก็ก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสบตาผู้ชายที่เคยอยู่เหนือร่างตัวเองมาก่อน
เสียงประตูถูกปิดลงเป็นสัญญาณบอกว่าฮาร์ดินไปแล้ว เมื่อตอนนั้นฉันโล่งอกจนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“คนนิสัยไม่ดี”
Talk
อันนี้แค่น้ำจิ้มของความฮอต บอกเลยคู่นี้ขั้นสุด
เลือดไหลหมดตัว
ครบ 10 เม้นมาอัปน้า