3 ผู้จัดการบาร์

1944 Words
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขมจิรา เทวานฤเบศร์ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตที่พังพินาศเหมือนตึกถล่มลงตรงหน้าเธอ จะมีจุดหักเหที่ทำให้เธอสามารถ ยืน ได้ใหม่อีกครั้ง ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่หรูหรา ไม่เป็นที่รู้จัก และไม่ต้องแบกรับภาพจำของ “นักร้องดังผู้แย่งสามีชาวบ้าน” ไว้ให้จุกอกอีกต่อไป ตอนนี้เธอเป็น “ผู้จัดการบาร์” ในสถานบันเทิงหรูใจกลางเมืองเชียงใหม่ บาร์ลับสำหรับลูกค้าระดับ VIP ที่เปิดเฉพาะสมาชิกเท่านั้น ไม่มีป้าย ไม่มีโฆษณา มีแค่ประตูเหล็กสีดำด้านกับยามใส่สูทสีกรมท่าที่ยืนตัวตรงไม่พูดไม่จา และเธอ คือคนที่ทุกอย่างในร้านขึ้นตรงต่อ “ถ้ามีอะไรให้เปลี่ยน ให้ตัด ให้สั่ง ให้ไล่ หรือให้แต่ง พี่เขมตัดสินใจได้หมดเลยนะคะ” ของขวัญบอกไว้แบบนั้นในวันแรกที่พาเธอมาดูร้าน และเจ้าของร้านเองก็รับรองอีกเสียง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เธอเป็นผู้จัดการเต็มตัว ไม่ใช่แค่ตำแหน่งบนกระดาษ แต่ลงมือทำงานจริงแบบทุกกระเบียดนิ้ว หน้าที่ของเธอ เริ่มตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ตก บาร์จะเปิดตอนหกโมงเย็น แต่เขมจิราจะเข้ามาถึงร้านตั้งแต่บ่ายสอง ในชุดเดรสเชิ้ตสีเข้ม ผมมัดรวบหลวม ๆ พร้อมสมุดจดเล่มเล็กกับไอแพดที่กลายเป็นคู่หูของเธอไปแล้ว เธอเริ่มต้นวันด้วยการประชุมทีมงาน เช็กพนักงานหน้าบาร์ พนักงานเสิร์ฟ เด็กยกขวด และฝ่ายครัว รวมถึงวงดนตรีที่เธอเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเอง “คืนนี้มีลูกค้ากลุ่มคุณสหพลมาสองโต๊ะ กลุ่มคุณหญิงพรชิตาโต๊ะใหญ่พิเศษ คนในวงการทั้งนั้นนะทุกคน อย่าให้มีอะไรสะดุดเด็ดขาด” ทุกคนฟังเธออย่างตั้งใจ เขมจิราไม่ได้ตะโกน ไม่ได้ใช้อำนาจ แต่เสียงของเธอมีน้ำหนัก มั่นใจ และน่าฟัง สะท้อนชัดจากประสบการณ์ของคนที่เคยอยู่หน้าเวทีใหญ่ที่สุดในประเทศมาแล้ว เธอเช็กโต๊ะ เช็กแสง เช็กเสียง เช็กเครื่องดื่มใหม่ที่เพิ่งมาเข้า และยังมีเวลาเดินไปที่ครัวเพื่อชิม เมนูพิเศษ ที่เธอครีเอตร่วมกับเชฟ ค็อกเทลจากลำไยอบแห้ง น้ำโซดากุหลาบ และวอดก้าท้องถิ่นแบบอินฟิวส์เองในร้าน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเมนูฮิตของร้านไปแล้ว เมื่อร้านเปิด โลกของเธอก็เริ่มหมุน เขมจิรายืนอยู่หลังเคาน์เตอร์กลางร้าน ตรงที่ที่สามารถมองเห็นลูกค้าได้ทั่วห้อง เธอพูดคุยกับแขกอย่างนอบน้อมแต่ไม่ประจบ เสน่ห์ของเธอคือ ความจริงใจแบบหรูหรา ที่แปลกประหลาดจนลูกค้าหลายคนจำได้ไม่ลืม “พี่เขมครับ ผมกลัวว่าโต๊ะ B จะทะเลาะกัน” เขมจิราเดินไปเอง ยืนห่างพอให้ไม่รบกวน แล้วส่งสัญญาณให้เด็กเสิร์ฟนำ ชาชงพิเศษ ไปวางบนโต๊ะฟรีหนึ่งชุด พร้อมกระซิบสั้น ๆ กับพนักงานว่า “บอกว่าทางร้านขอขอบคุณที่มาใช้บริการ แล้วเสนอให้ย้ายไปห้องส่วนตัวฟรี เผื่อพวกเขาอยากคุยเรื่องธุรกิจ” สถานการณ์ที่เกือบจะบานปลาย กลับคลี่คลายด้วยรอยยิ้ม ทุกอย่างเหมือนคอนเสิร์ตใหญ่ ที่เธอคือคนควบคุมโชว์เบื้องหลัง เขมจิราไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของร้านเลยสักครั้ง ถึงจะได้รับอำนาจเบ็ดเสร็จในการดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ บัญชีเงินเดือน ไปจนถึงการตัดสินใจเรื่องดีไซน์ร้านและกลยุทธ์การตลาด แต่เจ้าของร้านก็ยังคงเป็นปริศนา เธอได้รับการติดต่อจากอีกฝั่งเพียงผ่าน “ข้อความ” ที่ส่งมาตรง ๆ ไม่เคยมีอีโมจิ ไม่มีคำพูดเล่น ไม่มีชื่อ ไม่มีรูปโปรไฟล์ มีเพียงถ้อยคำกระชับและเฉียบคม “หากคุณทำร้านนี้ขึ้นอันดับหนึ่งในเชียงใหม่ได้ภายใน 6 เดือน ฉันจะให้คุณถือหุ้น 40%” ประโยคสุดท้ายถูกส่งมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เขมจิราอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่นาน ก่อนจะนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟาหนังแท้ในห้องทำงานเล็ก ๆ หลังบาร์ ไม่มีชื่อ ไม่มีลายเซ็น ไม่มีร่องรอยของความเป็นเจ้าของใด ๆ ทิ้งไว้เลยนอกจากเสียงข้อความในไลน์ที่ปรากฏทุกเช้าและดึกสลับกัน เงื่อนไขนั้นไม่ใช่แค่เงิน แต่มันคือโอกาส หากเธอทำสำเร็จ เธอจะกลายเป็นเจ้าของสถานบันเทิงอันดับหนึ่งในเชียงใหม่ จากคนที่เคยถูกแบนทั้งประเทศ กลับมายืนได้ใหม่ ด้วยสองมือของตัวเอง ไม่ต้องร้องเพลง ไม่ต้องใช้ชื่อเสียงเก่า ไม่ต้องแบกอดีต และเธอกำลังไปได้ดี จากร้านโนเนมที่เพิ่งเปิดมาได้แค่ปีกว่า ตอนนี้ขึ้นอันดับ 3 จากการจัดอันดับบาร์ยอดนิยมของกลุ่ม Influencer ด้านไลฟ์สไตล์ประจำภาคเหนือ ทั้งในด้านยอดขาย ความพึงพอใจของลูกค้า และความต่อเนื่องของแบรนด์ ตอนนี้บาร์ที่ติดอันดับ 1 และ 2 เป็นของ “คุณสิงห์” เจ้าพ่อวงการสถานบันเทิงที่ครอบครองธุรกิจไนต์ไลฟ์ทั่วภาคเหนือมานานเกือบสองทศวรรษ เขาเปิดบาร์หลายประเภท ตั้งแต่แนวแอนเดอร์กราวนด์ไปจนถึงรูฟท็อปบาร์หรู เพื่อเจาะทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับรายได้ เขมจิรารู้ดีว่าศึกนี้ไม่ง่าย แต่เธอไม่เคยสู้เพราะง่าย หน้าที่ของ “ผู้จัดการบาร์” ในบาร์ลับสำหรับ VIP นั้น ไม่มีคู่มือ ไม่มีสูตรตายตัว ทุกวันคือการวางกลยุทธ์ใหม่เพื่อคุมเกมของค่ำคืนให้อยู่หมัด เธอจัดการทุกอย่างเอง ทีมงาน เขมจิราปรับระบบการทำงานใหม่ทั้งหมด จากพนักงานที่เคยทำงานตามสัญชาตญาณ กลายเป็นทีมบริการแบบมืออาชีพ ที่ไม่ต้องพูดเยอะ แต่เข้าใจลูกค้าในสามวินาทีแรกที่ก้าวเข้าร้าน บัญชีและการเงิน เธอสร้างระบบโปร่งใส ตรวจเช็ครายรับรายจ่ายทุกวัน ลงรายละเอียดแม้กระทั่งค่าส้มผิวบางที่ใช้ประดับค็อกเทล การตลาด เธอออกแบบโปรโมชั่นเฉพาะกิจรายสัปดาห์ เช่น “Wine & Whispers Night” หรือ “Single, Not Sorry” ที่สร้างยอดขายโตขึ้นเกือบ 30% ในเดือนเดียว คอนเซปต์ร้าน แสงไฟแต่ละหลอด เสียงเพลงแต่ละโน้ต เมนูเครื่องดื่มแต่ละแก้ว ล้วนต้องเล่า “เรื่องราว” ของค่ำคืนนั้น เธอผสานศิลปะการแสดงเข้ากับงานบริการจนบาร์กลายเป็น ‘เวที’ ขนาดย่อม ที่ผู้คนกลับมาเพราะ “ความรู้สึก” ไม่ใช่แค่รสชาติ เธอรู้ว่าร้านคู่แข่งอย่าง ONYX ของคุณสิงห์ มีทุนหนา มีฐานแฟนประจำ และมีทีมโปรดิวเซอร์มือทองที่ปั้นทุกค่ำคืนให้เหมือนแฟชั่นโชว์ในกรุงเทพ แต่เขมจิราไม่ได้จะสู้ด้วยการลอกเลียนแบบ เธอกำลังสร้าง ประสบการณ์ที่ไม่มีใครกล้าทำ ด้วยทุนจำกัดแต่หัวใจไม่จำกัด และเธอก็รู้ เขาหรือว่าเธอ เจ้าของบาร์ลึกลับที่ไม่เคยเปิดเผยตัวตน ก็กำลังจับตามองเธออยู่ทุกวัน สี่ทุ่มตรง บรรยากาศของบาร์หรูกลางเมืองเชียงใหม่กำลังไต่จังหวะขึ้นสู่ช่วงที่คึกคักที่สุดของคืน แสงไฟนวลอบอุ่นสลับแสงสลัวจากเชิงเทียนสีอำพันพร่าไหวอยู่เหนือโต๊ะรับแขก VIP แทบทุกโต๊ะถูกจับจองเต็ม เหล่าลูกค้าระดับสูงทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ในคืนวันศุกร์ที่เต็มไปด้วยคนหลากหลายฐานะและความลับ “คุณโปรดมาค่ะพี่เขม” เสียงกระซิบจากลูกน้องประจำโซน VIP ซ้ายมือ ทำให้เขมจิราที่กำลังตรวจเช็คเครื่องเสียงตรงปลายบาร์ชะงักกึกในวินาทีเดียว หญิงสาวเงยหน้าขึ้น และมองตามทิศที่เด็กคนนั้นชี้ ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ซ่อนหุ่นสูงสมส่วนไว้ใต้สูทลำลองราคาแพง เดินเข้ามาคนเดียว เขาหล่อเหลาราวกับภาพวาดของจิตรกรเมืองน้ำหอม แต่ใบหน้ากลับอ่อนล้า และเปล่าเปลี่ยว เขาไม่ใช่แค่ลูกค้า เขาคือ คุณโปรด วิรงคพิทักษ์ ชายผู้ซึ่งเขมจิรารู้ดีว่า เขาไม่เคยแวะบาร์ไหนนอกจากร้านประจำของตัวเอง แล้วทำไมคืนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่? “ต้อนรับเขาให้ดี” เขมจิราสั่ง ก่อนจะหันกลับมาเช็คระบบเสียงต่อ กลบความสั่นไหวที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา คุณเปรม กับ คุณปลื้ม และคุณเหนือ ก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ทั้งสามทักทายคุณโปรดด้วยสีหน้าที่บอกชัดว่ารู้กันอยู่ก่อนแล้วว่าจะมาเจอกันที่นี่ ก่อนจะเลือกมุมนั่งแบบกึ่งส่วนตัวที่สุดในโซน VIP ใกล้เวที เขมจิราทำเพียงมองผ่าน ๆ จากมุมมืดด้านในสุดของบาร์ เธอไม่เข้าไปต้อนรับ ไม่เข้าไปพูด ไม่แม้แต่จะเดินเฉียดเข้าใกล้ แต่ภายในใจกลับไม่หยุดสั่น เพราะยังเหลืออีกหนึ่งคน คนที่เธอภาวนาอย่างที่สุดว่าเขาจะไม่มา “อย่ามาเลย” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะเดินเข้าไปตรวจโซนครัว แล้วขยับลิปสติกหน้ากระจกเล็กในห้องพักของพนักงาน คุณปราบ แฟนเก่าที่เธอเคยรัก เคยฝากหัวใจไว้ให้ และเคยยืนร้องไห้บนถนนในลอนดอนเพราะเขา คนที่เธอไม่กล้าสู้หน้าอีกต่อไป ในสภาพแบบนี้ แม้เขมจิราจะแต่งตัวสวยทุกคืน แต่งหน้าเรียบหรู และมีมาดผู้จัดการบาร์หรูเต็มตัว แต่ข่าวฉาวที่ตามหลอกหลอนเธอ ก็ยังคอยดึงศักดิ์ศรีเธอลงสู่ดิน ไม่ว่าเธอจะพยายามปีนกลับขึ้นมาแค่ไหน เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง แขกวีไอพีโต๊ะนั้นยังคงนั่งกันอยู่สี่คน ไม่มีใครคนที่ห้าไม่มีคุณปราบ เขมจิราหลับตาแผ่วเบา “เขาคงไม่มาแล้ว” เธอถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องสต๊าฟ ขึ้นเวทีไม้เล็ก ๆ ที่มีแสงไฟสาดเบาในมุมหนึ่งของร้าน ถึงเวลาของ เธอ แล้ว ผู้หญิงที่เคยเป็นดาว ผู้หญิงที่ลูกค้าจำหน้าได้แทบทุกคน แต่ไม่มีใครกล้าทักด้วยคำว่า “คิดถึงผลงานคุณนะ” มีแต่คำถามซ้ำซากว่า “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” “ไม่อายเหรอ?” “แล้ว…เธอขายตัวจริงมั้ย?” บางคนก็ไม่พูด แต่จ้องเธอด้วยสายตาเหยียด ๆ เหมือนเป็นมลทินบนพรมแดงของบาร์ บางคนกลัวจนกระทั่งหลีกเลี่ยงไม่ให้สามีของตัวเองมองมาที่เวทีเลย แต่เธอขึ้นมาทุกคืน ร้องเพลงทุกคืน ไม่ใช่เพราะอยากโชว์ตัว แต่เพราะเพลงคือที่พึ่งเดียวของหัวใจ คือเครื่องเตือนตัวเองว่า เธอยังหายใจอยู่ เธอเลือกเพลงเศร้าสากลทั้งหมด ไม่มีเพลงของตัวเอง ไม่มีความเป็น “เขมจิรา นักร้องดาวรุ่ง” คนเดิมอีก มีเพียงเสียงที่สั่นในบางถ้อยคำ และแววตาที่หลุบต่ำในทุกท่อนของความทรงจำ ท่ามกลางแสงสี และเสียงดนตรีที่โอบล้อมบาร์หรูอย่างอ่อนหวาน เขมจิรา เทวานฤเบศร์ หญิงสาวที่เคยมีพร้อมทุกอย่าง กำลังยืนร้องเพลงบนเวทีด้วยหัวใจที่เหมือนกระจกบานเก่า เปื้อนฝุ่น แตกบิ่น แต่ยังตั้งอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมร่วงลง และเธอไม่รู้เลยว่า ภายในเงามืดของโซน VIP ที่เธอไม่กล้ามองเข้าไปอีก มีใครคนหนึ่ง เพิ่งเดินเข้ามาเงียบ ๆ กำลังมองเธอจากระยะไกล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD