4 กลับไปเป็นตัวเอง

1740 Words
เสียงเปียโนดังขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางแสงสลัวในบาร์หรูใจกลางเชียงใหม่ เสียงเปียโนที่ฟังราวกับมีใครกำลังปล่อยหัวใจตกจากตึกสูงช้า ๆ ตามมาด้วยเสียงร้องของหญิงสาวบนเวที ที่แผ่วเบาในตอนต้น ราวกับเสียงกระซิบของคนที่แทบไม่มีแรงจะพูด แต่กลับค่อย ๆ ทวีความเจ็บปวดในทุกคำร้อง “อย่าถามเลย ว่าฉันเป็นยังไง เพราะเธอคงรู้ ว่าฉันไม่เหลืออะไร” ร้านทั้งร้านเงียบกริบ ไม่มีแม้เสียงกระซิบจากโต๊ะใด ทุกคู่ตาเงยขึ้นมองไปที่หญิงสาวบนเวที เสียงร้องของเธอกำลังทำให้คนฟังทุกคนรู้สึกเหมือนมีอะไรบีบคอแน่น เขมจิราในชุดเดรสสีดำเรียบ ไม่มีเครื่องประดับใด ไม่มีรอยยิ้มบนริมฝีปาก มีเพียงดวงตาที่แดงก่ำและเสียงร้องที่เหมือนมาจากบาดแผลลึกเกินเยียวยา แสงไฟตกกระทบเสี้ยวหน้าที่ทั้งสวย ทั้งหม่นเศร้า เหมือนภาพจากหนังที่ฉายซ้ำในหัวของใครบางคน ที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามา เสียงเปิดประตูบาร์ดังขึ้น “เขา” ก้าวเข้ามาพร้อมกลิ่นของน้ำหอมที่เขมจิรารู้จักดี แม้เธอจะไม่ได้หันไปมอง คุณปราบเดินไปนั่งกับกลุ่มของคุณโปรด ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ไม่ทันไร ธัญญาก็ตามเข้ามาในชุดเดรสสีขาว เธอยิ้มหวานก่อนจะเกาะแขนคุณเหนือแน่น “นั่นพี่เขมไม่ใช่เหรอคะ?” ทุกสายตาที่โต๊ะหันไปยังเวทีในวินาทีนั้น เสียงร้องที่ยังคงดำเนินอยู่ไม่ได้แค่บาดหัวใจคนแปลกหน้า แต่กำลังบาดลึกในใจของ “คนรู้จัก” “จริงด้วย เขมจิรามาทำอะไรที่นี่” “จากข่าวเมื่อเดือนก่อน ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พี่เขาจะมาโผล่ที่นี่ ดูท่าคงไม่มีที่ไปแล้วมั้ง ถึงได้ผันตัวมาเป็นนักร้องกลางคืน เห็นว่าหมดตัว แถมเป็นหนี้อีก จากหงส์ฟ้ากลายเป็นอีกาในชั่วข้ามคืน เป็นแบบนี้เองสินะคะ” คำพูดนั้นเหมือนมีดเล่มเล็กกรีดกลางโต๊ะ บาดใจทุกคน แม้จะไม่มีใครเอ่ยค้าน คุณเปรมมองหน้าธัญญา ก่อนจะถอนหายใจ “ญา พี่ว่าอย่าพูดเหยียบคนล้มแบบนี้เลย ยังไงเขมก็เพื่อนพวกพี่นะ” “ญาลืมไปเลยค่ะ ว่าพี่ปราบเคยคบกับพี่เขมนี่นา ยังไงเขาก็คงไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอก เพราะอีกนิดก็จะได้เป็นพี่สะใภ้ญาอยู่แล้ว” ประโยคนั้นทำให้มือของคุณปราบที่วางอยู่บนโต๊ะแข็งเกร็งขึ้นนิดหนึ่ง แต่เขาไม่พูดอะไร นอกจากยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ แล้วเหม่อมองไปยังเวที เวลานั้นเองที่ธีรัชเดินเข้ามาพร้อมของขวัญและเจ้าเอย “อ้าว บังเอิญจังเลยครับ พวกพี่ก็มาที่นี่กันเหรอ ผมนึกว่าจะดื่มแค่บาร์ตัวเองซะอีก” “ธี นายก็มาที่นี่บ่อยเหรอ มานั่งด้วยกันสิ” คุณปลื้มเอ่ยชวน และพวกเขาทั้งสามก็เข้ามานั่งด้วย บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด “ตั้งแต่พี่เขมมาเป็นผู้จัดการที่นี่ บาร์นี้ก็คนแน่นขึ้นเยอะเลยครับ แค่เดือนเดียวก็ติดท็อป 3 ของเชียงใหม่แล้วนะ” “เขมเป็นผู้จัดการที่นี่งั้นเหรอ?” คุณเปรมถามอย่างประหลาดใจ “ใช่ค่ะ” ของขวัญพูดเสียงเรียบ “ขวัญแนะนำพี่เขมเอง อีกไม่นานเขาจะได้เป็นผู้ถือหุ้นที่นี่แล้วนะ สุดยอดไปเลยใช่ไหม พี่เขมก็คือพี่เขม อยู่ที่ไหนพี่เขาก็ยังเป็นดาวเด่นอยู่เสมอ” ทุกคนยังไม่ทันพูดอะไร เสียงสุดท้ายของเพลงก็ดังจบลง พร้อมเสียงปรบมือที่ลั่นไปทั้งร้าน เขมจิราโค้งให้ผู้ฟัง แล้วเดินลงจากเวที ดวงตาของเธอกวาดมองหากลุ่มคนที่เพิ่งมาถึง สายตาของเธอเจอกับดวงตาคู่หนึ่ง คนที่เธอหวังว่าเขาจะไม่มา แต่เขาก็มาจนได้ “เราเรียกพี่เขมมานั่งด้วยกันดีไหมคะ?” ธัญญาหันไปบอกพนักงานเสียงหวาน และไม่นานนัก เขมจิราก็มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา “เรียกฉันมามีอะไรงั้นเหรอคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง มือจับผ้ากันเปื้อนแน่นเหมือนพยายามยึดสติ “คืนนี้พี่เขมนั่งกับพวกเราสิคะ หรือว่าต้องจ่ายเงินซื้อพี่ถึงจะมานั่งดื่มกับพวกเราได้?”คำพูดที่เหมือนตบหน้าตรง ๆ ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนเงียบ “พี่ญา ช่วยมีมารยาทหน่อยนะครับ” ธีรัชปราม “หยุดไปเลยธี ฉันเป็นพี่สาวนาย” เขมจิราหลับตา สูดหายใจ แล้วตอบเสียงเรียบ “ได้สิคะ การให้บริการลูกค้า เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว” เธอก้มหน้าลง ก่อนจะเริ่มเสิร์ฟน้ำแข็งและเหล้าให้ทุกคน มือที่เทเหล้าแทบไม่สั่น แต่ดวงตากลับเริ่มแดงขึ้นทุกที เสียงน้ำแข็งกระทบแก้วเบา ๆ ดังสลับกับความเงียบ ไม่มีใครสบตาเธอ ไม่มีใครพูดอะไร แม้แต่คุณปราบที่เพียงนั่งนิ่ง มองแก้วในมือ แล้วจู่ ๆ ก็เอื้อมมือมาจับข้อมือของเธอที่กำลังเทเหล้าให้เขา “ออกไปกับผม” เขาพูดแผ่ว แต่หนักแน่น เขาพาเธอเดินออกมาจากโต๊ะ โดยไม่สนใจใครทั้งร้าน จนมาหยุดที่มุมด้านหลังใกล้ห้องน้ำ เขมจิราสะบัดมือออก “คุณจะทำอะไร?” “คุณคิดจะทำอะไรของคุณเขม?” เขาถามกลับทันที “ทำงานไงคะ นี่งานของฉัน” เธอตอบรวดเร็ว น้ำเสียงปกติ แต่แววตาสั่น “คุณไม่มีศักดิ์ศรีเลยเหรอ คุณที่ผมรู้จักไปไหน?” เขมจิรายิ้มเยาะกับคำพูดนั้น “คนเดิมงั้นเหรอ? ถ้าเธอที่คุณพูดถึงยังมีอยู่ ก็คงตายไปนานแล้ว” น้ำตาเธอเริ่มไหล “ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาจะร้องไห้เสียใจด้วยซ้ำ ทุกนาทีของฉันมีค่ามาก ถ้าคุณพอใจแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ” หมับ! มือหนากำข้อมือเธอไว้อีกครั้ง “คุณทำไปเพราะเงินใช่ไหม งั้นเท่าไหร่?” “คุณจะจ่ายให้ฉัน?” “ใช่ บอกมาเถอะ ว่าต้องการเท่าไหร่ แลกกับการที่คุณจะหยุดทำแบบนี้ กลับไปเป็นคุณคนเดิม” “คุณรังเกียจฉันงั้นเหรอ?” “ไม่ใช่ แค่ไม่อยากเห็นคุณต้องก้มหัวให้ใครง่าย ๆ แบบนี้” “คุณจะให้ฉันฟรี ๆ งั้นเหรอ?” “ถ้าให้เฉย ๆ คนอย่างคุณจะรับไหมล่ะ? งั้นก็ทำอะไรสักอย่างให้ผมแล้วกัน” เธอเงียบ “อะไร?” “ทำในสิ่งที่ทำให้ได้แค่ผมคนเดียว” “จะให้ฉัน ใช้ตัวแลกเงินงั้นเหรอ?” เธอถาม เขาขยับเข้าใกล้ “ได้ไหมล่ะ อยู่กับผม มีแค่ผม แค่นี้ทำได้ไหม?” เขมจิรามองหน้าเขา “ยังรักฉันอยู่เหรอ?” “ไม่ เราไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น แค่ทำแบบที่คนอื่นทำกัน เอาไหม?” เขมจิราหัวเราะเบา ๆ ทั้งน้ำตา “ถ้าคุณอยากให้ฉันกลับไปเป็นคนเดิม งั้นคุณก็คงต้องปวดหัวหน่อยล่ะ เพราะคุณรู้ดีว่าฉันแสบขนาดไหน” เขายิ้มบาง ๆ “ผมก็มีวิธีรับมือกับความดื้อของคุณได้เสมอนั่นแหละ เขมจิรา” “งั้น...ก็เตรียมตัวรับมือให้ดีแล้วกัน” น้ำเสียงนั้นเย้ยหยันแผ่วเบา แต่แววตาของเธอกลับเร่าร้อนเกินจะต้าน คุณปราบมองเธอในระยะประชิด สายตาสีเข้มนั้นทั้งดุดันและอ่อนไหวอย่างอันตรายเขาไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงเพราะคำพูดของเธอ หรือเพราะความใกล้ชิดที่คุกคามความอดทนในอกเขาอยู่ เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้ ริมฝีปากอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่ถึงคืบ ลมหายใจของทั้งคู่ปะทะกันในช่องว่างที่สั่นไหวด้วยความทรงจำเก่า ๆ ที่ไม่เคยถูกลืม “รับฉันไปแล้ว ต้องเลี้ยงดูฉันให้ดีล่ะ” เขมจิรากระซิบเสียงเบา ก่อนที่สายตาเธอจะไหลวูบลงมองริมฝีปากเขาเพียงเสี้ยววินาที แต่นั่นก็เพียงพอจะจุดระเบิด คุณปราบคว้าหลังต้นคอของเธอไว้ด้วยฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างแน่นหนา แล้วดึงใบหน้าเธอเข้ามาประกบจูบลงไปอย่างแรง เป็นจูบที่ไม่มีการขออนุญาต ไม่มีการถามหาเหตุผล มีแต่ความรู้สึกที่ถูกกักขังมานานสิบกว่าปี และปลดปล่อยมันออกมาในวินาทีนั้น ริมฝีปากเขาบดเบียดเข้ากับของเธออย่างเร่าร้อน ลมหายใจแทบขาดห้วง เสียงหายใจสั่นเครือแผ่วเบาในลำคอของเขมจิราแทบจะกลืนหายไปกับแรงจูบ เธอผลักอกเขาเบา ๆ ด้วยความตกใจในเสี้ยววินาทีแรก แต่แทนที่จะผลักให้พ้น เธอกลับจิกนิ้วเข้ากับเสื้อเชิ้ตเขาแน่น และตอบกลับด้วยจูบที่ลึกซึ้งพอ ๆ กัน มันไม่ใช่จูบของคนที่เพิ่งกลับมาเจอกัน แต่มันคือจูบของคนที่เคยรู้จักกันทั้งร่างกายและหัวใจ จูบของคนที่ไม่เคยลืม และยังรู้ดีว่าอีกฝ่ายจูบยังไง ชอบให้แตะตรงไหนก่อน ชอบแรงแค่ไหน เธอครางในลำคอเบา ๆ เมื่อลิ้นของเขาสอดเข้ามาเกี่ยวพัน ขณะที่มือของเขาไล้ไปตามแนวเอวของเธออย่างล้ำลึกแต่ไม่หยาบคาย มือเธอเลื่อนขึ้นขยำเข้ากับเส้นผมด้านหลังของเขา ดึงเขาเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ใกล้จนแทบจะรวมเป็นคนเดียวกันอยู่กลางผนังหินด้านหลังบาร์ลับนั้น เวลาหยุดเดิน มีเพียงจูบที่เต็มไปด้วยแรงเสียดทานจากอดีตและความโหยหาในปัจจุบัน เขาถอนจูบออกมาอย่างเชื่องช้า ปลายจมูกยังแตะปลายจมูก ลมหายใจของทั้งคู่กระทบกันแผ่ว ๆ เหมือนจะเตือนว่า นี่คือสิ่งที่ควรจบ แต่ไม่มีใครอยากให้มันจบ “ผมไม่ควรทำแบบนี้” เขาพูดเบา ๆ เสียงพร่า “งั้นหยุดสิ” เธอท้า แววตาเร่าร้อนระคนหวั่นไหว “…” “แต่คุณหยุดไม่ได้หรอกปราบ เพราะคุณก็ยังต้องการฉันเหมือนเดิม” และเขาก็เงียบ เพราะมันคือความจริงทุกคำ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD