HUNTED STEP 02-01

2649 Words
“อันอยากเล่นเครื่องเล่นอะไรไหม? เดี๋ยวพี่พาเล่น” “ร้อนอะค่ะพี่องศา อันไม่ชอบแดด” สุดท้ายแล้วไม่ว่าผมจะเจอเหตุการณ์อะไร อันนาจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ข้างผมเสมอ หลังจากที่ผมโดนยัยแอมแปร์เทแบบหน้าด้านๆ ผมจึงโทรหาอันนาให้มาหาผมที่สวนสนุกแห่งนี้ ตั้งใจจะมาให้ช่วยกินอาหารบนโต๊ะที่ผมสั่งมา ไถ่โทษยัยแอมแปร์นั่นแหละ อาจจะเรียกอันนามาด้วยเหตุผลไม่น่าฟังมากนัก แต่ช่วยเข้าใจผมด้วยว่าสายตาคนทั้งร้านจับจ้องมาที่ผมคล้ายว่ากำลังจับผิดผมอยู่ มาคนเดียวทำไมสั่งอาหารเยอะขนาดนี้ หน้าตาก็ดีโดนสาวเทแน่ๆ ผมได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกมาทางสายตาที่พวกเขามองมายังผม แค่โดนแอมแปร์เทก็เสียเซลฟ์จะตายอยู่แล้ว นี่ยังโดนมองด้วยสายตาจับผิดอีก ผมเลยแก้ปัญหาโดยการเรียกอันนามาไง มีคนช่วยกินเพิ่ม แถมลบคำสบประมาทว่าโดนสาวเทอีก “ให้พี่ไปส่งที่บ้านเลยไหม? หรืออันอยากไปไหนต่อ” “อืมมมม อันอยากเดินช็อปปิ้งสักหน่อยค่ะ” “โอเคครับ” ต้องชวนไปตามมารยาทล่ะนะ จะเรียกมากินแล้วไล่กลับบ้านมันก็ จะดูเลวเกินไปหน่อย แต่เอาจริงๆผมเป็นคนขี้ตามใจแหละ ไม่ว่ากับใครผมก็เอาใจเสมอการได้รู้จักใครสักคนก็ควรทำให้ต่างฝ่ายต่างประทับใจทุกครั้งที่เจอไม่ถูกเหรอ? มีแต่ยัยนั่นคนเดียวแหละมั้งที่รู้จักแล้วไม่น่าประทับใจเอาซะเลย “อิ่มแล้วเหรอ?” “ค่ะ เอ่อ..พี่องศาคะ วันนี้อันเปลี่ยนใจไม่ช็อปปิ้งแล้วนะคะ พอดีมีธุระกับคุณพ่อนิดหน่อยต้องรีบกลับน่ะค่ะ” “อ๋อ ได้สิ ให้พี่ไปส่งไหม?” “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็เอารถมาคนละคันอยู่แล้ว งั้นอันขอตัวเลยนะคะพี่องศา ไว้เจอกันวันหลังนะคะ” “ครับ” เอ๊ะ ความรู้สึกเหมือนโดนเทเล็กน้อย ไม่หรอก น้องเขามีธุระด่วนต่างหาก มึงอะคิดมากไอ้องศา เซ็งอะ วันนี้เป็นวันที่น่าเบื่อวันหนึ่งเลยก็ว่าได้ ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเรียกเช็กบิลอาหารทุกอย่างเสร็จสรรพ เดินออกมามองไปรอบๆสวนสนุกแห่งนี้เห็นแต่คนรักกันเขาเดินเป็นคู่ น่าใจหายที่วันนี้ผมดันไม่มีคู่เดินซะได้ โทษยัยแอมแปร์คนเดียวเลย แต่คิดไปคิดมาถ้าทำให้ยัยนั่นโอนอ่อนได้ผมคงรู้สึกเป็นผู้ชนะไปอีกสิบปีเลย คิดจะสอยผู้หญิงแบบนี้ต้องทำยังไงก่อนนะ ผมเปิดเพลงฟังระงับความหงุดหงิดตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน ดีที่เริ่มค่ำมืดแล้วรถจึงไม่ติดเท่าไหร่ ภายในหัวยังคงนึกถึงแต่เธอไม่หยุด ผมเป็นคนชอบเอาชนะ และพยายามหาวิธีที่ผู้หญิงแบบนั้นจะใจอ่อน แต่ผมไม่ได้จริงจังกับเธอนะ แค่อยากทำให้เธอรู้สึกแพ้บ้างก็เท่านั้นเอง AT HOME สองเท้าย่ำเข้าบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน ผมรายงานให้อันนารู้ว่าผมถึงบ้านแล้ว ก่อนจะอาบน้ำแล้วมานั่งที่หน้าโน้ตบุ๊ก พอดีผมอยากรู้ว่าแอมแปร์เป็นใครมาจากไหน มีธุรกิจอะไรบ้าง เลย ต้องมานั่งหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตนี่แหละ ผมอ่านประวัติของเธอไปเรื่อยๆทีละเว็บไซต์ ได้เรื่องคร่าวๆว่าเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงามนี่แหละ มีน้ำหอมกับเครื่องสำอาง แต่สิ่งที่ผมเจอเด็ดกว่าคืออะไรรู้ไหม ไฮโซชื่อดังทายาทห้างสรรพสินค้าถูกสาวสลัดรัก หลังคบหากันมาเกือบสิบปี มันก็เหมือนข่าวซุบซิบกันธรรมดานะ ถ้ารูปผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แอมแปร์ ทำให้หัวข้อความอยากรู้ของผมเปลี่ยนไปจากทีแรก ประวัตินั่นอ่านคร่าวๆมาแล้วช่างมันก่อน เอาอันนี้ก่อน “โถ่ ที่แท้ก็เด็กเสี่ยนั่นล่ะวะ เกาะผู้ชายรวยๆ หึ!” ผมนั่งมองรูปของเธอกับแฟนเก่าทีละรูปๆก็นึกแปลกใจกับรอยยิ้มของเธอ มันคือรอยยิ้มสดใสแสดงออกว่าเจ้าตัวมีความสุขแค่ไหน เมื่อก่อนเธอดูมีน้ำมีนวลกว่านี้นะ ผมไล่ดูรูปที่พวกเขาเคยออกงานด้วยกัน หรือรูปจากอินสตาแกรมโพสต์เก่าๆที่ตอนนี้เธอคงลบมันไปหมดแล้ว โดยไม่ลืมที่จะคว้ามือถือของตัวเองไปกดติดตามอินสตาแกรมของเธอด้วย ก็ดูรักกันดีนี่หว่า... ตื๊อดึ่ง AMPARE ส่งข้อความถึงคุณ... ตาผมฝาดรึเปล่าเนี่ย เธอส่งข้อความไลน์มาหาผมเหรอ? ผมละสายตาจากรูปภาพสวีทหวานที่หน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วมาสนใจมือถือแทน ไม่รีรอที่ผมจะเปิดข้อความขึ้นมาอ่าน [ทำการบ้านมาดีนี่ ไม่ทันไรรู้ไอจีฉันแล้ว] “เธอยังไม่นอนเหรอ?” [ยัง] แน่ะ ตอบไวแบบนี้รอผมตอบกลับอยู่ล่ะสิ การที่ผู้หญิงทักมาหาก่อนถือว่าเป็นการอ่อยอย่างหนึ่ง หรือไม่เธอก็รู้สึกผิดที่ทิ้งผมวันนี้เลยตีเนียนหาเรื่องทักมาหาผมกดโทรออกหาเธอทันทีก่อนจะพาตัวเองมานอนอยู่บนเตียงแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนเอาไว้รอเธอรับสาย [ว่าไง] เอ่อ..ผู้หญิงทั่วไปเวลามีชายหนุ่มรูปงามโทรหาเขาไม่ได้รับสายด้วย คำพูดและน้ำเสียงแบบนี้นะ “ทำอะไรอยู่เหรอ เธอจะนอนรึยัง” [แล้วนายมีอะไรล่ะ] นั่นสิ ผมมีอะไรจะคุยกับเธอวะ? “ไม่มีอะไร คิดถึงเธอเฉยๆ” [ตอแหล] เอ๊ะ หูกูฝาดรึเปล่า ไม่หรอก ได้ยินชัดซะขนาดนี้ “พูดจาอะไรให้เกียรติกันบ้างนะครับ แหม” [ให้เกียรติผู้ชายที่กำลังคิดหลอกฟันฉันน่ะเหรอ?] ก็..เออ เถียงไม่ออก เราเงียบกันเกือบนาทีหลังจากที่ผมเงิบกับคำพูดเธออยู่ ดีที่เธอเปิดเพลงฟังไปเบาๆทำให้บรรยากาศมันไม่เงียบมากจนเกินไป “เธอชอบน้ำหอมเหรอ? แล้วทำยังไงถึงดังได้อะ” ผมคิดได้ว่าน่าจะชวนเธอคุยเรื่องพวกนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอรัก อยากฟังเธอเล่าอะไรก็ได้ พูดยาวๆเลยยิ่งดี ผมอยากรู้ทัศนคติของเธอ แล้วมันก็ได้ผลเมื่อเธอร่ายยาวตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมโน่นแน่ะ เล่าถึงต้นเหตุว่าทำไมถึงก่อตั้งแบรนด์น้ำหอมได้ END TALK AMPARE TALK องศา ไอ้บ้านี่!! ฉันผ่อนลมหายใจออกอย่างข่มอารมณ์ เมื่อฉันเล่าเรื่องธุรกิจไปอย่างละเอียดเพราะเหมือนว่าเขาถามอย่างสนใจ ฉันจึงอยากแบ่งปันเรื่องราว แต่แล้วผลที่ฉันได้กลับมาคืออะไรรู้ไหม? คร้อกกกก ... ZzzZ เขาหลับใส่ฉัน ไม่ใช่หลับธรรมดา นอนกรนใส่ด้วย เสียมารยาทที่สุดเลย ได้แต่ตั้งคำถามให้กับตัวเองว่าเมื่อกี้ฉันจะเล่าไปเพื่ออะไร ในเมื่อเล่าไปก็ไม่มีคนฟัง แต่เท่าที่ถามตอบกันในทีแรกถือว่าเขาทำการบ้านมาดีพอสมควรนะ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีวันตามฉันทันหรอกในเมื่อเขายังคิดจะหลอกฟันฉันอยู่แบบนี้ก็อย่ามาหวังความจริงใจจากฉัน เพราะฉันไม่มีวันให้ มันกับผู้ชายหน้าไหนอีกเป็นครั้งที่สอง ผู้ชายสมัยนี้ให้เป็นเพื่อนยังยากเลย ฉันท้าเลย นายองศาเนี่ย ท่าดีทีเหลวชัวร์ๆ ไม่เกินหนึ่งเดือนถ้ามันไม่ได้ฉันสุดท้ายก็ตีจากกันไป มันคือสัจธรรมของผู้ชายที่มักมากและเห็นแก่ได้ ฉันปล่อยให้เขาหลับไปอย่างนั้นโดยไม่กดวางสาย ก็ฉันไม่ได้เสียตังค์โทรนี่ ค่าโทรมันเงินเขาทั้งนั้น 07.45 น. เมื่อแสงจากพระอาทิตย์ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ มันถึงเวลาที่ฉันควรจะนอน สองมือยกขึ้นขยี้ตาตัวเองที่ตอนนี้มันล้าเต็มทีหลังจากจดจ่อกับตัวเลขกับโน้ตบุ๊กทั้งคืน ฉันเช็กยอดไตรมาสอย่างละเอียดซึ่งมันต้องเพ่งจนปวดตาไปหมด แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของที่นอน ประกอบกับผ้าห่มผืนหนาที่ให้ความอบอุ่น มันทำให้ฉันเข้าสู่นิทราซะเดี๋ยวนั้น Rrrrrr ขณะที่ฉันหลับได้ไม่ถึงชั่วโมง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจนฉันตกใจ พาให้ฉันหงุดหงิดแต่เช้า ฉันคว้ามือถือขึ้นมามองด้วยความงัวเงียซึ่งทำให้ฉันยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ใครโทรมาเนี่ย! เบอร์แปลกที่ฉันไม่ได้เมมชื่อโทรเข้ามา มันต้องเป็นหนุ่มสักคนใน สต๊อกของฉันนี่แหละแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร [ฮัลโหลวันนี้ว่างไหม ไปเที่ยวกันนะคะ] “นี่ใครคะ?” [ผมนาวาไง จำไม่ได้เหรอ] จำได้กับผีน่ะสิ ฉันจำไม่ค่อยได้หรอกถ้าไม่เจอหน้า แล้วนายนาวาเนี่ยคือคนไหนก็ไม่รู้ “เลิกกับแฟนแล้วเหรอคะ ถึงหาเวลามาหาฉันได้” ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก อย่างอื่นไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาเลิกกับแฟนรึยังการที่ฉันยอมให้ใครมาเจ๊าะแจ๊ะด้วยมันต้องมีเหตุผล แล้วถ้าตอนนี้ ยังไม่เลิกกับแฟน การโทรมาชวนผู้หญิงอีกคนไปเที่ยวนี่เลวชะมัดเลย ฉันรอคำตอบจากเขาอย่างใจจดใจจ่อ.. [ก็..ยังไม่เลิกค่ะ แต่ใกล้แล้วนะคะ] กะแล้วเชียว มาพูดจาดีคะขาออดอ้อน กับแฟนที่บ้านเคยใส่ใจเธอแบบนี้รึเปล่า “งั้น..รอให้เลิกกันก่อนค่อยเจอนะคะ อยากทำอะไรๆแบบไม่ต้องมีกังวล เข้าใจฉันนะ” จัดการตัดบทแล้วกดวางสายไปเป็นการสิ้นสุดการคุย ฉันวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอนก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปงอีกครั้งเพื่อกล่อมตัวเองให้หลับเพราะอาการง่วงจู่โจมจนฝืนต่อไปไม่ไหว ฉันใช้ชีวิตแบบนอนกลางวัน กลางคืนทำงานมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผลที่ได้คือร่างกายอ่อนเพลียมาก ขอบตาเริ่มคล้ำลงเรื่อยๆ 13.25 น. ร่างบางยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอนกว้างที่คุ้นเคย.. Rrrrrr เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันจึงคว้ามันมาตวัดนิ้วที่หน้าจอเพื่อกดรับสายโดยไม่แม้จะลืมตามองด้วยซ้ำว่าใครโทรมา เดาไม่ยากหรอก ต้องเป็นผู้ชายที่ไหนสักคนนี่แหละ “ฮัลโหล” ฉันรับสายทั้งที่น้ำเสียงงัวเงียเต็มที [ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปรับแล้วไปหาอะไรกินกัน] ใครเนี่ย? “ไม่ไปค่ะ ฉันจะนอน” [เธอไม่ยอมวางสายฉันจนถึงเช้า เปลืองค่าโทรศัพท์ชะมัด วันนี้เธอต้องเลี้ยงข้าวฉันเป็นการชดเชย] อ่อ นายองศานี่เอง ก็นึกว่าใครที่ไหนซะอีก... ฉันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะลืมตามองเพดานอย่างงัวเงีย พอพูดเรื่องกินข้าวท้องไส้ของฉันมันก็ไม่รักดีขึ้นมาเลย น้ำย่อยส่งเสียงร้องจ๊อกๆ เหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้ฉันกินข้าวซะเดี๋ยวนี้ “ไปเลิกกับน้องอันนาก่อนไปค่อยมานัดฉันกินข้าว” [แล้ว..เธอเด็ดพอจะทำให้ฉันเลิกกับอันได้ไหมล่ะ] “หึ พูดได้ดีนี่” [รีบแต่งตัวแล้วลงมา ฉันรออยู่ข้างล่าง] อย่าบอกนะว่าเขารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่? บ้าจริง เขาจะแสนรู้เกินไปหน่อยแล้วล่ะ ฉันไม่ชอบให้ใครรุกล้ำความเป็นส่วนตัวถ้าฉันไม่อนุญาต แต่นี่!! หน้าด้านมาถึงนี่จนได้ “งั้นก็รอไปนะ” ฉันกดวางสายแล้วยิ้มเยาะเล็กน้อย รอได้ก็รอไปเถอะย่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องไปไหนมาไหนกับเขา ถ้าคิดจะมาทำตัวยุ่มย่ามกับฉัน ไม่มีใครเคยหลุดจากบ่วงที่ฉันสร้างขึ้นได้สักราย ถ้าฉันเลือกที่จะแย่งใครมามันต้องสำเร็จ แต่ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยจะมีเวลามาล่าพวกผู้ชายชั่วเท่าไหร่ งานของฉันค่อนข้างจะยุ่งยากเพราะกำลังเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่ รวมถึงครีมบำรุงผิวหน้าตัวแรกของแบรนด์ เหนื่อยจนไม่มีเวลาเที่ยวเล่นที่ไหน แต่พวกผู้ชายที่ยังคงติดแหที่ฉันหว่านยังคงมีบทบาทในชีวิตของฉันอยู่ทุกวัน ทั้งโทร ทั้งไลน์มา มีเวลาตอบฉันก็ตอบ บางคนก็อยากสนุกต่อ บางคนเบื่อก็สลัดทิ้งซะ... ฉันลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันตามปกติ สายตาจ้องมองตัวเองผ่านกระจกอย่างห่อเหี่ยวใจกับถุงใต้ตาที่บวมคล้ำพอสมควร ก่อนหน้านี้ฉันกินเหล้าจนแทบไม่ได้นอน เที่ยวกลางคืนหนักๆทำให้น้ำหนักลดลงจนน่าตกใจ พอฉันฟิตหุ่นให้เฟิร์มมีน้ำมีนวลขึ้น ดันมาเจองานหนักจนไม่ได้นอนอีก สภาพฉันจะมีช่วงเวลาสวยๆอย่างเขาบ้างไหมนะ สองขาย่างก้าวออกมายังโซนห้องครัว เมนูมื้อเช้าที่เพิ่งจะได้กินตอนบ่ายวันนี้คือไข่ดาว ไส้กรอก และขนมปัง คือมันทำง่ายดีด้วยแหละ ฉันไม่ชอบทำอะไรให้มันยุ่งยาก หรือถ้าอยากกินอย่างอื่นที่ทำเองไม่ได้ฉันก็มักออกไปกินข้างนอกแทน ออดดดดดด.. ใครมา?... ไม่มีใครเคยมาที่นี่เลยนะ สองคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด จะว่าฉันโทรสั่งอาหารให้ขึ้นมาส่งก็ไม่ใช่สักหน่อย ตัดสินใจเดินมาส่องตาแมวที่ประตูเพื่อความแน่ใจ ทว่าแขกผู้มาเยือนคือคนที่ฉันไม่คิดว่าจะอยู่ตรงนี้ได้ แกร๊ก “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ห้องไหน? แล้วขึ้นมาทำไม?” เขาคือองศา ผู้ชายที่ยืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่ตรงนี้คือเขา ฉันเพียงแค่แง้มประตูแล้วเอาหน้าโผล่ออกไปถามเท่านั้น แต่แล้วมือใหญ่ก็เอื้อมมาผลักหน้าผากของฉันแล้วดันประตูให้เปิดกว้างออกเพื่อที่เขาจะแทรกตัวเข้ามาได้ “เดี๋ยวเธอเทฉันอีกไง” “ห้ามเข้าห้องฉัน!!” ห้องนี้ไม่เคยมีผู้ชายที่ไหนเคยเข้ามานอกจากพี่ซี อดีตแฟนที่ถือได้ว่าเป็นเจ้าของห้องนี้เช่นเดียวกับฉัน แต่สำหรับนายองศาคนนี้มีแต่ความหน้าด้านหน้าทนหรือยังไง ขนาดฉันดึงตัวเขาให้ออกมายังทำมึนเดินดุ่มๆเข้าไปอีก “ขอเข้ามาหน่อย สัญญาจะไม่ปล้ำ” องศาชูสามนิ้วแนบใบหูเหมือนท่าลูกเสือสำรอง เขายังคงส่งยิ้มมาให้โดยไม่ละอายใจสักนิด แต่ฉันนี่สิ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะอย่างงั้น เข้าใจฉันไหมว่าเขาทำแบบนี้มันรุกล้ำพื้นที่ของฉันเกินไป “นายมีธุระอะไร ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายห้องฉัน นายออกไปเถอะ” “ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ปล้ำ นี่ ฉันสั่งอาหารขึ้นมาให้ ร้านตรงข้ามคอนโดนะ ไม่ได้ไปกินข้าวข้างนอกก็กินด้วยกันที่นี่แหละเนอะ” ร่างสูงหันซ้ายหันขวามอง ก่อนจะเดินเข้าไปยังโซนห้องครัว อะไรของเขาเนี่ย!! “องศา ถ้านายไม่ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะโมโหแล้วนะ อย่าให้ฉันต้องรู้สึกไม่ดีกับนายไปมากกว่านี้ หิวมากก็ไปกินข้าวกับแฟนนายโน่นสิ อันนารอนายอยู่นะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD