ติ๊ง! พอลิฟท์เปิดออก ฉันรีบเดินนำพี่เดย์มาที่ห้อง แตะคีย์การ์ดเปิดประตูทันที
“เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อปิดประตูลง...
รอดละ นึกว่าจะโดนเชิญออกซะแล้ว
“ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่” พี่เดย์พูดด้วยน้ำเสียงติดขำทั้งที่ในห้องยังมืดมิดอยู่
“ก็หนูกลัวนี่คะ ยิ่งตอนน้องเห่า... หนูขนลุกไปทั้งแขน ถ้าไม่ได้พี่เดย์ช่วยกู้สถานการณ์ หนูอาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่แล้ว” ฉันตอบพลางเอื้อมมือไปกดเปิดไฟที่ฝาผนังด้วยความเคยชิน
พอมีแสงสว่างก็เห็นหนุ่มหล่อรอยยิ้มโลกละลายอยู่ห่างกันไม่ถึงสามก้าว แถมอีกฝ่ายกำลังมองมาด้วยสายตาขบขัน และนั่นเองทำให้ฉันสำนึกได้ว่าพาผู้ชายเข้ามาในห้อง!
ตายๆๆๆ! ถ้ามีใครรู้เข้าโดนนินทาแน่ อยู่แค่ปี 1 ดันพาผู้ชายเข้าห้องละ อีกอย่างพี่เค้าก็ผู้ชาย ส่วนฉันก็ผู้หญิง มาอยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสองมันถูกต้องเหรอ? แล้วถ้าพี่เค้าไว้ใจไม่ได้ขึ้นมาใครจะช่วยฉัน
โอยฝันหวาน!! วินาทีนี้ฉันอยากหยุมหัวตัวเอง ทำไมตอนแรกเธอไม่คิดถึงเรื่องนี้?
มัวแต่ห่วงน้องหมาจนลืมทุกอย่าง บ้าไปแล้วรึไง! ทำไงดี จะให้พี่เดย์ลงไปรอข้างล่างก็ไม่ได้อีกเพราะพี่เค้าต้องเอาน้องหมากลับไปด้วย
“บ็อก!” เสียงเห่าของน้องหมาทำให้ฉันหยุดความคิดทุกอย่างลง
“หนาวไม่ไหวแล้วสิเรา” พี่เดย์ว่าพลางเอาน้องออกมาจากเสื้อช็อป
เฮ้ย! น้องตัวสั่นอ่ะ
“หนูเอาไดร์มาเป่าให้น้องก่อน เชิญพี่เดย์นั่งตามสบายเลยค่ะ” ว่าแล้วฉันก็วาดมือมาทางโซฟากลางห้อง เอาสัมภาระทั้งหลายแหล่วางบนโต๊ะรับแขก ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเพื่อหยิบไดร์เป่าผมไว้ในมือ พอออกมาปรากฏว่าพี่เดย์นั่งบนพื้นโดยอุ้มน้องหมาที่กำลังสั่นเอาไว้กับอก
“ทำไมพี่เดย์ไม่นั่งบนโซฟาล่ะคะ” ฉันถามหน้าตื่น แอบได้ยินพี่ในเอกพูดกันว่าบ้านพี่เดย์รวยมาก แต่มาห้องฉันดันนั่งพื้นแบบไม่ถือตัวซะงั้น
“ไม่เป็นไรครับ พี่นั่งข้างล่างนี่แหละ สบายไปอีกแบบ” พี่เดย์เงยหน้าขึ้นมาตอบกันพลางยิ้มอย่างใจดี พอเห็นแบบนี้แล้วอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองบ้าบอชะมัด ถึงพี่เค้าเป็นผู้ชายก็จริง แต่พี่เดย์ช่วย เหลือฉันมาตลอด แถมยังไม่มีท่าทีจะจีบเหมือนผู้ชายคนอื่นด้วย เค้าจะมาทำอะไรฉันเพื่อ?
“แต่ว่า...”
“รีบเป่าตัวให้น้องก่อนดีกว่าครับ” พี่เดย์ยกตัวน้องขึ้น น้องยังคงสั่นอยู่อย่างเดิมไม่เปลี่ยน
“ค่ะ” ฉันกระวีกระวาดเอาไดร์ไปเสียบปลั๊ก พี่เดย์ก็ให้ความร่วมมือกันดีมาก อุ้มน้องมาวางบนโต๊ะรับแขกแล้วจับไว้ ส่วนฉันก็ใช้ไดร์เป่าตัวน้องให้อุ่นขึ้น สักพักอาการสั่นของน้องหมาก็หายไป
“พี่ขอโทรหาไอ้กัสแป๊บนึงนะ” พี่เดย์บอกพลางล้วงมือถือออกจากกางเกง
“เชิญตามสบายเลยค่ะ” ฉันยิ้มพลางลูบหัวน้องไปด้วย... น่ารักชะมัดเลยแฮะ
เห็นแล้วอดคิดถึงเจ้าชีโร่ไม่ได้ บ้านฉันที่เชียงใหม่ก็เลี้ยงหมาด้วยค่ะ เพราะงั้นเวลาฉันเห็นน้องหมาทีไรก็อดพุ่งใส่ไม่ได้สักที แบบนี้เค้าเรียกตกหลุมในความน่ารักสิเนอะ แฮร่!
“พี่ขอไปคุยที่ระเบียงได้มั้ย” พี่เดย์ถามพลางชี้ไปยังประตูระเบียงซึ่งติดกับมุมครัว
อ้อ! นี่ก็ลืมไปเลย พี่เค้าคงต้องการความเป็นส่วนตัวตอนคุยกับเพื่อน
“คุยในห้องนี้ก็ได้ค่ะ ข้างนอกฝนตกอยู่เดี๋ยวพี่เดย์จะเปียกเอา หนูจะไปหาของเล่นให้น้องเล่นด้วย” ฉันว่าพลางอุ้มน้องหมาเข้ามาในห้องนอนแล้วปิดประตูลง ระหว่างนี้ก็พยายามหาว่าน้องจะเล่นอะไรได้บ้างแต่ไม่มีเลย
ก๊อกๆ!
เสียงเคาะหน้าห้องทำให้ฉันรู้ว่าพี่เดย์คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เลยเดินมายังประตูก่อนจะปิดลงอย่างรวดเร็ว พี่เดย์ลงมานั่งพื้นตามเดิมแถมยังรายงานให้ฟังว่า
“ไอ้กัสมันบอกให้รอฝนซาก่อนถึงมารับ ตอนนี้ยังไปลานจอดรถไม่ได้เพราะฝนหนักอยู่”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางหย่อนตูดลงบนพื้น โชคดีที่ใส่พลีทเลยนั่งขัดสมาธิได้สบาย
“ทำไมไม่นั่งบนโซฟาล่ะครับ” พี่เดย์ถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ก็พี่เดย์ไม่นั่ง จะให้หนูนั่งค้ำหัวผู้ใหญ่ได้ไงล่ะคะ” พอฉันย้อนให้ พี่เดย์ถึงกับทำหน้าอึ้งก่อนจะหัวเราะออกมา
“เป็นแผนให้พี่ขึ้นไปนั่งข้างบนว่างั้น พี่ยอมก็ได้ครับ กลัวน้องฝันหวานนั่งพื้นจะเหน็บกิน” พี่เดย์ลุกขึ้นยืนทำให้ฉันอุ้มน้องหมาลุกตาม เราย้ายมานั่งบนโซฟาตัวยาวตัวเดียวกันแต่อยู่คนละฟากโดยมีน้องหมาเดินวนเวียนไปมาคั่นกลาง
“ว่าแต่เราจะตามหาเจ้าของฟูฟูยังไงดีคะ” ฉันถามอย่างนึกได้ มือก็ลูบขนของน้องไปด้วย... นุ่มนิ่มชะมัด
“ฟูฟู” พี่เดย์เลิกคิ้วด้วยสีหน้าแปลกใจทำเอาฉันยิ้มหวาน
“ก็ขนของน้องขาวฟูฟ่อง หนูเลยเรียกว่าฟูฟู” คำอธิบายของฉันทำให้พี่เดย์ยิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่ได้แย้งเรื่องชื่อชั่วคราวของน้องหมา
“ลองถ่ายรูปฟูฟูลงไอจีก่อนมั้ย เผื่อเจ้าของจะมาเห็น แต่ถ้าไม่มีใครติดต่อมาเราค่อยทำป้ายติดแถวนี้ดู” พี่เดย์เสนอความเห็น
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย
ทำไงได้ล่ะเนอะ วิธีนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสุดในตอนนี้ละ
“งั้นอุ้มฟูฟูเลยครับ เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปเอง”
“ได้เลยค่ะ” ฉันรับคำพลางอุ้มเจ้าฟูฟูไว้ในอ้อมกอด หันหน้าน้องไปทางพี่เดย์ที่ระรัวกดรูปมากกว่าสิบช็อต
“เรียบร้อยครับ พี่ส่งรูปไห้ทางไลน์ละ ช่วยกันโพสเนอะ” พี่เดย์ยิ้มมุมปาก สีหน้าเหมือนพึงพอใจมากประดุจทำมิชชั่นสุดหินสำเร็จยังไงยังงั้น
นั่นแน่! เพราะฟูฟูน่ารักมากแน่เลย พี่เดย์ถึงโดนตกจนยิ้มออก อย่าว่างั้นว่างี้เลย... ฉันก็โดนน้องตกเหมือนกัน แฮร่!
“โอเคค่ะ” พอได้ยินเสียงไลน์ ฉันก็วางน้องลง เอื้อมมือไปล้วงมือถือในกระเป๋าสะพายออกมาเข้าแชท “โหว! พี่เดย์ถ่ายรูปเก่งอ่ะ น้องน่ารักมาก” ฉันชมจากใจพลางเซฟรูปลงเครื่อง
“น้องน่ารักเพราะคนอุ้มน่ารักไงครับ”
“หือ” ฉันเงยหน้ามองคนพูดทันที นี่ไม่ได้หูเพี้ยนใช่ป่ะ พี่เดย์ชมฉันว่าน่ารักงั้นเหรอ?
“พี่พูดจริงครับ เพราะน้องฝันหวานน่ารักพี่เลยตั้งใจถ่ายรูปสุดฝีมือ” ร่างสูงที่นั่งโซฟาตัวเดียวกันพูดด้วยแววตาระยิบระยับ ยิ้มมุมปาก
ตึกตัก! ตึกตัก! บ้าจังฝันหวาน แค่คนหล่อพูดแค่นี้ เธอถึงกับใจเต้นแรงเลย