ตอนที่5:เอ็นดูหรืออยากให้ดูเอ็น

3087 Words
ตอนที่ 5 ภายหลังสามสาวมาขอร่ำลาแยกย้ายกลับบ้านของใครของมัน เจ้าส้มป่อยผู้เคราะห์ร้ายโดนผู้เป็นพ่อไล่ตามจับกลับมารับโทษทัณฑ์ เสียงร่ำไห้กระซิกร้องครวญยามชายหนุ่มง้างไม้หวายฟาดลงบนแก้มก้นนุ่มเด้งของส้มป่อยเต็มแรงราวกับต้องการสั่งสอน ส้มป่อยยืนกอดอกถูกร่ายคาถามัดตรึงไม่ให้ขยับหนีบทลงโทษ หยาดน้ำตาสีใสไหลรินอาบพวงแก้มป่องทั้งสองข้าง ส่งเสียงสะอึกสะเอื้อนกระท่อนกระแท่น ไม้หวายอาบอาคมหวดลงครั้งแล้วครั้งเล่า เพี้ยะ! “มึงจะหลาบจำมั้ยไอ้ส้มป่อย” ชายหนุ่มเอ่ยถาม กระนั้นยังคงง้างข้อแขนฟาดแก้มก้นของเด็กชายคนตรงหน้า “ฮึก…ก็พี่สาวคนสวยอยากเห็นนี่จ๊ะ ฮึก..ฮืออ” ส้มป่อยสะอึกสะอื้นปาดคราบน้ำตาแล้วขี้มูกลวก ๆ “นังบุหงาไม่ปริปากแม้แต่น้อยมีแต่เอ็งนั่นแหละที่ทึกทักเอาเองจนมาถลกผ้าขาวม้าข้าต่อหน้านังบุหงา ขายขี้หน้าข้านักไอส้มป่อย! มึงไม่เห็นหัวกูคนเป็นพ่อที่รับมึงมาดูแลแล้วใช่มั้ย…” ผู้ใดเล่าจะล่วงรู้ว่าองค์ไอยศูรย์พญามัจจุราชจะโดนปรามาสอย่างเจ็บแสบ ไส้เทียนงั้นหรือ… เพี้ยะ! เพี้ยะ! “ฮะ…ฮึก พ่อจ๋าฉันเจ็บแล้วจ๊ะ ก็ฉันเห็นพี่คนสวยลอบมองนี่จ๊ะฉันก็เลยถลกให้ดูเต็มสองตาจะได้ไม่ต้องลอบมองให้เสียเวลา” ส้มป่อยเอ่ยบอกเสียงสะอื้นจนตัวโยน “นังบุหงาน่ะรึลอบมองข้า” ไอยศูรย์ชะงักค้างข้อมือกลางอากาศ “ส้มป่อยไม่ได้โกหกพ่อนะจ๊ะ” ส้มป่อยเหลียวหลังมองผู้เป็นพ่อ ใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตาทำชายหนุ่มอดที่จะสงสารมันไม่ได้ แต่หากไม่ลงโทษมันเกิดวันหน้ามันทำซ้ำสองต่อหน้าธารกำนัล เขาคงได้อับอายกว่านี้หลายเท่า “แต่เอ็งก็ไม่ควรทำเช่นนี้ไอ้ส้มป่อย” น้ำเสียงของคนร่างสูงอ่อนลง “ฉันจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้วจ๊ะพ่อ” ผีเด็กคุกเข่าย่อยกมือไหว้เขาท่าทางน่าสงสาร “เออ กูให้ไอมิ่งซื้อแห้วเชื่อมกับน้ำแดงมาแล้วจุดธูปเรียกพวกเอ็งแล้วไปกินกันไป” “ส้มป่อยรักพ่อจ๋าที่สุดเลยจ๊ะ” เด็กน้อยร่างเล็กโผกอดชายหนุ่มอย่างออดอ้อนดั่งที่เคยทำเป็นประจำ มือสากดันศรีษระกลมออกห่างก่อนจะเขกหนึ่งที โป้ก! “โอ๊ย...พ่อเขกหนูทำไมเนี่ย” “ไม่ต้องมาทำเป็นรักกูไปกินแห้วเชื่อมของเอ็งไป๊” “จ้าา” ทางด้านบุหงาเองก็ไม่พ้นหวายจากน้ำมือตาบัว หลังสารภาพว่าเมื่อคืนไปค้างอ้างแรมบ้านพ่อครูมา หวายเล่มใหญ่ก็ประเคนกระทบผิวเนื้อเสียหลายที ทำเอาหญิงสาวต้องนอนคว่ำอยู่บนแคร่ โดยมีตาบัวคอยประคบสมุนไพรให้อีกที “ข้าสอนเอ็งก็ไม่รู้จักจำนังบุหงา เป็นผู้หญิงยิงเรือไปนอนค้างบ้านผู้ชาย ชาวบ้านเค้าจะนินทาไปสามบ้านแปดบ้าน!” ตาบัวเอ่ยพลางกดลูกประคบสมุนไพรแก้ฟกช้ำลงบนแผ่นหลังเนียนของบุหงา “ฉันไม่ได้นอนคนเดียวเสียหน่อยพ่อ อีหอมกับอีแหวนก็นอน ไยพ่อตีฉันคนเดียวล่ะ” “นังหอมกับนังแหวนไม่ใช่ลูกข้านี่หว่า เอ็งก็ทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกสาวตาบัวเจ้าของบึงบัวที่ใหญ่ที่สุดในระแวกนี้หน่อยสิวะ ถึงข้าไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์แต่ข้าก็ไม่ได้ยากไร้จนต้องขายลูกสาวกิน” “แต่ฉันก็รักนวลสงวนตัวไม่เคยไปให้ท่าใครนะจ๊ะพ่อ” บุหงาเสียงอ่อน หลับตาปี๋ด้วยความเจ็บแสบ ไม้หวายของพ่อยังเจ็บแสบสะท้านทรวงเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยน “ข้ารู้” ตาบัวถอนหายใจอ่อน บุหงาไม่เคยประพฤติตนเสื่อมเสียให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้า ข้อนี้เขารู้เต็มอก แต่บางอย่างมันก็ไม่ควรเช่นการไปค้างอ้างแรมบ้านผู้ชาย “อีบุหงา! อีบุหงา!” เสียงร้องตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล บุหงาเหลียวมองเห็นนังหอมเพื่อนสาวที่ใจเป็นชายวิ่งถลกกางเกงมาทางเธอหน้าตั้ง คงมีเรื่องร้อนใจจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่จึงรีบมาบอกข่าว แม้จะเสี่ยงโดนตาบัวพร่ำบ่นก็ตาม “อะไรของเอ็งนังหอม อย่ามาชวนนังบุหงาไปทำอะไรไม่ดีกันอีก!” ตาบัวรีบทักท้วง ทว่าหญิงสาวรุ่นลูกรีบส่ายหน้าพัลวัน คิดไว้ไม่มีผิดตาบัวจะต้องรีบออกหน้าบ่น “ไม่ใช่จ๊ะไม่ใช่ ก็ตอนนี้พ่อแม่นังแหวนพานังแหวนไปเรียกร้องกับพ่อครู ให้จัดงานตบแต่งให้เรียบร้อย หลังชาวบ้านลือกันหนาหูว่ามันไปค้างบ้านพ่อครูสองต่อสอง” หอมรีบบอกตาบัวหลังได้ยินข่าวคราว “มันจะสองต่อสองได้ยังไงวะ พวกเอ็งสองคนก็อยู่ด้วยไม่ใช่รึ ไม่อย่างนั้นพ่อครูไม่ต้องตบแต่งกับพวกเอ็งด้วยหรอกรึ!” ตาบัวฉงน “บรึ้ย! ฉันไม่เอาด้วยหรอกจ๊ะ ฉันยังอยากได้เมียอยู่” หอมรีบปัดป้อง ดีที่พ่อแม่ของเธอรับรู้ว่าเธอเป็นชายในกายหญิงจึงไม่ได้เฆี่ยนตีเหมือนที่บุหงาและแหวนโดน จะมีก็แต่โดนดุด่าว่าไม่เหมาะไม่ควรก็เท่านั้นตามฉบับคนหัวโบราณ หอมมองรอยไม้หวายบนแผ่นหลังเนียนของเพื่อนก่อนจะลอบกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจ “พ่อพูดอะไรอย่างนั้นจะให้พวกฉันใช้ผัวคนเดียวกันรึ?” บุหงาเอ่ยถามน้ำเสียงขุ่น พวกเธอทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทกันก็จริงแต่ก็คงไม่บ้าพอที่จะใช้ผัวร่วมกันหรอกหนา “ข้าพูดตามเนื้อเรื่องโว๊ย ดูก็รู้พ่อแม่นังแหวนคงอยากจับลูกสาวใส่ตระกร้าล้างน้ำ ชื่อเสียงนังแหวนดังกระฉ่อนเรื่องอย่างว่าแค่ไหนพวกเอ็งก็รู้” ตาบัวเอ่ยแม้เขาจะไม่เคยห้ามให้ลูกสาวเลิกคบนังแหวน ทว่าก็มีตักเตือนเป็นประจำเรื่องพฤติกรรมให้วางตัวให้ดี “ไปดูกันมั้ยจ๊ะพ่อ” บุหงายันกายลุกขึ้นก่อนจะรีบคว้านหาผ้าคลุมไหล่บดบังรอยแผลจากการถูกตาบัวเฆี่ยน “เออไปข้าก็อยากไปดูเหมือนกัน” เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวานดังลั่นบริเวณด้านล่าง เสียงดังจนพ่อครูเพลิงต้องเดินออกมาบริเวณชานบ้านเพื่อดูเหตุการณ์ หลังก่อนหน้านี้ไอมิ่งเดินออกมาก่อนแล้ว “มีอะไรไอมิ่งทำไมชาวบ้านมามุงดูอะไรกัน” “จะอะไรเสียอีกล่ะจ๊ะ ก็พ่อแม่นังแหวนมาเรียกร้องค่าเสียหายที่ทำลูกสาวเขาเสื่อมเสีย แต่อย่างนังแหวนนี่นะจะเสียหาย ใคร ๆ เขาก็รู้ว่านังแหวนมันง่ายจะตายไปผู้ชายเกือบทั้งหมู่บ้านก็ได้มันกันทั้งนั้น จะจับลูกสาวใส่พานยกให้พ่อครูเสียมากกว่า” ไอมิ่งกระซิบกระซิบเสียงแผ่วเบาอย่างรู้ทัน “ใครกันนังแหวน...” พ่อครูเพลิงขมวดคิ้วแน่น “ก็เพื่อนนังบุหงาไงจ๊ะพ่อครู” “......” เขาไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่ากวาดสายตามองชาวบ้านที่จ้องมองมาทางเขาราวกับนักโทษ ก่อนจะสะดุดตามองหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี บุหงา สวมผ้าคลุมศรีษระปกปิดใบหน้ากระนั้นเขาก็คงยังจำดวงตาคู่สวยราวกับดอกบัวตูมคู่นั้นได้ “นั่นพ่อครูออกมาแล้ว” เสียงของชาวบ้านดังเซ็นแซ่ “พ่อครูช่วยรับผิดชอบนังแหวนมันด้วยเถิดจ๊ะ ข้าสุดแสนจะอับอายที่มันมานอนค้างอ้างแรมที่บ้านพ่อครูเมื่อคืนนี้” นางศรีแม่ของนังแหวนเอ่ยดึงท่อนแขนนังแหวนให้กระเถิบมาทางด้านหน้า “นังแหวนสภาพยังเหลือให้ไปทำพันธุ์อยู่หรอจ๊ะป้าศรี” รุ้งดาวศัตรูคู่อาฆาตของพวกเธอหัวร่อต่อกระซิกกับผองเพื่อน รุ้งดาวในชุดผ้าไหมสั่งตัดทันสมัยสวมเครื่องประดับสร้อยทองแหวนทองที่สิงห์ลูกกำนันเกื้อปรนเปรอมาอวดชาวบ้าน “อีรุ้งดาว!” แหวนถลึงตาใส่รุ้งดาว ทำท่าจะปราดเข้าไปกระชากหนังหัวมันสักทีสองที ยังดีที่ตาไพรผู้เป็นพ่อดึงแขนรั้งไว้ “มึงทำตัวเป็นกุ๊ยพ่อครูคงจะยอมรับมึงหรอกอีแหวน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเตือน “......” แหวนสงบปากสงบคำ แม้ภายในใจจะขุ่นเคืองรุ้งดาวมากเพียงใด ‘มึงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากู อย่ามาทำตัวอยู่สูงกว่ากูนักเลยแหวนทองที่มึงใส่ไยกูจะไม่รู้ที่ไปที่มา’ แหวนนึกแค้นในใจ “ว่าไงละจ๊ะพ่อครู” ป้าศรีเอ่ยถามย้ำ “ข้าจะรับผิดชอบนังแหวนได้อย่างไร ในเมื่อนังแหวนหนีผีมาขอนอนบ้านข้า อีกทั้งไม่ได้นอนกันสองต่อสอง นังบุหงามันก็นอนด้วย นอนกองกันอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ส่วนข้านอนในห้องหากจะให้ข้ารับผิดชอบข้าก็ต้องรับผิดชอบทุกคนงั้นรึ” พ่อครูเพลิงเอ่ยเสียงราบเรียบแฝงความเจ้าเล่ห์ “มีบุหงาด้วยรึ!” เสียงแหบห้าวของไอสิงห์ลูกชายกำนันเกื้อสบถ หญิงที่เขาหมายตาต้องใจไปนอนค้างแรมบ้านพ่อครู พลันนึกเช่นนั้นจึงบังเกิดโทสะ รุ้งดาวเห็นอาการฉุนเฉียวของพี่สิงห์จึงได้แต่กัดฟันกรอด เอากับเธอแล้วยังหึงหวงอีบุหงาอยู่อีก มันน่าเจ็บใจตรงที่ใคร ๆ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวว่า เธอก็เป็นได้แค่ตัวแทนนังบุหงาในตอนที่พี่สิงห์ยังจีบบุหงาไม่ติดก็เท่านั้น หากวันใดนังบุหงามันยินยอมมอบกายและใจให้พี่สิงห์ วันนั้นจะเป็นวันที่เธอโดนเฉดหัว “จริงรึนังแหวนไยมึงบอกกูว่านอนค้างกันสองต่อสอง” ป้าศรีหยิกเรียวแขนของลูกสาวทันควัน “อะ…เป็นอ่อ” แหวนตะกุกตะกักไม่คิดว่าพ่อครูจะไม่ไว้หน้าเธอเช่นนี้ คนปล่อยข่าวลือก็เป็นเธอที่อยากจับพ่อครูหุ่นล่ำทำผัว แต่ไหนได้นอกจากจะไม่ได้ผัวแล้วกลับบ้านคงโดนเฆี่ยนจนหลังลายเป็นแน่ “ไอมิ่งกับนังบุหงาเป็นพยานให้ข้าได้” พ่อครูเพลิงยืนกอดอกท่าทีไม่ยี่หระ “จริงจ๊ะ” มิ่งเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น “ว่าไงนังบุหงา” พ่อครูเอ่ยถามมองคนงามที่หลุบสายตาหนี “ข้าตาบัวเป็นพ่อนางบุหงายืนยันได้ ข้าพึ่งจะเฆี่ยนสั่งสอนมันไปหยก ๆ” ตาบัวตอบแทนลูกสาวที่มัวแต่ปิดปากเงียบ เสียงซุบซิบนินทาดังเซ็นเเซ่ไม่หยุดพัก จนบุหงาต้องขอพ่อลากลับบ้านไปก่อน บุหงาเดินปลีกกายออกมารีบร้อนเดินกลับบ้าน ทว่าแรงฉุดกระชากข้อมือทำเธอเซถลากระแทกอกแกร่งของใครบางคน “พี่สิงห์...” “เอ็งไปนอนค้างบ้านพ่อครูจริงรึบุหงา” สิงห์เอ่ยถามเสียงแข็ง มือสากบีบข้อมือเล็กของเธอจนรู้สึกเจ็บ “พี่จะมาบีบข้อมือฉันทำไม ฉันเจ็บ” บุหงาพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม “แล้วใจพี่ไม่เจ็บรึบุหงา รู้ทั้งรู้ว่าพี่ชอบเอ็งขนาดไหนแต่เอ็งก็เอาแต่หลบหน้าพี่ ขอเพียงเอ็งรับรักพี่อยากได้อะไรพี่จะประเคนให้หมด” สิงห์กระชากร่างเล็กให้แนบชิดอกแกร่งจนกลิ่นหอมกายสาวปะทะจมูกโด่งสัน “พี่อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ ฉันไม่ชอบ” บุหงาเบือนหน้าหนีสองแขนดันกายแกร่งออกห่างอย่างรู้สึกรังเกียจ “แล้วเอ็งชอบไอพ่อครูเล่นคุณไสยอย่างนั้นรึบุหงา!” สิงห์ตวาดใส่หน้าบุหงาเสียงดังลั่นตามอารมณ์โทสะ “คนอย่างข้ามันทำไม” เสียงดุดันน่าเกรงขามเอ่ย มือแกร่งกระชากร่างเล็กพรวดเดียวกลับคืนสู้อ้อมแขน บุหงาผ่อนลมหายใจโล่งอกอย่างน้อยพ่อครูก็ไม่เคยรุ่มร่ามถึงเนื้อถึงตัวกับเธอ จะมีก็เพียงคำพูดคำจาสองแง่สองง่าม “คนอย่างเอ็งมันกระจอกไงไอเพลิง มีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็มาจากงานสกปรกเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์” สิงห์ยกยิ้มเย้ยหยันพ่อครูที่อายุไล่เลี่ยกับเขา เขาดูถูกชายหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงติดตลก “แล้วเอ็งคิดว่าที่บ้านเอ็งร่ำรวยถึงขนาดที่ว่าชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด ไม่ได้มาจากการที่พ่อเอ็งคดโกงกินเงินหลวงรึ...” พ่อครูเอ่ยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าตาทิพย์กลับเห็นสิ่งที่ครอบครัวกำนันเกื้อกระทำมาทั้งหมด สิ่งของนอกกายที่ได้มาจากการคดโกงก็ไม่ได้ดูดีกว่าเจ้าเพลิงที่ตายตกไปแล้วดอกหนา “เอ็งอย่ามาพูดจาพล่อย ๆ ไอเพลิง ถ้ามึงไม่อยากเดือดร้อน” สิงห์ชี้หน้าเพลิงอย่างอาฆาตมาดร้าย กล้าดีอย่างไรมาพูดจาแบบนี้กับพ่อของเขา “ผู้หญิงเค้าไม่รักเอ็งก็อย่ามายุ่งวุ่นวายให้เสียเวลาเลย จริงมั้ยบุหงา” พ่อครูกดจมูกโด่งสันลงบนศรีษระเล็กอย่างต้องการยั่วโมโหชายหนุ่มตรงหน้า “......” บุหงาตัวแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนผ่าวสีแดงราวกับลูกตำลึง “บุหงาเอ็งตาต่ำถึงขั้นคว้าคนแบบไอเพลิงมาทำผัวหรอกรึ อยู่กับข้าสุขสบายมีกินมีใช้ทั้งชาติไม่ชอบ ดันจะไปคว้าเอาพวกหมอผีเล่นคุณไสย ถุ้ย!” สิงห์ถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนจะเดินหนีไปอีกด้านด้วยสีหน้าตึงเครียด เขาไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย สีหน้าเขินอายของบุหงาเด่นหราจนเขาต้องถอยกลับมาตั้งหลัก “พ่อครูปล่อยฉันก่อนเถิดจ๊ะฉันเจ็บ” “เจ็บกระไรของเอ็ง” “เจ็บรอยหวายที่พ่อเฆี่ยนเมื่อเช้าสิจ๊ะถามได้เต็มแผ่นหลังฉันเลยเนี่ย อู้ยย!” บุหงาร้องครวญหลังอดกลั้นเก็บสีหน้าแสดงความเจ็บปวดเมื่อครู่ไม่ไหวอีกแล้ว “หึ...ดีจะได้จำ” “พ่อครูอย่ามาซ้ำเติมฉันหน่อยเลย แล้วเรื่องนังแหวนเป็นไงบ้างล่ะจ๊ะ” “จะกระไรได้ล่ะพ่อแม่มันก็รีบลากลูกสาวกลับบ้านน่ะสิ เพื่อนเอ็งก็เตือนมันหน่อย” “เดี๋ยวฉันจะเตือนมันให้งั้นฉันขอลากลับบ้านก่อนนะจ๊ะพ่อครู” บุหงายกมือไหว้ลาผู้ทรงฤทธิ์อย่างอ่อนหวาน ด้วยความไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสอง มิเช่นนั้นตาบัวคงได้ประเคนหวายหวดใส่หลังให้เธอเป็นหนที่สอง “เดี๋ยวสิช่วงนี้ยังนอนฝันร้ายอยู่ไหม” มือสากรั้งท่อนแขนเรียวของเธออีกครั้ง พยายามหาเรื่องคุยยื้อเวลา “พ่อครูรู้ได้ไงจ๊ะ” หญิงสาวงุนงง เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกเล่าให้ใครฟัง แม้กระทั่งตาบัวพ่อของเธอ เธอมักจะฝันเห็นพิธีรำดาบกลางลานประหารอยู่บ่อยครั้ง “ข้ารู้ก็แล้วกันอีกไม่กี่เดือนก็จะครบยี่สิบเอ็ดแล้วนี่” “จ๊ะ ก็ปกตินะจ๊ะ” “ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ” มือหยาบรั้งท้ายทอยโน้มเข้าหาตัว เป่าลมหายใจอุ่นร้อนรดหน้าผากมน เขาร่ายคาถากันผีให้หญิงสาว ต่อจากนี้ก็จะไม่มีผีห่าตนใดกล่ำกลายเธอได้อีก “พะ พ่อครู” บุหงาดวงใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ จนลมหายใจติดขัด เธอไม่เคยใกล้ชิดแนบสนิทกับชายใดจึงเลิ่กลักทำตัวไม่ถูก “กระไรอยากเห็นไส้เทียนของข้าอีกแล้วรึ ไว้สองต่อสองข้าจะเปิดให้ดูจนหนำใจเชียว...” พ่อครูอมยิ้มเล็กน้อย “พูดจาอะไรไม่อายผีสางเทวดา ฉันลาล่ะจ๊ะพ่อครู” “กระไรของเอ็ง คำก็ลาสองคำก็ลา เหตุใดจึงเกลียดขี้หน้าข้าถึงเพียงนี้” “ไม่ได้เกลียดขี้หน้าพ่อครูเสียหน่อย หากตาบัวรู้เข้าว่ายืนคุยกับผู้ชายสองต่อสอง ฉันคงไม่พ้นหวายอีกรอบเป็นแน่” เธอกล่าวตามความจริง ตาบัวนอกจากจะรักและหวงแหนเธอมาก ยังดุจนเธอรู้สึกเกรง “เดี๋ยวข้าเดินไปส่ง” “ไม่เป็นไรจ๊ะ ส่งฉันแค่นี้ก็พอ” เธอรีบปฏิเสธพัลวัน ก่อนจะยกมือไหว้บอกลาแล้วเดินก้าวเท้าฉับตรงกลับบ้าน “พ่อเป็นสมภารกินไก่วัดหรอจ๊ะ” ส้มป่อยปรากฎกายลอยล่องไปมาอยู่ในอากาศเอ่ยแซวผู้เป็นใหญ่หลังโลกแห่งความตาย นี่คงเป็นครั้งแรกกระมังที่เขาเห็นพ่อเกี้ยวพาราสีหญิงสาวออกนอกหน้า “สมภารกินไก่วัดกระไรของเอ็ง” ไอยศูรย์หรี่สายตามองส้มป่อยด้านหลังยังมีเจ้ารักเจ้ายมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ไม่รู้สิ ก็ข้าสังเกตุเห็นว่าพ่อมองพี่คนสวยตาละห้อยขนาดนั้น มิหนำซ้ำยังยื่นมือช่วยเหลือตั้งหลายครา คนไม่รักไม่ชอบจะทำถึงเพียงนี้หรือจ๊ะ” ส้มป่อยเอ่ยรู้ดี พญามัจจุราชเฒ่าในดินแดนนรกหรือจะยอมยื่นมือช่วยผู้ใดง่าย ๆ หากไม่ถูกตาต้องใจจริง คงไม่ตามขึ้นมาแบบนี้ “สู่รู้เรื่องข้านะไอส้มป่อยเดี๋ยวเถอะ ข้าจะส่งเอ็งไปอยู่เฝ้านรกกับพวกสินธุ” ไอยศูรย์เดินหันหลังกลับบ้านโดยมีเจ้าวิญญาณเด็กสามตนลอยล่องตามหลังมา “ข้าเอ็นดูนางลีลาวดีมันก็เท่านั้นเอง อย่ารู้ดีไปกว่าดี” ชายหนุ่มพยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกติ “เอ็นดูหรือจะให้เค้าดูเอ็นจ๊ะพ่อ” “ข้าเอ็นดูโว๊ย!” ไอยศูรย์ทำสายตาล่อกแล่ก เจ้าส้มป่อยมันก็ช่างถามจี้จุดซะเหลือเกิน รู้มากแบบนี้ไม่พ้นต้องโดนมันแซวไปอีกหลายวัน ไม้หวายลงอาคมมันคงไม่กลัวแล้วกระมัง “แล้วพ่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำไมจ๊ะ ข้าได้ยินนะพ่อจะเอาไส้เทียนลนพี่สาวคนสวย ลนเลยๆ แต่ลูกพ่อข้าจองข้าจะได้มาเกิดมาเป็นลูกพ่อ” ส้มป่อยเอ่ยอย่างมีหวัง สีหน้าดี๊ด๊าสุดๆ “พวกฉันด้วยนะพ่อยม พวกฉันด้วย” รักยมร้องประสานเสียง “หึ...ไอพวกเด็กเวรเดี๋ยวข้าจับส่งไปเกิดในนรกตอนนี้เลยดีไหม!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD