อากาศยามเช้าของหน้าหนาวค่อนข้างเย็นจัดสำหรับคนต่างจังหวัด ทว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงกับคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะหนาวได้ไม่กี่วัน ก็กลับมาร้อนได้อีกเช่นเดิม
อิ่มอรุณ สาวร่างเล็กใบหน้ารูปหัวใจปากนิดจมูกหน่อย และเมื่อใดที่หล่อนเผยยิ้มผู้พบเห็นทั่วไปก็แทบละลายไปกับลักยิ้มบุ๋มลึกทั้งสองข้างแก้มใสๆ นั่นเสียทุกคราว เวลานี้หญิงสาวกำลังขะมักเขม้นจัดร้านจนเหงื่อพราว แต่ทว่าบนดวงหน้าหวานๆ กลับแต้มรอยยิ้มอยู่เสมอ ไม่ว่าวานนี้ วันนี้หรือพรุ่งนี้จะเหนื่อยสักแค่ไหน หญิงสาวกลับไม่เคยแย้มเรียวปากออกบ่นเลยสักครั้ง ก็ออกจะประหลาดอยู่สักหน่อยสำหรับคนทั่วไป เพราะหากต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตแล้วล่ะก็ คงจะไม่มีใครที่ยังคงปิดปากเงียบไม่สาธยายออกมาถึงความเหนื่อยล้าแน่นอน
หากแต่ไม่ใช่อิ่มอรุณหรือแม่ขมองอิ่มของภควัติเด็ดขาด
“อิ่ม... พักก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมจัดโต๊ะให้เอง” ภควัติ คู่หมั้นหนุ่มบอกคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หญิงสาวจึงยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขอบคุณ ในเมื่อเขาไม่เคยปล่อยให้หล่อนต้องเหนื่อยเพียงลำพังเลยสักครั้ง ทั้งที่ความเป็นจริงไม่จำเป็นจะต้องทำเลยก็ได้ แต่ภควัติก็สม่ำเสมอมาโดยตลอด นับแต่รู้จักกันจนหล่อนยอมรับหมั้นและเรื่อยมาจนถึงวันนี้
“ขอบคุณค่ะ แต่อิ่มทำได้ นี่ก็สายแล้วภีมไปทำงานเถอะนะ”
อิ่มอรุณมองนาฬิกาแล้วเงยขึ้นสบตาหน้าคนรักที่เปิดยิ้มกว้างทันทีที่หล่อนพูดจบ
“แหม... พอใกล้เปิดร้านเสร็จล่ะไล่เชียวนะ”
ภควัติกระเซ้าคนรักยิ้มๆ จึงได้ถูกหญิงสาวค้อนควักเข้าให้ทีหนึ่ง
“ก็รู้นี่ ว่าถูกหลอกใช้อยู่น่ะ” คนถูกกระเซ้าชักหมั่นไส้ จึงหยอกกลับไปแรงๆ อีกฝ่ายหัวเราะขันพร้อมกับละมือจากการจัดโต๊ะตัวสุดท้ายเสร็จแล้วเดินมาหาหญิงสาวทันที แล้วโอบไหล่เล็กด้วยความรักใคร่ระคนเอ็นดู
“รู้ล่ะว่าเรานะถูกหลอกใช้อยู่ แต่รู้ทั้งรู้ ก็เต็มใจให้หลอกนะ และก็ต้องเป็นคนนี้คนเดียวด้วยที่จะยอมให้หลอก...” พูดเสียงกระซิบและฉวยโอกาสที่หญิงสาวกำลังเมินหน้าหนีก้มลงไปหมายจะจุมพิตแก้มนุ่มนิ่มให้ชื่นใจ ทว่าเสียงกระแอมที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หนุ่มสาวต้องสะดุ้งด้วยคามตกใจปนเก้อเขิน ภควัติผละห่างจากอิ่มอรุณทันที เช่นเดียวกับหญิงสาวที่กลบเกลื่อนความขวยเขินก่อนเปิดยิ้มต้อนรับลูกค้าคนแรก
“สวัสดีค่ะเช้านี้รับอะไรดีคะ...” หากแต่เมื่อเอ่ยออกไปแล้วก็มีอันต้องค่อยๆ ปิดเรียวปากลง เมื่อพบว่าร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลนักจากตรงหน้าคือคนที่หล่อนไม่คิดว่าจะได้เจอที่ร้านเล็กๆ ของหล่อน
ศิลา นักธุรกิจคนดังและอีกฐานะที่หล่อนไม่อยากยอมรับนักนั่นคือ ผู้คนล่าสุดของรินลดาซึ่งพักหลังทำตัวหายเข้ากลีบเมฆ
“สวัสดีครับคุณอิ่ม” ร่างสูงใบหน้าคมคายเอ่ยทักทาย ปรายตามองชายหนุ่มอีกคนที่มองมาตาไม่กะพริบเช่นกัน
“เอ่อ... สวัสดีค่ะคุณศีล ไม่ทราบว่าวันนี้มาถึงนี่มีอะไรให้อิ่มรับใช้หรือเปล่าคะ” ทั้งคำถามและน้ำเสียงที่ใช้กับศิลาไม่ต่างไปจากที่เคยใช้กับลูกค้าคนอื่นๆ เลยสักนิด เพราะแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รินลดาพาตัวไปอยู่ด้วย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกับอีกฝ่ายแต่อย่างใด เพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นที่ได้พบปะพูดคุย ที่สำคัญความรู้สึกลึกๆ มักบอกให้อยู่ห่างคนตรงหน้าให้มากที่สุด หล่อนไม่อาจรู้ได้ว่าทำไมจึงรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็ทำเช่นนี้มาตลอดนับแต่รู้จักเขาเรื่อยมา...
“ก็ ที่นี่ขายขนมหวานแล้วก็เครื่องดื่ม ผมก็มาซื้อขนมหวานกับเครื่องดื่มน่ะสิครับ” พูดพลางกวาดตามองไปรอบร้านและเห็นลูกจ้างอีกสองคนชะโงกหน้าออกมา ก่อนจะหลบวูบเข้าไปภายในด้วยอาการเอียงอาย “หรือว่าตอนนี้คุณอาจยังไม่สะดวก ถ้ายังทำธุระไม่เสร็จ ผมรอข้างนอกก่อนก็ได้นะครับ”
หากหล่อนไม่ได้เป็นเจ้าของร้านแล้วล่ะก็ ศิลาคงได้ถูกหล่อนขว้างค้อนกลับไปเป็นแน่ ก็ทั้งแววตาและการพูดของเขามันหยามกันชัดๆ แต่เอาเถอะ! หล่อนจะถือเสียว่าไม่ได้ยินที่เขาพูดออกมาก็แล้วกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ ร้านเปิดแล้ว ไม่ทราบว่าคุณศีลต้องการอะไรบ้างล่ะคะ จะได้ให้เด็กจัดให้” เอ่ยถาม พลันก็นึกถึงพี่สาวขึ้นมา “พี่ลดาชอบขนมไทยๆ นะคะ ขนมประกริมพี่ลดาเขาก็ชอบ คุณจะรับไปด้วยเลยไหมคะ”
ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเช่นเคยแม้จะขุ่นเคืองเขาอยู่ก็ตามที หากแต่คนฟังกลับไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมาเลยสักนิด เพราะมัวแต่เก็บเกี่ยวรอยยิ้มหวานกับลักยิ้มทิ่มใจจนแทบลืมไปว่าเขามาเพื่ออะไร กระทั่งได้ยินเสียงกระแอมกระไอจากภควัตินั่นเอง ชายหนุ่มจึงลอบถอนลมหายใจแผ่วเบาพร้อมกับเหลือบตามองไปยังคนส่งเสียงปรามออกมาห่างๆ ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งก่อนที่มุมปากได้รูปของผู้มาเยือนจะกระตุกยิ้มราวกับท้าทาย ทำให้อีกฝ่ายหัวใจกระตุกวูบเริ่มระแวงแคลงใจในตัวลูกค้าหนุ่มตรงหน้านี้ทันที และหากเขาจะมีญาณวิเศษ ก็คงจะหยั่งรู้ได้ว่าไม่ผิดไปจากที่คิดนัก!
“ก็ได้ครับ ช่วยจัดให้ทีแล้วกัน ผมจะรอตรงนี้” บอกพลางเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ตัวสูงที่ถูกภควัติจัดอยู่หยกๆ
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” ตอบรับพลางหมุนตัวเข้าไปด้านใน ภควัติเดินตามคนรักเข้าไปติดๆ อารมณ์อ่อนหวานเมื่อครู่จางหายไปจนหมดสิ้น เมื่อได้สบตาเจ้าเล่ห์จากศิลา
“อิ่ม... หมอนั่นเป็นใครน่ะ” ถามทันทีเมื่อเข้ามาหยุดอยู่หลังร้าน หญิงสาวหันกลับมาหลังจากสั่งเด็กเรียบร้อย จึงได้ตอบอีกฝ่าย
“คุณศีลเป็นคนรักของพี่ลดาค่ะ” ตอบพร้อมกับหันไปหยิบถุงตราสัญลักษณ์ของร้าน ซึ่งสกรีนโลโก้ว่า ‘อิ่มอรุณขนมหวาน’ มาเตรียมไว้ หากอีกฝ่ายยังขมวดคิ้วนิ่วหน้าจนหญิงสาวต้องออกปากด้วยความแปลกใจ “เป็นอะไรคะภีม ดูทำหน้าเข้าสิ”
ถามยิ้มๆ แล้วหันไปรับขนมจากลูกมือสาวน้อยอีกรอบ ชายหนุ่มจึงถอนหายใจเฮือกก่อนสั่นหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ผมคงคิดมากไปเอง” หญิงสาวขมวดคิ้ว ดวงตากลมโตจ้องคนรักเขม็ง ภควัติจึงเปลี่ยนท่าทีเพราะไม่อยากให้หญิงสาวไม่สบายใจ “ไม่มีอะไรจริงๆ จ้ะ เอาเป็นว่าคุณศีลอะไรนั่นไปเมื่อไร ผมก็จะไปเหมือนกัน”
หญิงสาวค้อนขวับ รู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังหึง “อยากทานอะไรหรือเปล่าคะวันนี้” ถามอีก เมื่อจัดของให้กับศิลาเรียบร้อย
“ไม่ดีกว่า เอาไว้เย็นผมจะแวะมาช่วยคุณปิดร้านก็แล้วกัน”
ตอบพลางสงสายตาหวานๆ ให้ จนถูกเด็กสาวอีกสองคนที่สนิทกันดีแสร้งกระเซ้า
“อะแฮ้ม! แหมแต๋ว เรารู้แล้วล่ะ ว่าทำไมขนมของพี่อิ่มถึงได้หวาน...ละมุนละไมแบบนี้ ที่แท้ก็มาจากพี่ภีมนี่เอง ที่ขยันส่งสายตาหวานๆ มาให้ ถึงได้ว่า ขนมขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทู๊กวันเลย ฮิ ฮิ...”
สองสาวประสานเสียงหัวเราะคิกคัก ขณะที่เจ้าของร้านสาวได้แต่ถลึงตามองอย่างดุๆ หากแต่สองสาวกลับไม่สลดยังคงหัวเราะร่าอยู่นั่น ไม่ต่างไปจากภควัตินักที่ยืนยักคิ้วให้คนที่หน้าแดงเถือกอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะสะบัดค้อนใส่เขาแล้วก้าวฉับๆ ออกไปด้านนอกพร้อมขนมห่อโตของศิลา ภควัติเลิกคิ้วขึ้นอย่างขบขัน ก่อนกระเซ้าตามหลังไปติดๆ
“อ้าว! เขินซะแล้ว” ชายหนุ่มสั่นหน้าเบาๆ ยิ้มให้สองสาวที่หัวเราะคิกก่อนเดินตามคนรักออกไป...
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ทั้งหมดสองร้อยห้าสิบบาทถ้วนค่ะ แต่วันนี้อิ่มแถมขนมหม้อแกงไปหนึ่งถาด เพิ่งจะทำเป็นครั้งแรก รับประทานแล้วฝากติชมด้วยนะคะ” อิ่มอรุณส่งขนมให้กับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานตามแบบฉบับของหล่อน ซึ่งก็ทำให้คนมองต้องบังคับตัวเองอย่างหนัก ปรามหัวใจว่าอย่าไปหลงใหลกับภาพลวงตา หล่อนคงไม่ต่างไปจากพี่สาวของหล่อนนั่นหรอก ก็คงจะผ่านมาเหมือนๆ กันนั่นแหละ ฮึ ทำหน้าซื่อตาใส แต่หัวใจคิดคดทรยศตลอดเวลา
“ขอบคุณครับ ลดาคงดีใจที่คุณฝากของไปให้” ตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากขึ้น แม้แต่แววตาก็คลายรอยกระด้างลงและจางหายจนเกือบหมด ทำให้อิ่มอรุณรู้สึกดีกับคนตรงหน้ามากกว่าเดิม
“ไม่เป็นไรค่ะ อิ่มคิดถึงพี่ลดาค่ะ เมื่อสองสามวันก่อนพยายามติดต่อ แต่ติดต่อไม่ได้เลย ถ้ายังไงรบกวนคุณศีลบอกเธอให้ด้วยนะคะ ว่าอิ่มคิดถึง ถ้าว่างให้มาหาอิ่มที่ร้านบ้าง”
หญิงสาวฝากผ่านศิลา อีกฝ่ายเพียงยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ก่อนจะพยักหน้าให้แล้วหันไปลาหนุ่มหน้าตาดีร่างสูงที่ยืนคอยสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังอิ่มอรุณ
“ได้ครับไม่มีปัญหา ผมไปก่อนนะครับ”
เมื่ออีกฝ่ายค้อมศีรษะให้นิดหนึ่ง ศิลาจึงยิ้มตอบ หากแต่รอยยิ้มนั่นไม่บ่งบอกเลยว่าอยากเป็นมิตร ภควัติมองตามร่างสูงยั่วโมโหของอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ แล้วตรงไปหยุดยืนชิดกระจกร้าน มองผ่านความใสจนเมอร์เซเดส-เบนซ์คันหรูเคลื่อนตัวห่างออกไป