“ตายแล้ว ยัยพราวเธอซดเอาเลยใช่ไหมเนี่ย” หนุ่มหล่อรุ่นพี่เอ่ยถามอย่างขบขัน ก่อนจะมองเพื่อนของแฟนหนุ่มอีกสองคนที่บังเอิญมาเที่ยว พอรู้ว่าหญิงสาวทั้งสองเป็นเพื่อนรุ่นน้องของเชษฐา ทั้งคู่จึงย้ายโต๊ะมานั่งด้วยกัน ทั้งประกายดาวและภารดาไม่กล้าปฏิเสธเพราะเห็นเป็นคนสนิทของเจ้าของร้าน แต่อีกฝ่ายรู้ดีว่าคนทั้งสองเป็นเสือผู้หญิง แม้จะไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไร แต่ก็คอยจับตามองอยู่ห่างๆ พอเห็นท่าว่าประกายดาวที่ยังคุมสติได้ดีเริ่มมีสีหน้าอึดอัดและอยากได้ความช่วยเหลือจึงก้าวเข้ามาเสียทีหนึ่ง
“นานๆ ได้เที่ยวทีอะพี่เชษ อีกอย่างมีหนูดาวอยู่ด้วย”
เชษฐาค้อนคมก่อนจะหันไปยิ้มให้สาวสวยรุ่นน้อง
“อยากกลับหรือยัง ขับรถไหวไหม” เชษฐาถามอย่างเป็นห่วง
“ผมไปส่งน้องๆ ให้ได้นะครับ” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้เชษฐาหัวเราะออกมาเบาๆ พลางสบตาหนุ่มคนนั้นอย่างรู้ทัน
“อุ๊ย ไม่รบกวนดีกว่า แต่ถ้าหนูดาวกลับไม่ไหว พี่จะขับไปส่งเอง”
เมื่อได้ฟังคำของเชษฐา ประกายดาวจึงโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก สีหน้าอึดอัดแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขอบคุณ
“ขอบคุณมากค่ะพี่เชษ แต่หนูดาวขับไหว หนูดาวไม่ได้เมา ยายพราวสิคะเมา ดูสิ หนูดาวชวนกลับแต่ก็ยังงอแงอยากอยู่ต่อ”
เชษฐาหัวเราะเบาๆ ก่อนบอก
“งั้นก็ปล่อยนางเถอะ เห็นว่าทำงานหนักมาตลอดจะเป็นปีแล้วนี่ ปล่อยให้นางปล่อยผีของนางไป”
จากนั้นเชษฐาก็ก้มลงกระซิบที่หูของหญิงสาว เป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างสูงของใครบางคนที่ตั้งใจมาหาประกายดาวมองเห็น ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์ ความไม่พอใจวาบวับอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางสนิทสนมของคนทั้งสองทำให้ใจของเขาร้อนราวไฟเผากระนั้น
“หนูดาวไม่ต้องกังวล พี่คอยดูอยู่ ส่วนอีหน้าหม้อสองตัวนี้หนูดาวก็เออๆ ออๆ กับพวกมันไปก่อน แต่อย่าไปดื่มอะไรจากสองตัวนี้มากนักนะ พี่บอกได้เท่านี้ แล้วถ้าจะกลับเมื่อไร โบกมือให้สัญญาณเรียกพี่ได้เลยพี่จะไปส่ง พี่อยู่แถวๆ นี้แหละ ไม่ไปไหนไกล” พูดจบเชษฐาก็ยืดลำตัวสูง ก่อนจะหันไปยิ้มให้สองหนุ่มที่ทำหน้าสงสัยว่าเขาพูดอะไรกับสาวสวย
“ตามสบายนะหนุ่มๆ ผมฝากสองสาวด้วย ขอตัวไปดูลูกค้าทางโน้นก่อน” พูดจบ ร่างสูงก็เดินผละห่างไปทันที
ประกายดาวหันมายิ้มให้คนทั้งสอง ก่อนจะหยิบแก้วของตนเองขึ้นมาดื่มเบาๆ ส่วนแม่เพื่อนสาวตัวดีตอนนี้ลุกขึ้นเต้นเย้วๆ อยู่ข้างๆ โต๊ะนั่นเอง
“เฮ้ยอาร์ม” ชัยวัฒน์เรียกเพื่อนด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาดีเดินดุ่มๆ ตรงมา “ไปไงมาไง อย่าบอกนะที่บอกว่าพาแม่มาต่างจังหวัดคือจังหวัดนี้”
อารัญนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง ขณะเอ่ยไปทักทายกับเพื่อนผู้ชายอีกสองคนกับสาวๆ อีกสามที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว และกำลังมองเขาอย่างสนใจใคร่รู้
“เออใช่”
“แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้กูพล่ามซะตั้งนาน โน่นเมียเก่ามึง ดูเหมือนน้องไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน ไอ้สองตัวนั้นมันเฝ้าไม่ยอมไปไหนด้วยนะ” เขาบุ้ยปากบอกเพื่อน อารัญมองไปยังประกายดาวแล้วหรี่ตาแคบระคนวาวโรจน์ ก่อนจะหันไปบอกกับเพื่อนว่าอยากดื่มอะไรเมื่อฝ่ายนั้นถามขึ้น
สาวสวยคนหนึ่งหันไปกระซิบถามชัยวัฒน์
“พี่ชัยคะ พี่คนนี้เป็นเพื่อนพี่เหรอ ทำไมนุ้ยไม่เคยเจอเลย” ไม่ถามเปล่า แต่สายตาของสาวสวยมองเพื่อนของเขาด้วยแววตาวาววาม อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ เขารู้ว่านุ้ยกำลังสนใจเพื่อนของเขา ไม่เพียงแต่นุ้ยหรอก อีกสองสาวและผู้หญิงคนไหนที่พบเจออารัญมีต้องมองตาปรอยด้วยกันทั้งนั้น แต่เพื่อนของเขาเป็นประเภทเรื่องมากและจุกจิกเรื่องผู้หญิง ไม่มั่วหรือมักง่ายเหมือนผู้ชายคนอื่น แต่ละคนที่มันคบหานั้นมีแต่ระดับไฮโซไม่ก็ดาราระดับเบอร์ต้นๆ ของประเทศทั้งนั้น ล่าสุดเขาเห็นคบอยู่กับอริศรา ดาราสาวคนดัง
“ไอ้อาร์มมันไม่ได้อยู่แถวนี้หรอก นุ้ยเลยไม่รู้จักมัน” เขาตอบยิ้มๆ พลางยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม
“เหรอคะ แหม นุ้ยอยากรู้จักพี่เขาจังเลย” พูดพลางยกมือเขี่ยอกของชัยวัฒน์เบาๆ ชายหนุ่มเพียงยิ้มเพราะรู้ว่านุ้ยไม่ใช่ในแบบที่เพื่อนของเขาชอบ ก่อนมองเลยไปยังโต๊ะที่มีประกายดาวนั่งอยู่ และมองเพื่อนอย่างครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร เพราะเมื่อมาถึงก็เอาแต่นั่งมองไม่ยอมเข้าไปทักทาย
ขณะนั้น เขามองหาร่างของชนาธิป ก่อนจะหันไปถามเพื่อน
“หนูดาวมากับใครอีกหรือเปล่านอกจากเพื่อนผู้หญิง”
ชัยวัฒน์ส่ายหน้า
“ไม่ กูเห็นมากับน้องคนนั้นคนเดียว ส่วนไอ้สองตัวนี้มาทีหลัง รู้สึกว่ามันจะรู้จักกับเจ้าของร้าน หนูดาวก็เหมือนกัน น่าจะรู้จักกับเจ้าของร้านดี”
คำตอบของเพื่อนทำให้อารัญหันไปมองอดีตภรรยาอีกครั้ง เขาไม่รู้จักมันสองคน ดูปราดเดียวก็รู้ว่าพวกมันคิดอะไรกับสองสาว เขารู้สึกหงุดหงิดที่ประกายดาวปล่อยให้ไอ้สองตัวนั่งด้วยแบบนั้น คิดแล้วจึงผุดลุกเต็มความสูง
“มึงจะไปไหน”
ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนแล้วบอก
“กูจะเข้าไปทักหนูดาวสักหน่อย มึงไม่ต้องรอนะ บางทีกูอาจกลับเลย ขอบใจมึงมากที่โทร.บอกกู แล้วก็ขอบใจที่เลี้ยงเหล้า”
พูดจบเขาก็กระดกเหล้าลงคอก่อนวางแก้วแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทำให้สาวๆ ที่นั่งมองเขาตาปรอยมองตามอย่างเสียดาย
ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่เบื้องหลังของประกายดาว ทำให้ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามต้องมองอารัญด้วยความแปลกใจและเริ่มไม่พอใจขึ้นครามครัน
อาการของทั้งสองและสัมผัสที่แตะลงมาบนไหล่ทำให้หญิงสาวหันขวับ เมื่อเห็นหน้าคนที่บังอาจมาจับไหล่หญิงสาวก็ตะลึงงันด้วยความแปลกใจ ไม่คิดฝันว่าจะได้พบเจอเขาที่นี่ วูบหนึ่งดวงตาเป็นประกายยินดีปรากฏขึ้นในดวงตาคู่งาม ยิ่งทำให้อารัญแปลกใจ แต่เพียงวูบเดียวความยินดีเมื่อครู่ก็จางหายกลับเป็นปกติ
“พี่อาร์ม” หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ “พี่อาร์มมาได้ไงคะ”
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ พลางตวัดตามองไปยังผู้ชายอีกสองคนที่กำลังมองเขาอย่างแคลงใจ ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นใครที่ไหนอีก
“พี่พาแม่มาพักผ่อน พอดีเพื่อนพี่อยู่ที่นี่ก็เลยออกมาเจอกับมัน บังเอิญนะ ได้เจอกันที่นี่ ว่าแต่มาเที่ยวกับใครบ้าง” เขาถามพลางกวาดตามองไปยังชายหนุ่มแปลกหน้าอีกครั้ง หญิงสาวมองตามสายตาของเขาแล้วลอบกลืนน้ำลายพลางตอบ
“ดาวมากับพราวค่ะ”
เขาหันไปมองภารดาที่กำลังเต้นอยู่ข้างหน้า แล้วหลุบตามองคนตรงหน้า โดยไม่คิดทักทายผู้ชายอีกสองคนสักนิด
“เพื่อนเราดูเมามากนะนั่น จะกลับหรือยัง พี่จะได้ไปส่ง”
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ คืนนี้เป็นคืนที่มีผู้ชายเสนอตัวไปส่งหล่อนกับเพื่อนถึงสามสี่รายทีเดียว โดยเฉพาะรายสุดท้ายนี้เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายอย่างยิ่ง
“เอ่อ ดาวก็ว่าจะกลับเหมือนกันค่ะ แต่ดาวกลับเองได้ ดาวเอารถมา”
ชายหนุ่มมองไปที่เพื่อนสาวของประกายดาว ก่อนจะพยักหน้าพลางบอก
“งั้นก็กลับได้แล้ว พี่จะขับรถตามไปส่งเราถึงห้อง ไปบอกเพื่อนไป”
หญิงสาวยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วหมุนตัวไปตามเพื่อนอย่างว่าง่าย
ภารดาทำท่างงเล็กน้อย แต่พอเห็นหน้าชายหนุ่มก็ยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย ซ้ำยังพูดจากระเซ้าเย้าแหย่ไปด้วยความเมา
“โอ้ สวัสดีค่าพี่อาร์ม มาได้ไงค้าเนี่ย อย่าบอกนะว่าตามมาสอดส่องพฤติกรรมหนูดาวอีก หูย ไม่ต้องห่วงนะค้า พราวอยู่ทั้งคน พราวดูแลให้เองค่า”
คำพูดของคนเมาทำให้ประกายดาวหน้าแดงก่ำ ทั้งโมโหและขบขันเพื่อน ที่ตัวเองก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ ยังมีหน้าพูดแบบนี้อีก
“ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจ” พูดจบเขาก็เข้าไปช่วยพยุงภารดาที่ทำท่าเซ ประกายดาวสบตาเขาอย่างขอบคุณ ก่อนจะหันไปเอ่ยลาสองหนุ่มที่มองมาอย่างงงงัน เพราะไม่มีใครสนใจพวกเขา ทำเหมือนไร้ตัวตน
“ดาวกลับก่อนนะคะ ขอบคุณที่มานั่งเป็นเพื่อนค่ะ”
หนึ่งในสองอ้าปากค้าง ทำท่าว่าจะพูดอะไร แต่อารัญตวัดตามองขวับ ฝ่ายนั้นหุบปากฉับลงทันที ก่อนจะหน้าตึงเมื่อคนที่มาใหม่พาสาวสวยที่เขาหมายตาจากไปก่อนจะแสยะยิ้มราวกับเยาะเย้ย
“ไอ้นั่นมันใครวะ”
“กูจะรู้ไหม นั่งอยู่กับมึงเนี่ย”
ทั้งสองบ่นอุบ แล้วมองตามร่างคนทั้งสามก่อนจะหันมากระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้วด้วยความหงุดหงิดปนเสียดาย