แฟ้มบัญชีรายรับรายจ่ายถูกวางกองอยู่ตรงหน้า มาเฟียหนุ่มหล่อที่เพิ่งจะฟื้นตัวแล้วกลับมาทำงานได้ไม่นาน หลังจากที่ต้องเสียคนที่ตัวเองรักให้กับเพื่อนรักที่กลายเป็นศัตรูไป
พายุ นั่งมองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านิ่ง พลางดูยอดเงินในแผ่นกระดาษที่แจ้งยอดค้างชำระมากกว่าสามสิบล้าน
“ไงมึง เล่นไม่รู้จักพอ สุดท้ายก็หาเงินมาใช้หนี้คืนกูไม่ได้”
“ผ ผมขอโอกาสได้ไหมครับ ผมจะพยายามหามาคืนให้คุณพายุครบทุกบาททุกสตางค์”
“มึงจะหามายังไง” เชิดหน้าเอ่ยถามเสียงเข้ม เขาชักเบื่อไอ้พวกผีพนันไม่รู้จักพออย่างพวกมันเสียจริง
“ผมขอกู้เพิ่มอีกก้อน จะได้เอาไปทำทุน คราวนี้ผมมั่นใจว่าผมต้องเล่นได้ ผมจะเอาเงินนั้นมาชดใช้หนี้ให้หมดได้แน่นอน” วันชัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ ทว่าคนที่ฟังรู้สึกเอียนเต็มทน
“กูคงไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของมึง หามาคืนกูให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ มึงก็เอาชีวิตมึงมาแลก” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกไปจากตรงนี้ทันที ไม่สนใจเสียงเรียกร้องอ้อนวอนของวันชัยเลยแม้แต่นิดเดียว
“ขวัญเป็นยังไงบ้าง?” เอ่ยถามลูกน้องคนสนิท น้ำเสียงที่คนฟังยังดูรู้ว่าเขากำลังเศร้ามากแค่ไหน
“เธอกำลังจะแต่งงานกับคุณกวินครับ”
พายุหลับตานิ่ง ข่มอารมณ์ตัวเองกับความเจ็บปวด ที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ของขวัญ (จากเรื่องเด็กเลี้ยงของศัตรู) เป็นผู้หญิงที่เขามั่นใจว่าเขาไม่มีทางจะหาใครมาแทนที่เธอได้ และไม่คิดอยากเอาใครเข้ามาแทน หากเขาไม่ได้เธอ เขายอมอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต
ร่างสูงนั่งยกแก้วเหล้าแกว่งมันเล่นไปมา สายตาจ้องมองไปยังน้ำสีครามในมหาสมุทรผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องทำงาน พระอาทิตย์กำลังตกดิน ท้องฟ้าสีครามกระทบกับน้ำทะเลสะท้อนให้แสงอาทิตย์สาดไปตามคลื่นน้ำส่งความสวยยามเย็น
“ทะเลยังไงก็น่าอยู่กว่าเขานะขวัญ ทำไมเธอถึงไม่เลือกที่จะชอบทะเลมากกว่าเขา”(ภูเขา) ความคิดถึงเกาะกินหัวใจเขาไปเกินครึ่ง หลับตาทีไรก็มองเห็นแต่ภาพเธอ มันทำให้การนอนของเขาในแต่ละวันไม่ได้รู้สึกว่าหลับเต็มอิ่มได้เลย
“พายุ พอได้แล้ว ดูสภาพตัวเองตอนนี้บ้าง ดูได้ที่ไหน?” อัญญิกา ผู้ที่เป็นเหมือนพี่สาวเดินเข้ามาดูอาการน้องชายตัวเอง
สองพี่น้องบ้านนี้ต้องพบเจอกับความผิดหวังที่เหมือนกันทั้งคู่ เธอเองก็เสียใจไม่ต่างไปจากเขาหรอก กวิน เขาคือผู้ชายที่เธอรักและเราเคยรักกัน(มาก) แต่ในเมื่อตอนนี้คนที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ เธอก็พร้อมที่จะปล่อยให้เขาได้ไปใช้ชีวิตแบบที่เขาต้องการ แม้จะรู้สึกโกรธที่เขาไม่เลือกเธอมากแค่ไหนก็ตาม
“ดูไม่ได้ก็ไม่ต้องดู ไม่ได้อยากให้ใครมาดูอยู่แล้ว” แต่ถ้าเป็นเธอก็ไม่แน่ แค่เธอหันมาสนใจหรือกลับมาดูใจสักหน่อย สาบานว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เธอไปไหนอีกเลย
“มีสติหน่อยพายุ แค่ผู้หญิงคนเดียว อย่าทำให้ตัวเองต้องไร้ค่าขนาดนี้ได้ไหม”
“เออ! ผมแม่งโคตรไร้ค่าเลยว่ะ ดูแลเขารักเขามาเป็นปี แต่สุดท้ายก็ถูกหมาคาบไปแดก หึ!” พูดแกมประชดตัวเอง น้ำตาไหลแต่ปากยังยิ้มได้ ตลกชีวิตตัวเองฉิบหาย
“ถ้าขวัญจะรัก ขวัญรักไปนานแล้ว แต่เพราะขวัญไม่เคยรักยุเลยต่างหาก ยุเลยไม่ใช่คนที่ขวัญเลือก” เหมือนที่เธอไม่ใช่นั่นแหละ
“จะย้ำกันให้ตายจริงๆเลยใช่ปะ รู้แล้วว่าแพ้ รู้แล้วว่าไม่มีทางได้เธอคืนมาแล้ว เข้าใจแล้ว เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว!” กระแทกเสียงตอบกลับประชดประชัน เขารู้แล้ว รู้อยู่เต็มอก จะย้ำอะไรนักหนา เจ็บเป็นเหมือนกันเว้ย ทรมานจนแทบขาดใจตายอยู่แล้ว
อัญญิกายังต้องขอยอมแพ้ เธอไม่สามารถปลอบหรือเอาพายุกลับคืนมาได้แล้ว คงต้องรอให้พายุกลับมาได้ด้วยตัวเอง เข้าใจว่าคนกำลังอกหัก มันคงต้องใช้เวลา
คุณหมอสาวประจำตระกูลเดินออกมาจากห้องทำงานของพายุ กำลังจะเดินกลับไปยังห้องทำงานตัวเอง ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตัวบ้าน เสียงโหวกเหวกโวยวายหน้าบ้าน เรียกให้เธอต้องเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่มันอะไรกัน”
“คุณอันครับ ผมพยายามไล่มันกลับไปแล้ว แต่มันยังยืนยันที่จะขอพบนายให้ได้”วอสก้าเอ่ยปากบอกคุณหมอสาว ที่เป็นเหมือนเจ้านายตัวเองอีกคน
“จะขอพบพายุเรื่องอะไร แล้วนี่ทำไมการคุ้มกันถึงหละหลวมได้ขนาดนี้” ปกติแล้วที่นี่ไม่เคยปล่อยให้คนนอกได้เข้ามาถึงด้านใน แต่วันนี้กลับปล่อยให้คนไม่รู้จักเข้ามาถึงในตัวบ้าน
“ขอโทษครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้อีกที”
“วันนี้ยุไม่น่าจะพร้อมรับแขก ลากมันออกไปแล้วกัน” พูดจบหมอสาวก็หมุนตัว เตรียมเดินหันหลังไปยังห้องทำงานของตัวเอง
“ผมขอร้อง ผมมีข้อเสนอมาชดใช้หนี้ที่ผมติดอยู่ ได้โปรดให้โอกาสผมสักนิด”
“พรุ่งนี้มึงค่อยไปพบนายที่คาสิโน วันนี้มึงกลับไปก่อน พวกมึงลากมันออกไป มัวยืนทำเหี้ยอะไรกันอยู่” วอสก้าเอ่ยปากด่าลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ
ลูกน้องทำตามคำสั่งเป็นอย่างดี โดยการลากวันชัยออกมาโยนทิ้งอยู่หน้าประตูบ้าน ชายวัยกลางคนตะโกนขอร้องและอ้อนวอนหวังจะให้เสียงดังไปถึงข้างใน ทว่ากลับไร้ประโยชน์เพราะทางเข้าไปจนถึงตัวบ้าน ระยะทางห่างกันมากกว่า 2 กิโลเมตร ไม่มีทางที่เสียงของเขาจะดังไปถึงเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่ด้านใน
“ไอ้พวกมาเฟียหน้าเงิน ตอนอยากได้เงินพากันพูดดีบอกจะให้กูทำทุนได้ไม่อั้น กูแค่เล่นเสียนิดๆหน่อยๆ แค่กูขออีกก้อนไปทำทุนต่อเสือกทำเป็นหวง ไอ้พวกเหี้ย หมาไม่จนตรอก มันไม่เคยหยุดดิ้นหรอกเว้ย!!”
วันชัยตะโกนด่าจนสุดเสียง ด่าอย่างคนทำอะไรไม่ได้ ด่าอย่างคนไร้ความรู้สึกผิด
หลังจากที่เดินทางไปเจรจากับเจ้าหนี้ด้วยความทุลักทุเล เพราะตอนนี้ทั้งรถทั้งบริษัททั้งข้าวของทุกอย่าง วันชัยได้ขายเพื่อใช้หนี้เงินกู้นอกระบบไปเรียบร้อยแล้ว เหลือก็เพียงแต่บ้านหลังนี้เท่านั้นที่มันยังเหลืออยู่ เพราะโฉนดมันไม่ใช่ชื่อเขา
“แม่คะ อาทิตย์หน้าหนูไปทำงานที่ต่างจังหวัดนะคะ น่าจะใช้เวลาประมาณสองถึงสามวัน”
“ไปอีกแล้วเหรอลูก เหนื่อยไหม? แม่ขอโทษนะ ที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย”ดลฤดีก้มหน้าน้ำตาคลอ เธอสงสารลูกสาวตัวน้อยของเธอเหลือเกิน ทว่าเธอก็ไม่สามารถยื่นมือช่วยอะไรเธอไปมากกว่านี้ เพียงเพราะว่าเธอเดินไม่ได้ ทุกวันนี้ยังต้องนอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง จะเดินจะลุกทีก็เป็นภาระให้กับคนอื่นไปหมด
“ไม่เป็นไรเลยค่ะแม่ หนูทำทุกอย่างเพื่อแม่ของหนูได้อยู่แล้ว”
ดาวเสาร์ สาวน้อยผู้ดิ้นรนชีวิตด้วยการทำงานมาตั้งแต่เด็ก ชื่อนี้เป็นชื่อที่พ่อของเธอตั้งให้ เพียงเพราะเธอเกิดวันเสาร์ และตอนที่เธอเกิดก็เป็นช่วงที่เกิดปรากฏการณ์เสาร์ห้าขึ้นมาพอดี พ่อของเธอเลยตั้งชื่อให้เธอว่าดาวเสาร์ เพื่อที่จะได้แข็งแกร่งและไม่มีใครสามารถทำอะไรเธอได้ เหมือนอย่างดาวเสาร์ที่มีวงแหวนล้อมรอบ เธอเองก็มีคนดีๆที่คอยอยู่ล้อมรอบตัวเธออยู่เหมือนกัน อย่างเช่นแม่ของเธอในตอนนี้ หากวันนั้นไม่เกิดอุบัติเหตุกับแม่จนทำให้แม่ของเธอเดินไม่ได้เสียก่อน ทุกวันนี้เธอคงจะไม่ต้องลำบากทำงานหาเงิน และเรียนไปด้วยถึงขนาดนี้
“มัวแต่ทำตัวไร้ประโยชน์กันอยู่นั่น คนหนึ่งก็นอนอย่างเดียวไม่เคยช่วยหาเงิน อีกคนก็หาเงินมาได้ไม่เคยพอในแต่ละวัน โธ่เว้ย! เฮงซวย!!”
เสียงเข้มตวาดเสียงดังตั้งแต่ที่เข้ามาในบ้าน ดาวเสาร์หันไปมองเพียงแค่หางตา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเลือกที่จะเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารให้กับแม่ของเธออย่างเช่นทุกวัน
“นี่มึงตั้งใจเดินหนีกูเหรออีลูกกะหรี่”
“กรุณาใช้คำที่สุภาพกับหนูหน่อยนะคะ หนูไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูด” เธอยืดอกหันไปเถียงคอเป็นเอ็น การเจอหน้ากันแต่ละครั้งไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกสบายใจได้เลย
เพี้ยะ!
ใบหน้าสวยหันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือใหญ่ ดวงตากลมโตเบิกตากว้างและน้ำตาคลอขอบตาเริ่มแดงจากความเจ็บแสบที่เพิ่งจะได้รับ แววตาเคียดแค้นหันมองคนที่ทำเธอด้วยหางตา ก่อนจะฉายแววขุ่นเคืองออกมาด้วยความรังเกียจ
“มึงมองกูแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือมึงอยากโดนอีกสักที” ง้างมือเตรียมจะตบแก้มกลมซ้ำ แต่เสียงแหลมๆของคนที่นอนขยับตัวไม่ได้ดังขึ้นมาขัด
“พอ! พอได้แล้ว ฮึก! อย่าทำอะไรลูกฉัน แกมันก็แค่เดนสวะ ฉันไม่น่าไปหลงระเริงกับคนอย่างแกเลยไอ้วันชัย” ดลฤดีเอ่ยพร้อมกับน้ำตา เจ็บใจตัวเองที่ไปคว้าเอาผู้ชายเลวๆคนนี้มาเป็นผัว ก่อนจะได้ อะไรๆก็ดี พอแต่งงานกันได้ไม่ถึงสามปีก็เริ่มออกลาย จนเริ่มเห็นได้ชัด
“ปากดีกันนักนะพวกมึง อย่าให้กูรู้ว่าพวกมึงเอาโฉนดบ้านนี้ไปไว้ที่ไหน ถ้ากูหาเจอกูจะขายจนทำให้พวกมึงไม่มีที่ซุกหัวนอนกันเลย คอยดู!”
สองแม่ลูกยืนมองคนที่เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดินออกไปด้วยความจุกอก ยิ่งดลฤดียิ่งแล้วใหญ่ เมื่อไหร่ที่เห็นคนเป็นสามีกลับมา เธอก็มักจะเห็นเขากลับมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวจนพาลทำลายข้าวของไปหมด แต่วันนี้เขาคนนั้นทำเกินไปมาก เพราะเขาตบหน้าลูกสาวสุดที่รักของเธอ ตั้งแต่เธอคลอดดาวเสาร์ออกมา ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เธอจะตีลูก แล้วมันมีสิทธิ์อะไรมาตบมาตีให้ลูกของเธอต้องเจ็บ
“แม่ขอโทษ ฮึก! แม่ขอโทษ” ดลฤดีพร่ำโทษตัวเองไม่หยุด มือที่ยังสามารถขยับได้ ยกทุบเข้าที่ขาตัวเองไม่หยุด
ตุบ ตุบ ตุบ!!
“แม่ แม่คะ อย่าทำร้ายตัวเองเลยค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของแม่เลย มันเป็นความไม่รู้จักพอของเขาต่างหาก” ยังไว้หน้าด้วยการไม่เรียกมันอยู่ เพราะยังไงมันก็ยังเป็นผัวของแม่เธอ
“ฮึก! แม่ขอโทษ แม่น่าจะตายๆไปซะ จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระให้ลูกแบบนี้ ทำไมนะ ทำไมแม่ไม่ตายๆไปซะตั้งแต่วันนั้น แม่จะมีชีวิตกลับคืนมาเพื่อทำให้ลูกของแม่ต้องลำบากทำไม ทำไม!”
ดลฤดียังคงโทษตัวเองไม่หยุด ดาวเสาร์จึงต้องคอยกอดแม่ตัวเองเอาไว้ เธอพูดไม่ออกเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ พ่อเลี้ยงของเธอกลับมาเมื่อไหร่ แม่เธอก็เอาแต่โทษตัวเองแบบนี้ทุกครั้ง ไม่ได้โทษตัวเองอย่างเดียว แต่ยังพยายามทำร้ายตัวเองด้วยการทำให้ตัวเองจากโลกนี้ไปอีก ของมีคมทุกอย่างเธอเก็บออกห่างจากแม่ของเธอเป็นอย่างดี เธอไม่เคยปล่อยปละละเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถ้าหากพลาดหรือเผลอขึ้นมา นั่นหมายถึงชีวิตแม่เธอทั้งชีวิต