สถานะลุ่มหลง 01 บังเอิญ

1362 Words
CHAPTER 01 หนึ่งวันก่อนหน้า "ไนท์ เดี๋ยวก่อนกลับแกไปซื้อขนมปังในเซเว่นกลับมาด้วยนะ พรุ่งนี้พ่อตื่นมาตอนเช้าจะได้มีอะไรรองท้องก่อนไปทำงาน" "ได้ค่ะ แม่ก็รีบกลับไปพักนะคะเดี๋ยวตรงนี้ไนท์จัดการเองค่ะ" "อื้ม ๆ แม่กลับละ" แม่สั่งลาฉันนิดหน่อย ก่อนกลับบ้านก็มีการวานให้ฉันซื้อขนมปังกลับไปเพื่อเป็นอาหารเช้ารองท้องให้พ่อได้กินก่อนไปทำงาน พ่อฉันทำงานอยู่ในบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจซบเซารายได้ที่เคยพอมีพอกินก็ถูกเจ้านายตัดทอนจนตอนนี้ลดลงไปเกือบครึ่งจากเงินเดือนแรกที่เคยได้มา ส่วนแม่ก็เปิดร้านอาหารอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่ฉันเองก็บังเอิญสอบติดและจะเข้าเรียนที่นี่ในอีกไม่ช้า ถึงแม้จะเปิดร้านอาหารอยู่ในโรงอาหารในมอแต่รายได้ที่นับวันยิ่งลดลงก็ทำให้สภาวะครอบครัวค่อนไปทางลำบากฉันเลยคิดว่าตัวเองควรทบทวนว่าจะเรียนต่อหรือออกมาทำงานเก็บเงินแล้วค่อยกลับไปเรียนใหม่ดี จริงอยู่ที่ค่าเทอมสามารถใช้เงินกู้เพื่อการศึกษาได้แต่ระหว่างเรียนมันมีค่าจิปาถะให้เราต้องคอยควักเงินออกมาจ่ายเสมอฉันเลยรู้สึกกังวลใจไม่น้อย ฉันไม่อยากทำให้พ่อแม่ต้องลำบากมากขึ้นกว่าเดิม "โอเค เรียบร้อย" หลังจากที่ทำความสะอาดพวกจานชามและถาดที่ใส่กับข้าวต่าง ๆ จนเสร็จเรียบร้อยฉันก็ปิดร้านแล้วหิ้วกระเป๋าขึ้นมาแขวนบ่าเพื่อเตรียมตัวเดินไปซื้อขนมปังในเซเว่นตามที่แม่วานไว้ วันนี้วันเสาร์ฉันเลยปิดร้านดึกหน่อยเพราะในมอมีเรียนภาคค่ำ และโชคดีที่บ้านเราอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยฉันเลยเดินไปมาได้อย่างสะดวก ฉันเดินไปซื้อขนมปังไส้ทูน่าที่พ่อชอบกินมาสองห่อแล้วก็ขนมปังลูกเกดให้แม่อีกหนึ่งห่อ จัดการจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วก็หิ้วถุงออกมาเพื่อเดินทางกลับไปบ้านตัวเองต่อ แต่ทว่าในระหว่างที่ฉันกำลังฮึมฮัมร้องเพลงไปพร้อมกับเดินไปด้วยเสียงคนร้อง 'อ้ากก' ก็ดังขึ้นมา มันเลยทำให้ฉันชะงักเพราะเสียงมันอยู่ใกล้มาก แค่หันไปก็ทำให้เห็นว่าในซอยแคบ ๆ ข้าง ๆ ที่ฉันยืนอยู่นั้นมีคนกำลังตีกันอยู่ "ใครก็ได้ ช่วยด้วย อั่ก!" เสียงเหมือนกระดูกกระทบกระดูกดัง 'ปั่ก' จังหวะนั้นเสียงร้องดังขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเห็นว่าผู้ชายที่เลือดอาบปากล้มลงไปกับพื้นได้อย่างง่ายดาย ฉันอึ้งค้าง ดวงตาวูบไหวไปด้วยความตื่นตระหนกในขณะที่หัวใจเต้นสั่นระรัวเพราะบังเอิญสบตากับผู้ชายคนหนึ่งที่มองมาด้วยสายตาแข็งกร้าว มือข้างซ้ายของเขากำลังบีบคอผู้ชายคนหนึ่งชิดเข้ากำแพง ส่วนมือข้างขวาก็กระชากผมผู้ชายอีกคนแล้วเหวี่ยงลงไปอย่างเลือดเย็น ทุกอย่างที่ว่าฉันมองเห็นมันโดยบังเอิญและนึกอยากจะวิ่งหนีไปแต่กลับก้าวเท้าออกไปไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ สายตาคู่นั้นเหมือนโซ่ที่มองไม่เห็นที่ล่ามสายตาฉันให้ละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย ฉันมองเห็นผู้ชายที่โดนบีบคอดีดดิ้นอย่างกระวนกระวายราวกับจะขาดใจ แต่ทว่าเสี้ยววินาทีที่ลมหายใจเกือบจะหมดปอดร่างหนาก็ถูกโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี "ฮึก.." เหงื่อซึมออกมาผ่านฝ่ามือร้อนกรุ่นของฉันที่กำลังกำหูถุงเซเว่นเอาไว้แน่น ลมหายใจเหมือนจะติดขัดอยู่ไม่น้อยที่เห็นผู้ชายคนนั้นกำลังก้าวสามขุมมาหากันอย่างไม่ลังเล "ยะ อย่า เข้ามานะ.." เพราะกลัวมากจนไม่รู้วิธีการต่อกรอย่างถูกต้อง ฉันคิดอะไรไม่ออกเพราะหัวสมองมันอื้อและมึนทึบไปจนหมดแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการวิ่งหนีไป หนีสุดความสามารถที่มีอยู่โดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองผู้ชายน่ากลัวที่ใคร ๆ ต่างเรียกเขาว่า 'เคียร์' อีกต่อไป ปัจจุบัน เหมือนฉันจะหายใจผิดจังหวะจนระบบหัวใจทำงานรุนแรงมากขึ้น มันสูบฉีดเลือดอย่างรุนแรงจนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหน้ามืดตามัว เขารู้ชื่อฉัน เขายืนจ้องหน้าฉันแล้วเดินมาเรียกชื่อกันใกล้ ๆ หลังจากที่ฉันไปเห็นเขาทำร้ายผู้ชายสามคนด้วยมือเขาเพียงคนเดียว เขาเป็นผู้ชายอันตรายที่เด็กโง่ ๆ อย่างฉันไม่ได้อยากเข้าไปเกี่ยวพันด้วยเลยสักนิด ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาจะดักตีหัวฉันแล้วทำร้ายฉันเหมือนที่ทำร้ายพี่ ๆ สามคนนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ เครียดไปหมดแล้ว ฮืออ "แล้ววันนี้จะกล้ากลับทางนั้นได้ยังไงเล่า" ฉันพึมพเสียงแผ่ว ทางกลับบ้านก็มีอยู่ทางเดียวมันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยจริง ๆ ตอนนี้แม่ก็กลับไปแล้วยังไงฉันก็ต้องกลับบ้านคนเดียวอยู่ดี ทั้งกลัว ทั้งเครียด ทั้งอยากร้องไห้ ทุกอย่างปะปนกันจนทำตัวไม่ถูกแล้ว Rrtt เฮือก!! เสียงเรียกเข้าจากมือถือทำให้ฉันที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองเป็นต้องสะดุ้งแล้วปล่อยให้ทัพพีร่วงหล่นใส่นิ้วเท้าจนปวดแสบขึ้นมาทันที ฉันสะบัดขาเล็กน้อยเพื่อคลายความแสบแล้วหยิบทัพพีขึ้นมาก่อนจะกดรับสายแม่ด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ "ว่าไงคะแม่" ในระหว่างที่กรอกเสียงคุยกับปลายสายฉันก็เดินเข้าไปล้างทัพพีตรงซิงค์ล้างจานที่อยู่ข้างใน " (วันนี้แม่กับพ่อไม่อยู่บ้านนะ พ่อเขาต้องเข้าไปตรวจงานที่โรงงานแม่เลยจะไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อเขาหน่อยนะ) " ทุกครั้งที่พ่อต้องทำงานค้างคืนจะมีแม่คอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ แม่ไม่ค่อยอยากให้พ่อทำงานคนเดียวเพราะห่วงปัญหาทั้งสุขภาพและความปลอดภัย พ่อค่อนข้างพักผ่อนน้อยแม่เลยเป็นห่วงเพราะบริษัทที่พ่อดูแลจะต้องมีการเข้าโรงงานบดเนื้อไก่และเนื้อวัวเพื่อแพคขาย แม่กลัวพ่อจะเหม่อลอยเลยเข้าไปดูแลและคอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ จะได้เบาใจ "อ้อ ค่ะแม่ ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ" " (จ๊ะลูก ไนท์เองถ้าถึงบ้านแล้วล็อกประตูให้ดีเข้าใจมั้ย? ถ้ามีคนแปลกหน้ามาหาไม่ต้องเปิดประตูให้เข้ามานะลูก) " "ค่ะแม่" ตกปากรับคำกับแม่เสร็จแม่ก็กดวางสาย ส่วนฉันก็ถอนหายใจเพราะเป็นกังวลมากขึ้นกว่าเดิมเพราะกลัวว่าถ้าพี่คนนั้นคิดจะทำร้ายกันจริง ๆ ฉันจะวิ่งไปหาใครได้เพราะตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยสักคน ฮืออ อันตราย อันตรายมากจริง ๆ แต่สุดท้ายทางเลือกที่ไม่ได้มีตั้งแต่แรกก็ทำให้ฉันต้องรีบส่าวเท้าเดินเร็วที่สุดในชีวิตเมื่อต้องผ่านซอยที่เมื่อคืนบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า "มีใครเคยบอกมั้ยว่าเดินคนเดียวบนถนนในตอนกลางคืนมันอันตราย" "เฮือกก!" สุ้มเสียงนุ่มลึกทำให้ฝีเท้าหยุดชะงักราวกับมีคนมากดปุ่มหยุดเดินเอาไว้ ตัวฉันแข็งทื่อทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับผู้ชายที่ยืนพิงหลังอยู่กับผนังหน้าซอยที่เมื่อคืนฉันเห็นเขารุมทำร้ายคนอื่นอยู่ ไม่สิ.. เขาคนเดียวแต่คนพวกนั้นสามคน เขาจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่สุดแสนจะคาดเดายากพลางพ่นควันบุหรี่ออกจากปากจนควันสีขาวคละฟุ้งไปทั่วอากาศ ผู้ชายคนนี้.. คิดจะดักตีหัวฉันอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ด้วย Talk พี่อย่าพึ่งดุดัน น้องกลัววว ครบ 5 เม้นมาอัปน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD