๙
ศิลาหยุดกะทันหัน ทำให้ร่างเล็กๆ เสียงแปร๋นๆ ข้างตัวเขาชนเข้ากับร่างสูงของเขาเต็มแรง เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายก็หมุนตัวกลับมาแล้วคว้าไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนพร้อมกับออกแรงบีบจนหญิงสาวนิ่วหน้า ทว่าอีกฝ่ายไม่นึกเห็นใจสักนิด เพราะเขาต้องการให้หล่อนเจ็บ มากเท่าไรยิ่งดี เพราะต่อไปนี้จะได้จำว่าเขาจะไม่ยอมให้หล่อนชนะได้ไม่ว่าเรื่องนั้น จะเล็กหรือใหญ่ก็ตามที!
“เจ็บเรอะ ดี! เธอเจ็บเท่าไรได้ยิ่งดี ดื้อด้านอย่างเธอต้องเจออย่างฉัน” ชายหนุ่มออกแรงบีบต้นแขนกลมกลึงหนักขึ้น เป็นเหตุให้หญิงสาวเจ็บเสียจนต้องร้องออกมา
“โอ๊ย! เจ็บนะ ปล่อย...”
ดวงตาสีเข้มหลุบลงมองดวงหน้าขาวผ่องที่ซีดเผือดลงแล้วนึกโมโหนัก เขาต้องมาเจอกับแม่ตัวแทนที่แสนจะเปราะบางอะไรขนาดนี้ หนักนิดแรงหน่อยก็ทำท่าจะเป็นลม แต่เมื่อกวาดตามองร่างเล็กแบบบางของอิ่มอรุณ ศิลาก็มีอันต้องถอนหายใจพลางปล่อยมืออกจากต้นแขนเล็กของหญิงสาว ร่างบางถอยหลังหนีทันทีเมื่ออีกฝ่ายยอมปล่อย พลางยกมือขึ้นลูบแขนตนเองด้วยความเจ็บซึ่งมันไม่ได้หมายถึงเพียงแต่กายอย่างเดียวที่เจ็บปวด แต่ยังหมายรวมไปถึงหัวใจของหล่อนด้วย
“คราวหน้าอย่าทำให้ฉันโมโหอีก ไม่งั้นเธอได้เจ็บตัวยิ่งกว่านี้ และฉันรับรองได้เลยว่าไม่มีทางปล่อยเธอเหมือนวันนี้เด็ดขาด ตามฉันมา!” ออกคำสั่งเสียงเข้ม แล้วเดินนำลงไปยังบันได หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความโกรธสุดหัวใจ ดวงตาวาววับแผดแสงร้อนแรงตามหลังคนตัวโต ก่อนจะค่อยๆ เดินตามเขาไปช้าๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เผื่อว่าบางทีอาจมีทางหนีทีไล่ให้หล่อนได้หลบเขาออกไปยามที่อีกฝ่ายเผลอ!
“อย่าคิดหนีให้เสียเวลาเลยอิ่มอรุณ...”
เสียงที่ดังมาจากคนตัวโตทำให้หญิงสาวสะดุ้งและนิ่งขึงไปชั่ววินาที ก่อนหันไปตวัดสายตาเย็นชาใส่เขาอย่างไม่คิดจะสนใจในคำพูดนั่น
“เรื่องของฉัน! และคุณก็ห้ามความคิดของฉันไม่ได้เสียด้วยสิ”
เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าตึง หญิงสาวจึงยิ้มออกมาน้อยๆ ที่มุมปากจิ้มลิ้ม
“อ้อ! และฉันขอแนะนำคุณอย่างหนึ่งนะ ถ้าไม่อยากให้ฉันหนีไปได้ล่ะก็ เฝ้าเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น หากคุณเผลอ ฉันรับรองคุณได้อย่างหนึ่งว่า ฉันหนีแน่! จำไว้”
หญิงสาวเลียนแบบวิธีการคำพูดจากเขาออกมาแป๊ะๆ เผยอเรียวปากแสยะยิ้มใส่หน้าคมที่เข้มขึ้นอีกที ก่อนจะเดินผ่านหน้าของเขาไปยังใต้ถุนบ้านไม้สักอย่างสบายใจขึ้น เมื่อสามารถทำให้อีกฝ่ายโกรธได้บ้าง แล้วไปทิ้งตัวนั่งลงบนแคร่ขนาดพอเหมาะพร้อมกับมองตรงไปยังสายน้ำที่ตัดผ่านหลังบ้านด้วยสายตาพอใจ
ต่างจากคนหน้าเข้มโดยสิ้นเชิง ซึ่งเม้มปากจนเป็นเส้นตรงและมองหญิงสาวอย่างคาดโทษ ก่อนจะเดินไปนั่งเบียดกับหล่อนพร้อมกับตวัดแขนรวบเอวบางเข้ามากอดเสียแน่น ทำให้อิ่มอรุณต้องรีบดันตัวออกห่าง แล้วมองซ้ายมองขวา เพราะเกรงว่าอาจจะมีใครมาเห็น
“นี่คุณ! จะบ้า ปล่อยสิ!” หญิงสาวดันอกหนาออกห่าง หากแต่อ้อมแขนที่โอบรัดร่างร่างของหล่อนเปรียบเสมือนกำแพงเลือดเนื้อที่หนาแน่น ที่จะขยับยังไง เขยื้อนแบบไหนก็ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด
“เรื่องสิ! ก็เธอเพิ่งจะบอกฉันหยกๆ เองไม่ใช่หรือไง ว่าให้เฝ้าเธอไว้ให้ดีๆ ไม่งั้นเธอจะหนีแน่นอน นี่ฉันก็จำอย่างที่เธอพูดมากทั้งหมดเลยนะ เพราะฉะนั้นอย่ามาห้ามฉันซะให้ยาก เพราะฉันไม่อยากเสี่ยงเดี๋ยวเธอหนี!”
ไม่พูดเปล่าแต่คนบ้ายังยักคิ้วหลิ่วตาให้เธอราวกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่า หญิงสาวเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจกระทุ้งศอกลงไปกับท้องแข็งๆ ของอีกฝ่ายทันที
ปึก!!
แรงกระแทกที่แทงตรงเข้าบริเวณชายโครงทำให้คนตัวโตถึงกับสะดุ้ง เจ็บแปลบร้าวไปทั้งแถบใบหน้าคมเข้มขึ้น ก่อนหลุบมองต้นเหตุด้วยสายตาคาดโทษ หากแต่เจ้าหล่อนกลับแสยะยิ้มอย่าสะใจ และแสร้งขอโทษอีกฝ่ายเบาๆ
“โอ๊ะ! ขอโทษ แต่ช่วยไม่ได้นะ คุณทำให้ฉันรำคาญก่อนทำไมล่ะ”
ใบหน้าระรื่นของอิ่มอรุณไม่ได้ทำให้ศิลาพอใจเลยสักนิด เพราะตอนนี้เขากำลังโกรธหล่อน หน๊อย! ยายลูกหมา! กล้ามาก กล้าทำร้ายฉัน ดี เดี๋ยวจะสั่งสอนอีกสักอย่างจะได้จำสักที!
แล้วจู่ๆ ร่างบางในอ้อมแขนของชายหนุ่มก็สะดุ้งเฮือก เมื่อมือหนาล้วงเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวโคร่งจากด้านหลัง แล้วตะขอยกทรงก็ดีดตัวหลุดออกจากกันทันที...
“เอ๊! อย่านะ”
“ฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเธอสักที เรื่องอะไรต้องหย่าให้ยุ่งยากด้วยล่ะ”
ใบหน้าคมคายที่ระบายยิ้มน้อยๆ ทำให้อิ่มอรุณถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ มือเล็กตวัดไปด้านหลังแล้วคว้าหมับเข้าที่แขนแข็งๆ ของชายหนุ่มทันควัน ก่อนจะหยิกเล็บลงไปบนผิวเนื้อของชายหนุ่มเต็มแรง อีกฝ่ายสะดุ้งเหมือนกันและกัดฟันแน่น หากแต่เขาไม่คิดจะปล่อยฝ่ามือที่ทาบอยู่กับแผ่นหลังตึงเนียนนี้สักนิด ตรงกันข้ามเขากลับฉวยโอกาสเวลานั้นกดร่างบางลงนอนราบไปกับแคร่ทันที
“โอ๊ย! เจ็บนะ” อิ่มอรุณร้องบอกเมื่อท่อนแขนถูกอีกฝ่ายหักพับไว้ด้านหลัง แล้วตัวเขาก็นอนทาบทับหล่อนลงมาอย่างถนัดถนี่ ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มด้วยความพอใจ เมื่ออีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“สมน้ำหน้า เธออยากทำฉันเจ็บก่อนทำไมล่ะ แต่เอาเถอะ ฉันจะถือเสียว่าถูกมดกัดก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ฉันขอสั่งสอนมดตัวนิดเดียวแต่ไม่รู้จักหลาบจักจำสักทีก่อนก็แล้วกันนะ”
อิ่มอรุณเบิกตากว้างก่อนหลับตาปี๋ คิดว่าคงจะต้องเจ็บตัวอีกแน่นอน หากแต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่หล่อนคิด เมื่อหน้าผากมนถูกริมฝีปากนุ่มแนบลงมาอย่างแผ่วเบาคล้ายผีเสื้อโบกโบย...
ก่อนจะไถลไล่ลงสู่สันจมูกโด่งเล็ก นวลแก้มเปล่งปลั่ง ลงมายังริมฝีปากเต็มอิ่ม อิ่มอรุณเกร็งตัวอยู่นาน นานจนแทบลืมหายใจ แต่ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากจุมพิตแผ่วเบาที่เคล้าคลึงเรียวปากนุ่มเย็นชืดของหล่อน จนค่อยๆ อุ่นขึ้น อุ่นขึ้น จนร้อนผ่าวเมื่อริมฝีปากคู่สวยถูกแยกด้วยปลายลิ้นพลิ้วไหว ท่อนแขนที่ถูกกดทับไว้ด้านหลังถูกปลดปล่อยนานแล้ว ทว่าเจ้าของกลับไม่รู้ตัวสักนิด มิหนำซ้ำท่อนแขนเล็กๆ อีกข้างหนึ่งยังเลื่อยขึ้นแตะแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มด้วยอาการคล้ายคนต้องมนตร์...
แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น กลับมีบางสิ่งบางอย่างทำให้ทั้งคู่ต้องสะดุ้ง เมื่อยินเสียงตกอกตกใจจากหญิงชายคู่หนึ่ง
“ว้ายเจ้าแม่คุณพ่อตาเถรตก!! กลางวันแสกๆ เลยแกเอ๊ย!” นางมาร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก มือข้างหนึ่งที่ว่างยกขึ้นทาบอก ด้วยเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นอะไรตำตาเช่นนี้ ส่วนนายเฒ่าที่ตามมาติดๆ ก็มีอันต้องชะงักไปตามๆ กัน หากแต่ร่างสูงที่ลุกขึ้นนั่งไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้านไม้แต่อย่างใด แต่กระนั้นก็ไม่ลืมที่จะดึงร่างบางของหญิงสาวให้ลุกตามขึ้นมาด้วย
อิ่มอรุณอับอายจนแทบแทรกแผ่นดิน โกรธทั้งเขาและตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความถูกต้องและเหมาะสม หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกหวั่นไหวที่มีต่อเจ้าของแผ่นหลังกว้างซึ่งนั่งบังหล่อนไว้จากสายตาของสองชายหญิงสูงอายุนั่น มือเรียวยกขึ้นกุมหัวใจตนเองความรู้สึกผิดกระจายทั่วร่าง เมื่อคิดถึงสิ่งที่หล่อนยินยอมเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลย หล่อนไม่ควรยอมเขา เพราะมันจะยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกผิดต่อภควัติมากยิ่งขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงเรียบสนิทประกอบกับแววตาดุกระด้างที่มองมายังหญิงวัยกลางคน ซึ่งชะเง้อมองด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็น ทำให้นายเฒ่าสะกิดผู้เป็นภรรยาเบาๆ ฝ่ายนั้นคล้ายจะรู้ตัวจึงหลบตาชายหนุ่ม นายเฒ่าจึงรีบเอ่ยออกมาทันที
“เอ่อ คือ สำรับพร้อมแล้วขอรับ คุณศีลแล้วก็... เอ่อคุณผู้หญิงจะรับเลยหรือเปล่าขอรับ แหะ แหะ นี่ก็สายแล้ว” ผู้สูงวัยเอ่ยเสียงแผ่วเบาอย่างเกรงใจผู้เป็นนาย ที่ถูกพวกตนเข้ามาขัดจังหวะความสำราญโดยบังเอิญ
ใบหน้าคมคายหันกลับไปมองหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนหันกลับมาแล้วตอบรับคนตรงหน้า
“ตั้งตรงนี้เลยก็ได้”
เมื่ออีกฝ่ายอนุญาต นายเฒ่าจึงหันไปพยักหน้าให้คนข้างๆ จัดสำรับกับค้อนที่ตระเตรียมมาทันที นางมาเดินหายไปครู่หนึ่งจึงกลับมาพร้อมกับสำรับกับข้าว และวางลงตรงหน้าหนุ่มสาว นายเฒ่าจึงเอ่ยออกมาเบาอีกครั้ง
“ผมกับนังมาขอตัวก่อนนะขอรับ ถ้าเรียบร้อยแล้วก็เรียกได้เลย ผมจะมาเก็บให้”
เมื่อได้รับอนุญาตจากนายจ้าง คู่สามีภรรยาจึงเดินออกไปทันที เมื่อห่างออกมาได้ไกลพอสมควร นางมาจึงเอ่ยปากออกมาทันทีที่พ้นจากเจ้านายได้
“โอ้ย! อกอีแป้นจะแตก ดูสิ ผู้หญิงก็จริงเล้ย เป็นสาวเป็นนาง กล้าเอาตัวมาให้ผู้ชายเขากอดเขาจูบกลางบ้าน แถมยังเป็นกลางวันแสกๆ อีก นี่ละน้า ฉันโชคดีที่ไม่มีลูกสาว!” คนพูด พูดพลางค้อนปะลำปะเหลือก มองไปยังทิศทางที่เจ้านายและอิ่มอรุณนั่งอยู่ นายเฒ่ามองผู้เป็นภรรยาด้วยสายตาดุๆ พลางปรามออกมาด้วยอาการถนอมเสียง
“อย่าอึงไปเชียวแก! นี่ถ้าถึงหูคุณศีลล่ะยุ่งแน่ แกน่ะห้ามเอาไปพูดที่ตลาดเด็ดขาดนะ ไม่อย่างงั้นล่ะตกงานกันทั้งหมดคราวนี้ แกเองก็จะซวยไปด้วย”
ผู้เป็นภรรยาค้อนสามีควัก ก่อนเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“ฮึ! แล้วแกคิดรึว่าฉันไม่พูด คนอื่นมันจะไม่พูดนะ”
“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากข้ากับแกนังมา!”
สามีขัดคอขึ้นพลางปรามภรรยาด้วยสายตา อีกฝ่ายทำเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ ทำให้นายเฒ่าสั่นหน้าด้วยความระอาใจ เพราะรู้ดีว่าภรรยาของตนนั้นเป็นคนอย่างไร...