“เธอจะโกรธฉันเหรอถ้าฉันอยู่ต่อ?”
“ใช่ ฉันโกรธ!”
เขาเอื้อมมือไปหยิบจานลงมาวางบนโต๊ะ ตาคมช้อนมองมาที่ฉันนิ่ง ก่อนที่เรียวปากจะขยับตอบโต้
“เธอโกรธก็ไม่เป็นไร ฉันง้อเก่งนะ”
“...”
มีแฟนแล้วมาทำแบบนี้ทำไม ฉันไม่ชอบให้ใครมารุก ถ้าฉันอยากได้ฉันรุกเอง แฟนเขาจะเสียใจแค่ไหนถ้ารู้ว่าเขาขึ้นห้องผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ ยิ่งเห็นเขาทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรฉันรู้สึกเกลียดชะมัด เอาเป็นว่าผู้ชายคนนี้ฉันไม่อยากได้ก็แล้วกัน แรงจูงใจเพียงอย่างเดียวคืออยากให้อันนาหลุดพ้นจากผู้ชายชั่วคนนี้ แต่เขารู้มากเกินไป ฉันไม่ชอบให้ใครฉลาดกว่าฉัน
“ตามใจก็แล้วกัน”
ถ้าฉันไม่สนใจเขาอย่างที่เขาต้องการจะให้เป็น เขาคงรามือไปเองเพราะคนที่เห็นแก่ได้มักจะไร้ความอดทน
“มากินข้าวก่อนมา จะงอนค่อยงอนนะคะคนดี”
“กับแฟนทำแบบนี้ให้รึเปล่า?”
“ทำให้มากกว่านี้อีก เธอไม่ใช่แฟนฉันยังทำเลย”
“แล้วทำทำไม? มาเอาใจฉันทำไมถามจริง คิดจะกินฉันไม่ใช่ง่ายๆนะยะขอบอกไว้ก่อน”
เขาไหวไหล่เล็กน้อยมาให้ ฉันเองก็เหนื่อยที่จะเถียง นี่คงจะแก้แค้นเรื่องสวนสนุกแน่ๆ เพราะฉันทำให้เขาไปที่นั่นเก้อ วันนี้เขาเลยบุกมาถึงที่นี่โดยไม่ให้ฉันตั้งตัว เขาดูไม่น่าจะเป็นคนฉลาดแต่ทำไมรู้เรื่องของฉันเยอะจัง รอยยิ้มซื่อๆ หน้าตาซื่อๆขององศาเป็นการล่อลวงให้คนอื่นคิดว่าเขาโง่หรือไงนะ
“ทำไมเธอมองฉันแบบนั้น? ไม่ไว้ใจฉันหรือไง?”
“ใช่ นายรุกหนักเกินไปรู้ตัวรึเปล่า?”
“ไม่นะ นี่เบาๆ ปกติอยากได้ใครก็จับกดเลย แต่กับเธอ...ยังไม่ถึงเวลามั้ง เอาน่ะ คิดว่าฉันเป็นเพื่อนคนหนึ่งไม่ได้เหรอ เจอกันครั้งเดียวก็เป็นเพื่อนกันได้นะ มากินข้าวมา เดี๋ยวจะเย็นหมด”
ตามน้ำไปก่อนแล้วกัน ยังไงเขาก็ทนอยู่กับฉันได้ไม่นานหรอก สองขาเดินเข้าไปหาเขาอย่างจำใจ เบื้องหน้าคืออาหารตามสั่งธรรมดาที่ถูกเทใส่จานเรียบร้อยแล้ว องศาจัดการนำไข่ดาวและไส้กรอกย้ายมาใส่จานข้าวให้ฉันใหม่
เขาเป็นอะไร ชีวิตแฮปปี้มากมั้งใบหน้าถึงยิ้มได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตักไข่ดาวจำเป็นต้องส่งสายตาหวานเยิ้มให้ไข่ขนาดนี้เลย?
ไอ้บ้านี่ เมายารึเปล่าเนี่ย...
“นายทำงานอะไรเหรอ ไหนเล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังหน่อย แก้เงียบไปงั้นแหละนะ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรด้วย”
“ฉันเรียนจบโทแล้ว ตอนนี้ทำร้านกาแฟอยู่แถวๆมหาวิทยาลัยของน้องสาว ซึ่งจ้างเขาทำเอาและมันอยู่ตัวแล้วเลยไม่ค่อยได้เข้าไปดูเท่าไหร่”
เขาแก่กว่าฉันเหรอ... แต่ให้ฉันเรียกพี่ตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วนะ งั้นไม่บอกดีกว่าว่าฉันอายุน้อยกว่าเขา
“แฟนนายอะ เธอดีไหม?”
“ถามทำไม”
จะได้รู้ไงว่าฉันควรทำยังไงกับนายต่อดี หยุดหรือแย่ง..
Rrrrrr
โทรศัพท์ของฉันดังขึ้นขัดการสนทนาของเรา องศาคว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะฝั่งที่เขานั่งมาให้ฉัน
“ฮัลโหลค่ะ”
[คืนนี้ว่างไหมครับ มาเจอกันหน่อยดีไหม ผมคิดถึง]
ใครอะ? ฉันไม่ค่อยจำใครอย่างที่บอกแหละว่าต้องเห็นหน้าถึงจะจำได้ แล้วเป็นคนที่ไม่เคยเมมเบอร์ใครเพราะผู้ชายพวกนี้มันไม่ได้สำคัญพอ
“คืนนี้เหรอ... ไม่ว่างค่ะ ถ้าคืนพรุ่งนี้ไปได้”
ฉันหาเพื่อนกินเหล้าไปอย่างงั้นแหละ แก้เหงา ผู้ชายพวกนี้มันไม่ทันเกมฉันหรอก ฉันเอาตัวรอดได้สบาย
องศาไม่ได้สนใจที่ฉันจะคุยโทรศัพท์กับใคร เขาเองก็คว้ามือถือตัวเองขึ้นมากดเล่นไปด้วย อีกมือหนึ่งก็ตักข้าวเข้าปากไปด้วย ฉันเองก็คุยต่อกับผู้ชายในโทรศัพท์โดยไม่สนใจเขาเช่นกัน
ก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันต้องแคร์เขาทำไม หน้าด้านมาหาฉันเองนี่ฉันไม่ได้เชิญสักหน่อย
“เธออิ่มแล้วเหรอ?”
“อืม อิ่มแล้ว นายกลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
“ฉันอยากดูเธอทำงาน”
เขาหยิบจานข้าวฉันไปเทเศษอาหารทิ้งแล้วจัดการล้างจานให้ ทั้งจานของเราที่เพิ่งกินข้าวกันไปแล้วก็จานที่ค้างเติ่งอยู่ในอ่างล้างจานนั่นด้วย ขอบอกตามตรงนะ ฉันไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เอาซะเลย งงมากด้วย อยู่ๆก็โผล่มาทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งเดียวเนี่ยนะ?
ที่ไล่เขาไม่ใช่ว่ากลัวจะมาถึงเนื้อถึงตัวฉันนะ เรื่องนั้นฉันยั้งตัวเองได้ แต่เขาจะอยู่ในห้องฉันทำไมล่ะ ไม่มีอะไรให้ทำหรอกนะ ถ้าอยากเจอกันก็ควรนัดเจอที่อื่นไหม?
“นี่ นายจะไม่กลับบ้านกลับช่องรึไง”
“วันนี้ว่าง ถ้าอยู่บ้านก็อยู่เฉยๆ เลยมากวนเธอดีกว่า”
“เพื่อ?”
Rrrrrrr
“งานการไม่ได้ทำแล้วมั้ง วันๆเอาแต่รับสายผู้ชายนะเธอเนี่ย ฉันล่ะอยากมีสาวเยอะๆแบบนี้บ้างจัง ไม่เหงาดี”
“ด่าฉันว่าแรดเถอะ ถ้าพูดขนาดนี้ล่ะก็”
เขาส่งยิ้มเยาะมาให้อย่างไม่ใส่ใจ ว่าแต่ใครโทรมาอีกล่ะเนี่ย
“ฮัล..”
[แอมป์]
เหมือนหัวใจหยุดเต้นไปเลย ร่างกายชาวาบขึ้นมาเพียงแค่ได้ยินเสียงนี้เรียกชื่อฉัน เชื่อไหมว่าเพียงเขาพูดแค่คำเดียวฉันก็จำเขาได้แม่นยำแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบปีแล้วก็ตาม
พี่ซี...
“นี่ใครคะ”
ฉันแสร้งทำเป็นไม่รู้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ เขาพยายามติดต่อฉันมาหลายครั้งแล้ว แต่ฉันเปลี่ยนเบอร์หนีทุกครั้งเช่นกัน เมื่อเขามาที่นี่ฉันจะไม่ออกไปจากห้องเด็ดขาด หรือบางครั้งฉันจะไม่เข้ามาถ้าฉันอยู่ข้างนอก นิติบุคคลข้างล่างจะโทรมารายงานฉันถ้าเห็นว่าพี่ซีมาหา
[พี่ซีเองครับ แอมป์อยู่ห้องไหม พี่อยากเจอ]
“มีอะไรเหรอคะพี่ซี แอมป์ไม่ว่าง”
[พี่อยากขอโอกาส นี่พี่กำลังไปหานะคะ]
ว่าไงนะ!! ฉันรีบกดวางสายไปอย่างไร้เยื่อใย นายองศายังคงยืนล้างจานพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอย่างไม่รู้ชะตาตัวเอง ฉันไม่ได้กลัวพี่ซีนะ แต่ฉันไม่อยากให้เขารู้เรื่องส่วนตัวของฉันมาก หากพี่ซีมาเจอฉันอยู่กับผู้ชายฉันไม่ได้แคร์เลยว่าเขาจะรู้สึกยังไง ซึ่งฉันไม่ได้อยากเจอพี่ซีหรอกนะ ฉันเจ็บแล้วจำ
ตัวเจ้าปัญหาตอนนี้คือองศาต่างหาก ไม่รู้ว่าถ้าพี่ซีมากดออดหน้าห้องตอนเขาอยู่ข้างในนี้แล้วจะทำตัววุ่นวายสู่รู้ขนาดไหน หรือไม่ถ้าเขาจะกลับแล้วพี่ซียืนอยู่หน้าประตู เท่ากับเปิดประตูให้องศาออกไปและให้พี่ซีเข้ามาเลยนะ
“องศา เดินห้างเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”
“วันไหนล่ะ ฉันว่างทุกวันแหละ แต่ถ้าน้องสาวเปิดเทอมเธอจะมาอ้อนฉันแบบนี้คงยากนะ ไม่ค่อยมีเวลาหรอก”
เขาคิดไปถึงไหนเนี่ย...
“ฉันหมายถึงตอนนี้เลย เดี๋ยวนี้เลยด้วย”
องศาเช็ดมือแล้วหันมาพยักหน้าเป็นการตกลง ตัวฉันเองพยายามเก็บอาการร้อนใจไว้ภายใน ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนมาสวมเสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์ขายาว ตอนนี้ใส่อะไรง่ายๆก็ใส่ไปก่อน ไม่ได้มีเวลามาก
“เธอเดินห้างสภาพนี้เนี่ยนะ? ไม่แต่งหน้าเหรอ?”
“ฉันพักหน้าอยู่ แต่งหน้าติดต่อกันหลายวันแล้วไง ถามมากจัง ไปกันเถอะ”
เขาเดินนำฉันออกห้องไปโดยไม่ถามอะไรสักคำ ซึ่งมันดีมาก เราไปห้างสรรพสินค้าที่ไกลจากคอนโดพอสมควร เพราะห้างที่ใกล้ที่สุดมันคือห้างของพี่ซีไง ฉันเลยไม่ไปที่นั่น
พูดถึงพี่ซี ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เขาแล้วนะ ไม่ได้รักแล้ว แต่ก็เกลียดเขาไม่ลง ถ้าเลี่ยงเจอได้ฉันก็จะเลี่ยง ฉันก็เลี่ยงที่จะเจอพี่ซีมาเกือบปีแล้วนะ ฉันไม่ได้เกลียดเขาก็จริงแต่เขาทำให้ฉันเกลียดความรักขึ้นมาเลยล่ะ ทำให้ตาสว่างว่าผู้ชายมันมักมากแค่ไหน และฉันไม่ควรมอบความรู้สึกให้ใครนอกจากตัวเอง
“นั่งเหม่ออะไรของเธอ ถึงแล้ว ลงไปกัน”
ขณะที่ฉันเอี้ยวตัวเปิดประตูรถ เสียงโทรศัพท์ขององศาก็ดังขึ้นเสียก่อน ฉันได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแฟนถึงกับกลอกตาบนใส่เลยทีเดียว เขาโกหกอันนาว่าตอนนี้อยู่ที่ร้าน กำลังทำเค้กอยู่ ไม่ว่าง แต่เขาก็ไม่ได้แอบคุยหรอกนะ ก็คุยปกติให้ฉันได้ยินนี่แหละ
ส่วนโทรศัพท์ฉันก็สั่นไม่หยุดเช่นกัน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นพี่ซีแน่ๆที่โทรเข้ามา
“นายอยากดูอะไรเป็นพิเศษไหม?”
“ไม่ล่ะ เธออยากมาก็พาเธอมาเฉยๆ”
ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันมาทำไมเหมือนกัน สุดท้ายก็พากันมานั่งกิน
เฟรนช์ฟรายส์ที่ร้านชื่อดังร้านหนึ่งแทน องศาดูงงๆกับฉันเหมือนกันแต่เขาก็ไม่ถาม น้อยมากนะที่ผู้ชายจะไม่เจ๊าะแจ๊ะฉัน เขาจัดว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาในชีวิตฉันค่อนข้างสงบเสงี่ยม ทีแรกนึกว่าจะรุกหนักเพราะเห็นบุกมาหาฉันถึงคอนโด แต่เอาจริงๆเขาก็เป็นคนเฉยๆนะ เป็นผู้ชายที่หน้ายิ้มตลอดเวลา ไม่ถึงเนื้อถึงตัวเหมือนผู้ชายคนอื่น อย่าเพิ่งตัดสินใจเลยว่าเขาแตกต่าง หางมันอาจจะยังไม่โผล่ก็ได้ ที่แน่ๆเขาก็หนีแฟนมาเหมือนผู้ชายทุกคนนั่นแหละ
“แอมแปร์ เธอเห็นนี่ยัง?”
องศาทำท่าร้อนรนหลังจากก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือแล้วก็กิน
เฟรนช์ฟรายส์ไปด้วย
เขาหันจอมือถือมาให้ฉันดู ในจอปรากฏภาพแบรนด์เครื่องสำอางของฉันที่มีรูปรอยผื่นและสิวแดงบนใบหน้าใครสักคน ฉันคว้ามือถือของเขามานั่งอ่านรายละเอียดโพสต์นั้นอย่างถี่ถ้วน พบว่าเธอคนนั้นแพ้เครื่องสำอางของฉันจนหน้าแทบเสียโฉม เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันทดสอบการแพ้แล้วมันไม่เคยเกิดขึ้น อีกอย่าง สินค้าทุกชิ้นทำจากธรรมชาตินะ ไม่ได้ใช้สารตัวไหนที่เป็นอันตรายเลยสักตัว
“เธอโอเครึเปล่า?”
องศาถามฉันขณะที่ฉันยื่นมือถือคืนให้เขา ถามว่าฉันโอเคไหมก็ไม่เลย ฉันไม่โอเคมาก แต่ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น ยอดแชร์โพสต์นั้นตอนนี้เป็นพันแล้ว ฉันรู้ว่าโซเชียลมันไวมากแต่ฉันก็กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงต่อไป
“ดูให้ฉันอีกที ว่าโพสต์นั้นโพสต์ตอนไหน”
“อ่า เมื่อคืน”
แพ้แป้งจนหน้าเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ...
ฉันยกน้ำขึ้นมาดูดพร้อมทั้งใช้ความคิดไปด้วย แต่แล้วแขกไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวขึ้น
“ไงคะ เจ้าของแบรนด์ชื่อดัง ถ้าของตัวเองดีคงไม่หน้าสดเดินห้างหรอก เพราะของมันห่วยไงตัวเองถึงไม่ใช้!!”
หญิงร่างบางที่มีหน้าตาน่ารักแต่เมื่ออ้าปากพูดแล้วกลับทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของเธอดูหมองไปเลย เธอชื่อฝ้าย เป็นอีกคนหนึ่งในชีวิตที่ต้องมีเรื่องกันอยู่ร่ำไป
“กลับไปซะ”
“อ่าว นี่ผัวใหม่พี่เหรอ? หล่อดีแฮะ แบ่งฉันบ้างสิ”
องศาช้อนตามองเธอด้วยความงุนงง ฉันเองก็งงที่ได้ยินฝ้ายพูดอะไรไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบนี้ โต๊ะรอบข้างฉันก็หันมามองเพราะหล่อนพูดในน้ำเสียงค่อนข้างดัง
“เอ่อ ผมเป็นเพื่อนแอมแปร์ครับ”
เพื่อนบ้าอะไร แค่คนรู้จักเท่านั้นแหละย่ะ ร่างบางของยัยฝ้ายทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้อีกตัวโดยไม่ได้รับเชิญจากใครเลย มันก็เสียมารยาทแบบนี้กับฉันเสมอแหละ
“ใกล้เจ๊งรึยังล่ะ ฉันจะได้รอสมน้ำหน้า แล้วนี่ผัวคนที่เท่าไหร่? นับไหวรึเปล่า? เห็นเปลี่ยนไปเรื่อยเลย”
“ฝ้าย.. เธอยังอยู่บ้านกับแม่รึเปล่า?”
ฉันถามเธอกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มือขวาหยิบเฟรนช์ฟรายส์มากินอีกครั้งก่อนจะช้อนตามองเธอเพื่อรอคำตอบ
“อยู่ ทำไม?”
“แม่ไม่สอนมารยาทเธอหน่อยเหรอ”
“ว๊า วันนี้ทำพี่โมโหได้แค่นี้เองเหรอ ไม่สนุกเลยอุตส่าห์บังเอิญเจอกันทั้งที ไปดีกว่า อ่อ แฟนพี่คนนี้น่ารักดีนะ ชอบจัง ชื่ออะไรเหรอคะ?”
ฝ้ายหันไปถามองศาที่นั่งมองฉันกับหล่อนสลับกันอย่างไม่เข้าใจ สงสารเขาจังที่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้
“เอ่อ ผมชื่อองศาครับ”
“ฉันชื่อฝ้ายนะคะ ไว้เจอกันใหม่เนอะ”
เธอลุกออกไปจากตรงนี้โดยไม่ได้ล่ำลาฉัน ซึ่งฉันไม่ได้ต้องการคำล่ำลาอะไรจากหล่อนหรอก
“แอมป์ ใครอะ?”
“หืม ยัยฝ้าย ลูกเมียน้อยพ่อฉันเอง”
“เธอ..โอเคไหมเนี่ย อย่าเครียดนะ”
“ฉันกลับแล้วดีกว่า ขอบใจที่มาส่งแต่เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้”
ไม่ว่าเปล่า ฉันคว้ากระเป๋าแล้วเตรียมลุกออกจากที่นี่ทันที ทว่ามือใหญ่ขององศากลับคว้าที่ข้อมือฉันไว้
“ไม่เอา อยากไปส่ง”
“นายกลับบ้านไปหาอันนาได้แล้วล่ะ”
เขายักไหล่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วจูงมือฉันเดินห้างต่อองศานี่เข้ามาในช่วงที่ฉันมีปัญหาพอดีเลย หรือเขาเป็นตัวนำปัญหามาให้กันแน่นะ
ฉันหยุดคิดมากไม่ได้เลยเรื่องคนที่แพ้ครีม เรื่องกระแสที่กำลังเกิด ขึ้นตอนนี้ พยายามคุยไลน์กับทีมงานแทบจะตลอดเวลาขณะที่องศาเดินเลือกเสื้อผ้าของเขา น้องๆทีมงานก็ร้อนใจไม่ต่างจากฉัน ตอนนี้ฉันห่วงทั้งความรู้สึกของพนักงานหน้าบูธแล้วก็คนที่แพ้ด้วย
“หน้ามุ่ยอะไร กินน้ำก่อน”
องศายื่นแก้วน้ำที่เขาซื้อมาให้ฉันดูด...
“ฉันไม่ดูดหลอดเดียวกับนายได้ไหม”
“ฉันไม่ได้เป็นโรคติดต่อนะเธอนี่!”
ว่าแล้วเขาก็ไปซื้อน้ำแก้วใหม่มาให้ฉัน แต่เมื่อกี้ที่เขาขึ้นเสียงใส่น่ะ
หน้าเขายังเหมือนยิ้มอยู่เลย คนอะไรยิ้มได้ตลอดเวลา
แต่ขณะที่เราเดินอยู่นั้น ฉันก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นทาบลงที่ลาดไหล่ข้างซ้ายทำให้ต้องหันหลังไปมอง
พี่ซี...
หัวใจของฉันเหมือนจะหลุดออกมาจากอกเสียไม่ได้ ใบหน้าที่ฉันคุ้นเคย สายตาแบบนี้ที่เขาใช้มองฉันเสมอในวันนี้มันอ่อนแสงลงมาก เกือบปีแล้วสินะที่ฉันเลี่ยงจะเจอเขามาตลอด...
“พี่ขอคุยด้วยได้ไหมคะ”
“ขอตัวนะคะ มีธุระ”
อะไรดลใจฉันก็ไม่รู้ทำให้ต้องคว้าแขนองศาอย่างสนิทสนมต่อหน้า
พี่ซี ลำตัวเราแนบกันแบบที่ทั้งวันมานี้เราไม่ได้ใกล้กันขนาดนี้เลย ฉันออกแรงฉุดองศาให้เดินออกมาจากตรงนั้น ทว่าร่างสูงโปร่งของพี่ซีกลับเดินมาดักหน้าเราไว้เสียก่อน
“แอมป์ตบตาพี่ไม่ได้หรอก พี่รู้..แอมป์ยังรักพี่อยู่”
“...”
“พี่รักแอมป์นะคะ ให้โอกาสพี่กลับไปดูแลอีกครั้งนะ”
“...”
รักเหรอ? ฉัน...ไม่ได้รักเขาแล้วสักหน่อย ก็แค่เคยรักและเคยซื่อสัตย์มาแปดปีเท่านั้นเอง
ฉันสบตาพี่ซีอย่างไม่รู้จะพูดอะไร อยู่ๆมันก็พูดอะไรไม่ออกมาซะอย่างงั้น มือใหญ่ขององศาเลื่อนมากุมมือฉันไว้อย่างฉวยโอกาส แต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ขอโทษทีนะครับ แต่ตอนนี้แอมแปร์เป็นแฟนผม”
องศาจูงมือฉันเดินผ่านพี่ซีมาหน้าตาเฉยๆ ทั้งฉันและพี่ซีก็อึ้งในสิ่งที่เขาพูดแสดงความเป็นเจ้าของออกมา ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ ระหว่างฉันกับเขาเรียกว่าเพื่อนยังดูสนิทไปเลย
“พูดบ้าอะไรของนาย!”
เมื่อคล้อยหลังพี่ซีไปฉันจัดการสะบัดตัวหนีแล้วต่อว่าเขาทันที เหมือนเขากำลังจะเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันมากเกินไป
“เห็นเธอเสียอาการ ฉันเลยจะช่วยพาเธอออกมาเฉยๆ โกรธรึไง? อย่าโกรธนะฉันแค่อยากช่วย”
องศาเอื้อมมือทั้งสองข้างมาดึงแก้มฉันเล่นหน้าระรื่น แต่ช่วยดูสีหน้าฉันหน่อยไหมว่ามันใช่เวลาเล่นรึเปล่า ฉันรู้ว่าคำพูดของเขาจะมีผลอะไรบ้าง เพราะพี่ซีเป็นคนไม่ยอมใคร ยิ่งมีอะไรมากระตุ้นแบบนี้เขายิ่งไม่ยอมแน่ จากนี้ไปคงตามง้อฉันเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวแล้วฉันจะหาความสงบในชีวิตได้จากที่ไหน
“นายกำลังพาปัญหามาให้ฉันนะองศา แค่นี้ปัญหาฉันเยอะไม่พอรึไง?”
“เธอมีฉันไง ฉันช่วยเธอแก้ปัญหาเอง”
“เป็นแฟนฉันรึไง มายุ่งอะไรด้วย”
“ถ้าเธอให้เป็นฉันก็เป็น ให้เป็นเพื่อนก็จะเป็นเพื่อน ให้เป็นแฟนก็จะเป็นแฟน ให้เป็นผัวฉันยิ่งยินดีที่จะเป็น ตกลงตามนี้นะ”
เขายังคงยิ้มได้เสมอ องศาคล้องคอฉันแล้วลากเดินไปที่ลานจอดรถ แต่ฉันว่าเขาลืมอะไรไปอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมาก คือเราไม่ได้สนิทกันเลย
“ถ้าฉันจะเอา..ฉันรุกเอง แต่นายน่ะไม่ได้อยู่ในประเภทคนที่ฉันอยากได้ จำไว้”
“ไม่เป็นไร ฉันตื๊อเก่ง”
บ้าจริง เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันนะ...
“นายรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน”
องศาพยักหน้าเป็นอันรับรู้ ฉันเดินไปทางห้องน้ำก่อนจะหันหลังมองเขาอีกครั้ง เมื่อเขาไม่ได้มองมาทางฉัน ฉันจึงเดินไปตามทางออกของห้างแล้วนั่งแท็กซี่กลับคอนโด
ฉันสับสนกับตัวองศาพอสมควร บางความรู้สึกมันบอกว่าเขาเลวกับอันนาเกินไป อยากจะทำให้เขาเลิกกันซะถือว่าช่วยผู้หญิงให้หลุดจากผู้ชายชั่ว แต่...บางความรู้สึกมันบอกว่าเขาเป็นผู้ชายแปลกๆ จะว่าน่ารักก็ใช่ น่ากลัวก็ใช่ ไม่รู้ที่เขายิ้มตลอดเวลานี่เมากาวมารึเปล่า ที่โผล่พรวดเข้ามาหาฉันที่คอนโดนี่เอาย***ามาซุกไว้ซอกตู้จะทำยังไง
END TALK